ปราสาทร้างซ่อนประวัติศาสตร์ทั่วโลก

 โพสท์โดย  make a move / 22/7/2562


ในสมัยยุคกลาง ปราสาทนั้นถือเป็นป้อมปราการที่มีไว้สำหรับป้องกันอาคารและยากจะเข้าถึงได้ แต่ในปัจจุบันปราสาทหลายที่กลายเป็นสถานที่น่าขนลุก และเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างที่ผุพังเท่านั้น แม้ว่าอาคารเหล่านี้จะถูกทิ้งร้างไว้นานหลายศตวรรษ แต่ก็ยังคงมีเสียงเล่าลือเกี่ยวกับวิญญาณ ของบุคคลสำคัญที่เคยอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ รวมทั้งสงครามที่เคยเกิดขึ้นในดินแดนของพวกเขา ไปจนถึงความมั่งคั่งที่พวกเขาเคยมี เช่นเดียวกับ ปราสาทร้างที่มีประวัติศาสตร์อันน่าสนใจเหล่านี้

1. Bannerman Castle — Beacon, New York
ปราสาท Bannerman เคยเป็นที่จัดเก็บอาวุธของ Frank Bannerman ตัวแทนจำหน่ายอาวุธปืนชาวสก็อต ในมหานครนิวยอร์ก เริ่มแรก Frank และภรรยา ได้สร้างบ้านที่ดูเหมือนปราสาทอันงดงามขึ้นในที่ดินของพวกเขา ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ Pollepel ในแม่น้ำฮัดสัน และจะมาอาศัยอยู่ที่ปราสาทแห่งนี้ในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น ทุกวันนี้ชื่อของ Frank ยังคงมองเห็นได้จากบนกำแพง แม้จะมีการระเบิดเกิดขึ้นในปี 1920 รวมทั้งการเกิดเพลิงไหม้หลายครั้ง และการเปลี่ยนมือเจ้าของมากมายก็ตาม

2. Gwrych Castle — North Wales, UK
ปราสาท Gwrych ถูกสร้างขึ้นในยุค 1800 เพื่อใช้เป็นบ้านของ Lloyd Hesketh Bamford-Hesketh ว่ากันว่าครั้งหนึ่งควีนเอลิซาเบธเคยมาเยี่ยมชมความงามของปราสาทแห่งนี้ก่อนขึ้นครองราชย์ด้วยซ้ำ  ปราสาทแห่งนี้มีห้องพักทั้งหมด 128 ห้อง ซึ่งรวมทั้งห้องนอน 28 ห้อง, ห้องโถงด้านนอก, ห้องโถงด้านใน, ห้องสูบบุหรี่ 2 ห้อง, ห้องอาหาร, ห้องวาดภาพ, ห้องบิลเลียด และห้องพักสำหรับคนรับใช้ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ปราสาทแห่งนี้เคยเป็นที่พักสำหรับผู้อพยพชาวยิวกว่า 200 คน และในภายหลังได้เปิดเป็นสวนสนุกและสวนสัตว์สาธารณะ จนในที่สุดหลายปีก่อนปราสาทก็ถูกซื้อไป ด้วยความตั้งใจที่จะเปลี่ยนเป็นโอเปร่าเฮาส์และโรงแรมหรู แต่ท้ายที่สุดมันก็ไม่ได้ถูกสร้างแต่อย่างใด

3. The Ruins — Talisay City, Philippines
มีตำนานเล่ากันว่า Don Mariano Ledesma Lacson บารอนผู้เป็นเจ้าของฟาร์มในศตวรรษที่ 20 สร้างแมนชั่นนี้ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของภรรยาที่เสียชีวิตในขณะตั้งท้องบุตรคนที่ 11 ต่อมา ในภายหลังอาคารดังกล่าวถูกทหารชาวสหรัฐฯวางเพลิง เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารชาวญี่ปุ่น ใช้ปราสาทแห่งนี้เป็นฐานทัพในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้จะถูกไฟเผาไปบ้าง แต่กำแพงและความงามของปราสาทก็ยังคงตั้งตระหง่านอยู่เช่นเดิม

 4. Heidelberg Castle — Heidelberg, Germany
ปราสาท Heidelberg ถูกสร้างขึ้นในยุค 1300 ซึ่งเจ้าชาย Elector Ruprecht III ได้เปลี่ยนมันให้กลายเป็น ที่อยู่อาศัยของราชวงศ์และถูกใช้ต่อเนื่องกันมานานกว่า 400 ปี จนกระทั่งในปี 1764 ที่ปราสาทถูกฟ้าฝ่า และอาคารส่วนใหญ่ถูกทำลายลง ชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงจึงได้นำก้อนหินจากปราสาทมาสร้างเป็น บ้านของตัวเอง ในภายหลัง Count Charles de Graimberg ได้เริ่มอนุรักษ์ซากปรักหักพังนี้ในปี 1800 แต่ปราสาทโดยส่วนใหญ่ยังคงถูกทิ้งร้างมาจนถึงทุกวันนี้

