🛑 จากหญิงสาวตระกูลสูงศักดิ์ กลับกลายเป็นชะนีผู้คลั่งไคล้การดื่ม และอาบเลือดเป็นชีวิตจิตใจ
🛑 ทำไมเธอจึงเป็นเช่นนั้น อะไรทำให้เธอคลั่งไคล้การอาบเลือด มาร่วมหาคำตอบพร้อมกันในคลิปนี้ด้วยกันเลยคะ
เพื่อเพิ่มอรรถรส กดฟังได้เลยนะคะ ^^
เพื่อนๆ หลายๆคน คงเคยได้ยินเรื่องราวของเคาท์แดร๊คคูล่า ที่ชอบท่องราตรีเพื่อหาเลือดสดๆของสาวๆ มาดื่มกินกันมาเยอะแล้ว
แต่เรื่องของ เคาท์แดร๊คคูล่า นั้น มันเทียบไม่ได้เลยกับเรื่องที่จะเล่าให้ฟังในนี้
เรื่องราวความโหดเหี้ยมของหญิงสาวสูงศักดิ์ เคาท์เทส อลิซาเบธ บาโธรี่
เรื่องราวในคลิปนี้เป็นเรื่องของ เคาท์เทส อลิซาเบธ หญิงสาวผู้สูงศักดิ์แห่งตระกูลบาโธรี่
เธอคนนี้มีฉายาว่า บัดดี้เลดี้และกลายมาเป็นหนึ่งในฆาตกรฆ่าต่อเนื่องที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
อลิซาเบธ บาโธรี่ เธอเป็นเจ้าของปราสาทแอดติสอันเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 13
โดยตั้งอยู่บนเนินเขาของ ประเทศสโลวาเกีย โดยปราสาทแห่งนี้ได้กลายเป็นทั้งที่อยู่อาศัย เรือนจำ และที่คุมขัง ทรมาน
ที่เรียกว่าสุดแสนจะโหดเหี้ยมและอำมหิต ผิดมะนุดมะนา
อลิซาเบธ บาโธรี่ เกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 1560 ในปราสาทเชิงเขาคาร์เทียนใกล้ๆ กับแคว้นทรานซิลวาเนีย
ซึ่งตระกูลบาโธรี่นั้นตระกูลขุนนางชั้นสูงของฮังการี่และสืบสายมา จากตระกูลแฮบสเบิร์กอันเก่าแก่ของยุโรป
ตระกูลบาโธรี่จึงเป็นตระกูลที่เก่าแก่ร่ำรวย มีอำนาจล้นหลาม เป็นที่น่ายำเกรงของประชาชนทั่วไป
และปกครองแคว้นทรานซิลวาเนียมาหลายต่อหลายยุคสมัย
อลิซาเบธ บาโธรี่ ไม่ใช่เด็กหญิงที่สวยงาม เธอออกจะขี้ริ้วขี้เหร่ด้วยซ้ำแต่ด้วยความที่เป็นลูกผู้ดีมีตระกูล
ทำให้มีบรรดาผุ้ชายจากตระกูลใหญ่ รวมถึงจักรพรรดิแวะเวียนมาขอดูตัวเธออยู่เสมอ ทำให้เอลิซาเบธคิดเองเออเองว่า..
เธอเป็นคนสวย รูปร่างหน้าตาดี และยังเป็นผู้ดีมีชาติตระกูล แต่..มันก็เหมือนนรกจับยัดใส่มาเกิด
เพราะนอกจากเธอจะไม่ใช่สาวสวยแล้ว เอลิซาเบธยังมีอาการบกพร่องทางจิตอย่างรุนแรงอีกด้วย
แต่ถ้าในสมัยก่อนอาจเป็นเรื่องธรรมดาก็ได้ เพราะในตระกูลเก่าแก่ มักจะมีการแต่งงานกันเองในหมู่เครือญาติ
เพื่อรักษาสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูล และรักษาทรัพย์สมบัติ รวมถึงอำนาจเอาไว้ ทำให้บรรดาลูกหลานที่สืบสายเลือดของตระกูลนี้
มักจะมีอาการบกพร่องทางจิตอันเนื่องมาจาก ลักษณะทางพันธุกรรม และยังมีพฤติกรรมที่แปลกอีกด้วย
ตัวของเอลิซาเบธเอง ก็มีนิสัยที่เพี้ยนพิลึกมาตั้งแต่ยังเด็ก เธอไม่สนใจเกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทอง
ที่ผู้คน เตรียมใส่พานทองมาประเคนให้ เธอไม่สนใจเรียน เกเร ชอบหนีเที่ยว
และยังชอบไปเล่นจั้มจี้มะเขือเปาะกับลูกชาวนา ชาวไร่ จนท้อง ด้วยวัย 13 ปีเท่านั้น
และก่อนที่จะมีใคร ระแคะระคายเรื่องที่เอลิซาเบธท้องกับไพร่ แม่ของเธอจึงรีบส่งตัวเอลิซาเบธไปอยู่ที่ปราสาทของตระกูล
แต่เป็นปราสาทที่แสนไกล โดยให้ข้ออ้างกับคนที่ถามถึงไว้ว่า เอลิซาเบธไม่สบาย และต้องการที่จะพักผ่อนในที่สงบ
เพื่อจะได้รักษาตัว แต่ก็ไม่มีบันทึกว่าลูกของเอลิซาเบธหลังคลอดนั้น หายไปไหน เป็นไปได้ว่าอาจโดนฆ่าไปแล้ว
เพราะเรื่องที่เธอท้องถือเป็นเรื่องอัปยศของวงศ์ตระกูล จึงให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด
ต่อมาเมื่อ เอลิซาเบธโตขึ้น เธอก็เริ่มมีอาการปวดหัวเรื้อรังที่รักษายังไงก็ไม่หาย
จนกระทั่งวันนึง เธอเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง จนเผลอไปกัดเข้าที่ไหล่ของสาวใช้จนเนื้อนั้นหลุดออกมา
สาวใช้จึงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดทรมาน แต่กลับกัน เป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก
เพราะเมื่อเอลิซาเบธได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวใช้ อาการปวดหัวของเธอกลับหายสนิทเหมือนไม่ได้ปวดมาก่อน
นับตั้งแต่นั้นมา เมื่อไหร่ที่เอลิซาเบธปวดหัว เธอก็จะทรมานสาวใช้เพื่อให้เสียงร้องโหยหวนนั้นเป็นยารักษาอาการของเธอ
ในปี คศ 1575 ตอนนี้ เอลิซาเบธอายุได้ 15 ปี และเธอก็ได้แต่งงานกับท่านเคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้
ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องอายุมากกว่า 11 ปี แต่เมื่อแต่งงานไปแล้ว เอลิซาเบธ เธอยังคงใช่นามสกุลเดิม คือตระกูลบาโธรี่