5. Aughnanure Castle — Oughterard, Ireland
O'Flaherty เป็นตระกูลชาวไอริช ที่มีคำขวัญประจำตระกูลของพวกเขาว่า "โชคชะตาจะเข้าข้าง คนที่แข็งแกร่งเท่านั้น" พวกเขาได้สิทธิ์ในการดูแลที่ดินบริเวณนี้ และได้สร้างปราสาท Aughnanure ขึ้นในยุค 1500  ในอดีตซากปรักหักพังแห่งนี้เคยประกอบไปด้วยห้องจัดเลี้ยง, หอนาฬิกา และท่าเรือ ปัจจุบัน ปราสาท Aughnanure ถูกครอบครองโดยสำนักงานโยธาธิการ เนื่องจาก Roderick O'Flaherty เจ้าของเดิมประสบกับความยากลำบากทางการเงินจนไม่สามารถดูแลปราสาทแห่งนี้ได้อีกต่อไป ซึ่งปัจจุบันได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและมีไกด์นำทางไว้ให้บริการอีกด้วย

6. The Virginia Renaissance Faire — Fredericksburg, Virginia
แม้ปราสาทที่ Virginia Renaissance Faire จะไม่ได้มาจากยุคกลาง แต่มันก็ยังถูกทิ้งร้างไว้ ท่ามกลางป่าที่เฉอะแฉะเช่นกัน ในระหว่างปี 1996 - 1999 ผู้จัดงานแฟร์ได้พยายามที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้มาดื่มด่ำกับอาหารยุคกลาง รวมทั้งสถาปัตยกรรมและความบันเทิงในปราสาทแห่งนี้ แต่ด้วยสภาพภูมิอากาศ ที่ชวนอ่อนล้าและอึดอัด จึงทำให้มันดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่มากพอที่จะทำกำไรได้ งานกิจกรรมนี้จึงถูกจัด ในสถานที่ใหม่ ทำให้ปราสาท, หอคอย และจัตุรัสกลางเมืองถูกทำลายเนื่องจากถูกบุกรุกโดยป่ารอบๆ

7. Fasil Ghebbi — Gondar, Ethiopia
Fasil Ghebbi นั้นถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสูงเกือบ 900 เมตร ในระหว่างศตวรรษที่ 16 และ 17 ที่แห่งนี้เคยถูกใช้เป็นป้อมปราการเมือง ซึ่งประกอบไปด้วยพระราชวัง, ปราสาท, ห้องสมุดและโบสถ์ แม้กระทั่ง Fasilides จักรพรรดิแห่งเอธิโอเปีย ก็เคยพักอาศัยอยู่ที่นี่ และมันยังถูกใช้เป็นศูนย์กลาง ของรัฐบาลเอธิโอเปียจนถึงปี 1964 UNESCO กล่าวว่าปราสาทแห่งนี้ได้รับความเสียหายในระหว่างปี 1930 และ 1936 เนื่องจากความพยายามในการอนุรักษ์อย่างไม่ถูกต้อง แต่ต่อมาในยุค 1990 UNESCO ได้เริ่มทำการ ซ่อมแซมและทำการอนุรักษ์ปราสาทนี้อย่างเหมาะสม และยังคงดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน

8. Champollion Palace — Cairo, Egypt
พระราชวัง Champollion ถูกสร้างขึ้นในปี 1899 ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในตัวเมืองไคโร ของประเทศอียิปต์ พระราชวังแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นที่พักของเจ้าชาย Said Halim Pacha จนกระทั่งพระองค์ถูกเนรเทศออกไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จากข้อหาติดต่อกับพวกออตโตมาน ต่อมาพระราชวังแห่งนี้ได้กลายเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กชายชนชั้นสูง ซึ่งนักเรียนเหล่านี้ ได้สร้างความสึกหรอให้กับสถานที่ จนมันต้องปิดตัวลงและถูกทิ้งร้างในที่สุด

 9. Dunstanburgh Castle — Northumberland, England
Earl Thomas of Lancaster ซึ่งเป็นบารอนของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ได้สร้างปราสาท Dunstanburgh ขึ้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านกษัตริย์ในปี 1313 และเมื่อความสัมพันธ์ของพวกเขาย่ำแย่ลง เขาจึงสร้างป้อมปราการขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง แต่ขนาดและความยิ่งใหญ่ของมันกลับถูกมองว่าเป็นการดูหมิ่นกษัตริย์ ต่อมา Earl Thomas of Lancaster ได้ก่อการจลาจลขึ้น และเมื่อการจลาจลทางทหารของเขาไม่ประสบความสำเร็จ จึงทำให้เขาถูกประหารชีวิตในปี 1322 หลังจากนั้น John of Gaunt ก็ได้ครอบครองปราสาทต่อมา แต่มันถูกยึด และถูกล้อมไว้ในช่วงสงครามดอกกุหลาบ และมันก็ไม่เคยกลับสู่ความรุ่งเรืองในอดีตอีกเลย ในปัจจุบันประสาทแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ดูแลโดยองค์การอนุรักษ์แห่งชาติ