เพราะว่าตระกูลของเธอนั้นสูงส่งมากกว่าตระกูลของสามี และทั้งสองก็ได้ย้ายที่อยู่ไปยังปราสาทเซติซ ปราสาทที่ดูกว้างใหญ่ไพศาล
แต่กลับมืดทะมึนทึน น่าสยดสยอง กลางป่าลึกบนภูเขาคาร์ลปาเชีย ในสโลวาเกีย เพื่อเตรียมรับตำแหน่งเคาน์เตส นายหญิงแห่งอาณาจักร
ตัวสามีของเอลิซาเบธ ท่านเคานท์ฟีเรนซ์ ที่ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่ความจริงกลับไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด
ออกแนวจิตวิปริตเหมือนกับเอลิซาเบธ สองสามีภรรยาจึงมักหาเรื่องตื่นเต้น เร้าใจ กับการทรมานบรรดาบ่าวไพร่ให้ทำด้วยกันอยุ่เสมอ
เพราะเมื่อท่านเคานท์เสนอ อลิซาเบธเองก็สนอง ด้วยการคิดค้นหาวิธีสยดสยองต่างๆนาๆมาทดลองทรมานบ่าวไพร่ของตน
แต่ด้วยตัวท่านเคานท์สามีของเอลิซาเบธ เป็นทหาร จึงต้องออกไปรบตามที่ต่างๆ ไม่ค่อยอยู่ติดปราสาท
ทำให้ชีวิตแต่งงานของเอลิซาเบธ ไม่ค่อยหวานชื่นเหมือนคนอื่น ทำให้เอลิซเบธมีอาการปวดหัวบ่อยครั้งมากขึ้น
ทำให้การทรมานสาวใช้ก็ค่อยๆหนักขึ้นตาม วิธีการทรมานของเธอ ก็มีหลายวิธี เช่น การแทงเข็มเข้าที่ปลายนิ้ว
หรือจับสาวใช้มาทาน้ำผึ้งทั่วตัวแล้วโยนลงไปในห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยมด เพื่อที่ฟังเสียงกรีดร้องที่แสนจะทรมานของบรรดาสาวใช้
แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่นับว่าเป็นการเปิดฉากตำนานเจ้โหดแห่งสโลวาเกียของเธอเลยด้วยซ้ำ
และด้วยความเบื่อหน่ายในกับชีวิตแต่งงานของเธอ เอลิซาเบธจึงเริ่มที่จะหางานอดิเรกใหม่มาทดแทน
นั่นก็คือการเล่นคุณไสย มนต์ดำ ที่คนรับใช้แนะนำ ทำให้เอลิซาเบธมักจะลงไปหมกตัวอยู่ในห้องใต้ดิน
และประกอบพิธีกรรมแปลกประหลาดอยู่เป็นประจำ และต่อมาไม่นานด้วยความที่สามีไม่ค่อยอยู่ติดปราสาท
บวกกับความเหงาของเอลิซาเบธ ทำให้เธอมีชู้ แต่เมื่อสามีของเธอรับรู้ ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
หลังจากนั้นไม่นาน แม่สามีก็ย้ายมาอยู่ด้วย ทำให้ในปราสาทตอนนี้เริ่มมีสงครามเย็นระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้เกิดขึ้น
ต่อมาในฤดูหนาวปี คศ 1600 เอลิซาเบธในวัย 40 ปี ได้เสียสามีที่เป็นคู่ชีวิตสุดแสนจะซาดิสของเธอ
ท่านเคาทน์ฟีเรนซ์เสียชีวิตด้วยอายุ 51 ปี ได้ทิ้งสมบัติและอำนาจทุกอย่างเอาไว้ในมือภรรยา
และในวันเดียวกันนั้นเอง แม่สามีก็ลาโลกตามลูกชายไปอีกคน และแล้ว ชีวิตการเป็นฆาตกรของเอลิซาเบธก็เริ่มต้นขึ้น ..
ตอนนี้ ไม่มีใครมาขวางทางเธอได้อีกแล้ว เธอกลายเป็นราชินีในอาณาจักร
ชีวิตของประชาชนก็เปรียบเหมือน ลูกไก่ตัวน้อยๆที่อยู่ในมือของซาตาน
แต่ก็ยังมีอยู่เรื่องนึง ที่เธอรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ด้วยความที่เอลิซาเบธเป็นคนหลงตัวเองมาก
แต่ด้วยอายุในวัย 40 ของเธอ ทำให้ร่างกายเริ่มเหี่ยวยาว ตีนกาก็ถามหา
และด้วยสมัยนั้นยังไม่มีหมอศัลยกรรม ฟิลเล่อ โบท๊อกก็ยังไม่เข้า เธอจึงต้องหาวิธีที่จะกลับมาสวย
และต้องสวยแบบอมตะนิรันกาล เอลิซาเบธคิดหาสารพัดวิธี หนักถึงขั้นให้แม่มดหมอผีที่คุ้นเคยทำยาคืนความสาวมาใช้หลายขนาน
แต่ไม่ว่าอันไหนก็ไม่ค่อยเห็นผล
ต่อใน Comment นะคะ ^^
จากหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ สู่การเป็นชะนีอาบเลือด เจ้โหดแห่งสโลวาเกีย l บันทึกลึกลับ
🛑 ทำไมเธอจึงเป็นเช่นนั้น อะไรทำให้เธอคลั่งไคล้การอาบเลือด มาร่วมหาคำตอบพร้อมกันในคลิปนี้ด้วยกันเลยคะ
เพื่อเพิ่มอรรถรส กดฟังได้เลยนะคะ ^^
เพื่อนๆ หลายๆคน คงเคยได้ยินเรื่องราวของเคาท์แดร๊คคูล่า ที่ชอบท่องราตรีเพื่อหาเลือดสดๆของสาวๆ มาดื่มกินกันมาเยอะแล้ว
แต่เรื่องของ เคาท์แดร๊คคูล่า นั้น มันเทียบไม่ได้เลยกับเรื่องที่จะเล่าให้ฟังในนี้
เรื่องราวความโหดเหี้ยมของหญิงสาวสูงศักดิ์ เคาท์เทส อลิซาเบธ บาโธรี่
เรื่องราวในคลิปนี้เป็นเรื่องของ เคาท์เทส อลิซาเบธ หญิงสาวผู้สูงศักดิ์แห่งตระกูลบาโธรี่
เธอคนนี้มีฉายาว่า บัดดี้เลดี้และกลายมาเป็นหนึ่งในฆาตกรฆ่าต่อเนื่องที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
อลิซาเบธ บาโธรี่ เธอเป็นเจ้าของปราสาทแอดติสอันเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 13
โดยตั้งอยู่บนเนินเขาของ ประเทศสโลวาเกีย โดยปราสาทแห่งนี้ได้กลายเป็นทั้งที่อยู่อาศัย เรือนจำ และที่คุมขัง ทรมาน
ที่เรียกว่าสุดแสนจะโหดเหี้ยมและอำมหิต ผิดมะนุดมะนา
อลิซาเบธ บาโธรี่ เกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 1560 ในปราสาทเชิงเขาคาร์เทียนใกล้ๆ กับแคว้นทรานซิลวาเนีย
ซึ่งตระกูลบาโธรี่นั้นตระกูลขุนนางชั้นสูงของฮังการี่และสืบสายมา จากตระกูลแฮบสเบิร์กอันเก่าแก่ของยุโรป
ตระกูลบาโธรี่จึงเป็นตระกูลที่เก่าแก่ร่ำรวย มีอำนาจล้นหลาม เป็นที่น่ายำเกรงของประชาชนทั่วไป
และปกครองแคว้นทรานซิลวาเนียมาหลายต่อหลายยุคสมัย
อลิซาเบธ บาโธรี่ ไม่ใช่เด็กหญิงที่สวยงาม เธอออกจะขี้ริ้วขี้เหร่ด้วยซ้ำแต่ด้วยความที่เป็นลูกผู้ดีมีตระกูล
ทำให้มีบรรดาผุ้ชายจากตระกูลใหญ่ รวมถึงจักรพรรดิแวะเวียนมาขอดูตัวเธออยู่เสมอ ทำให้เอลิซาเบธคิดเองเออเองว่า..