10. Criccieth Castle — Gwynedd, Wales



ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ของปราสาท Criccieth นั้นยังคงเป็นปริศนา แต่คาดเดาว่ามันถูกสร้างขึ้นในช่วง ประมาณศตวรรษที่ 13 โดย Llywelyn the Great เจ้าชายแห่งกวินเนด ว่ากันว่ามันเคยถูกใช้เป็นคุก จนกระทั่งปี 1404 ซึ่งผู้ถูกคุมขังที่โดดเด่นที่สุดที่เคยถูกคุมขังในที่แห่งนี้ก็คือคือ Gruffydd ลูกชายของ Llywelyn ซึ่งถูกคุมขังโดยพี่ชายต่างมารดา Dafydd  ปราสาทเคยถูกเผาในศตวรรษที่ 15 ระหว่างการจลาจลของกบฏชาวเวลช์และชาวอังกฤษ แต่ในปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง




11. Carew Castle — Pembrokeshire, Wales




ประสาท Carew นั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Carew ในเวลส์ ย้อนหลังไปในทศวรรษที่ 1100 ปราสาทที่ยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน ถูกสร้างขึ้นโดย Sir Nicholas de Carew ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง ต่อมาในศตวรรษที่ 13 หลังจากเจ้าของที่ผ่านมาถูกประหารชีวิตจากการทรยศ หรือถูกคุมขังโดยกษัตริย์ ปราสาทจึงถูกทิ้งร้างไว้ในช่วงปี 1686 ต่อมาอุทยานแห่งชาติได้เริ่มฟื้นฟูปราสาทขึ้นในปี 1983 ซึ่งในปัจจุบันปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่อุดมไปด้วยประชากรค้างคาวจำนวนมากอีกด้วย




12. Pidhirtsi Castle — Lviv Oblast, Ukraine



ปราสาท Pidhirsti ถูกสร้างขึ้นเพื่อ Stanislaw Koniecpolski ผู้บัญชาการทหารโปแลนด์ ในศตวรรษที่ 17 ปราสาทถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน Andrea del Aqua และป้อมปราการถูกออกแบบโดย ชาวฝรั่งเศส Guillaume de Beauplan ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรวบรวมอาวุธ, งานศิลปะ และเป็นสถานที่จัดงาน ที่มีราชวงศ์ยุโรปเข้าร่วมด้วย เนื่องเจ้าของใหม่ในยุค 1800 ไม่ได้ทำการดูแลเอาใจใส่ปราสาท จึงทำให้มันถูกบุกรุกและทรุดโทรมลง และต่อมาปราสาทได้กลายมาเป็นโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยวัณโรค  นอกจากนี้ในปี 1956 ยังเกิดเพลิงไหม้ ที่เป็นสาเหตุของความเสียหายโดยส่วนใหญ่ของปราสาทอีกด้วย มีการบูรณะเกิดขึ้นในปี 1997 และในปัจจุบันส่วนหนึ่งของปราสาทถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานและการแสดงศิลปะ

13. Sammezzano Castle — Tuscany, Italy



ปราสาท Sammezzano ถูกสร้างขึ้นในบริเวณพระราชวัง Royal Palazzo ในศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นของขุนนางชาวสเปน ที่ชื่อ Ximenes of Aragon จนกระทั่งในปี 1853 Marquis Ferdinando Ximenes Panciatichi ได้ทำการสร้างปราสาทแห่งนี้ ขึ้นใหม่หมด ซึ่งมีห้องโถงที่งดงามที่สุดที่ชื่อว่า"ห้องนกยูง" ในภายหลัง หลังจากเขาเสียชีวิตลง ปราสาทแห่งนี้ก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นโรงแรมหรู แต่ท้ายที่สุดก็เลิกกิจการไป และถูกทิ้งร้างไว้ ในยุค1990 จนในปัจจุบัน หน่วยงาน FPXA ได้เข้ามารับหน้าที่ปรับปรุงและดูแลปราสาทแห่งนี้ต่อ



Cr.Insider
ขอบคุณที่มา: Moodymuay 
http://www.crossboxs.com/posts/13-ปราสาทร้าง-ซ่อนประวัติศาสตร์
POSTJUNG

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่