เธอเป็นคนสวย รูปร่างหน้าตาดี และยังเป็นผู้ดีมีชาติตระกูล แต่..มันก็เหมือนนรกจับยัดใส่มาเกิด
เพราะนอกจากเธอจะไม่ใช่สาวสวยแล้ว เอลิซาเบธยังมีอาการบกพร่องทางจิตอย่างรุนแรงอีกด้วย
แต่ถ้าในสมัยก่อนอาจเป็นเรื่องธรรมดาก็ได้ เพราะในตระกูลเก่าแก่ มักจะมีการแต่งงานกันเองในหมู่เครือญาติ
เพื่อรักษาสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูล และรักษาทรัพย์สมบัติ รวมถึงอำนาจเอาไว้ ทำให้บรรดาลูกหลานที่สืบสายเลือดของตระกูลนี้
มักจะมีอาการบกพร่องทางจิตอันเนื่องมาจาก ลักษณะทางพันธุกรรม และยังมีพฤติกรรมที่แปลกอีกด้วย
ตัวของเอลิซาเบธเอง ก็มีนิสัยที่เพี้ยนพิลึกมาตั้งแต่ยังเด็ก เธอไม่สนใจเกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทอง
ที่ผู้คน เตรียมใส่พานทองมาประเคนให้ เธอไม่สนใจเรียน เกเร ชอบหนีเที่ยว
และยังชอบไปเล่นจั้มจี้มะเขือเปาะกับลูกชาวนา ชาวไร่ จนท้อง ด้วยวัย 13 ปีเท่านั้น
และก่อนที่จะมีใคร ระแคะระคายเรื่องที่เอลิซาเบธท้องกับไพร่ แม่ของเธอจึงรีบส่งตัวเอลิซาเบธไปอยู่ที่ปราสาทของตระกูล
แต่เป็นปราสาทที่แสนไกล โดยให้ข้ออ้างกับคนที่ถามถึงไว้ว่า เอลิซาเบธไม่สบาย และต้องการที่จะพักผ่อนในที่สงบ
เพื่อจะได้รักษาตัว แต่ก็ไม่มีบันทึกว่าลูกของเอลิซาเบธหลังคลอดนั้น หายไปไหน เป็นไปได้ว่าอาจโดนฆ่าไปแล้ว
เพราะเรื่องที่เธอท้องถือเป็นเรื่องอัปยศของวงศ์ตระกูล จึงให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด
ต่อมาเมื่อ เอลิซาเบธโตขึ้น เธอก็เริ่มมีอาการปวดหัวเรื้อรังที่รักษายังไงก็ไม่หาย
จนกระทั่งวันนึง เธอเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง จนเผลอไปกัดเข้าที่ไหล่ของสาวใช้จนเนื้อนั้นหลุดออกมา
สาวใช้จึงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดทรมาน แต่กลับกัน เป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก
เพราะเมื่อเอลิซาเบธได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวใช้ อาการปวดหัวของเธอกลับหายสนิทเหมือนไม่ได้ปวดมาก่อน
นับตั้งแต่นั้นมา เมื่อไหร่ที่เอลิซาเบธปวดหัว เธอก็จะทรมานสาวใช้เพื่อให้เสียงร้องโหยหวนนั้นเป็นยารักษาอาการของเธอ
ในปี คศ 1575 ตอนนี้ เอลิซาเบธอายุได้ 15 ปี และเธอก็ได้แต่งงานกับท่านเคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้
ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องอายุมากกว่า 11 ปี แต่เมื่อแต่งงานไปแล้ว เอลิซาเบธ เธอยังคงใช่นามสกุลเดิม คือตระกูลบาโธรี่
เพราะว่าตระกูลของเธอนั้นสูงส่งมากกว่าตระกูลของสามี และทั้งสองก็ได้ย้ายที่อยู่ไปยังปราสาทเซติซ ปราสาทที่ดูกว้างใหญ่ไพศาล
แต่กลับมืดทะมึนทึน น่าสยดสยอง กลางป่าลึกบนภูเขาคาร์ลปาเชีย ในสโลวาเกีย เพื่อเตรียมรับตำแหน่งเคาน์เตส นายหญิงแห่งอาณาจักร
ตัวสามีของเอลิซาเบธ ท่านเคานท์ฟีเรนซ์ ที่ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่ความจริงกลับไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด
ออกแนวจิตวิปริตเหมือนกับเอลิซาเบธ สองสามีภรรยาจึงมักหาเรื่องตื่นเต้น เร้าใจ กับการทรมานบรรดาบ่าวไพร่ให้ทำด้วยกันอยุ่เสมอ
เพราะเมื่อท่านเคานท์เสนอ อลิซาเบธเองก็สนอง ด้วยการคิดค้นหาวิธีสยดสยองต่างๆนาๆมาทดลองทรมานบ่าวไพร่ของตน
แต่ด้วยตัวท่านเคานท์สามีของเอลิซาเบธ เป็นทหาร จึงต้องออกไปรบตามที่ต่างๆ ไม่ค่อยอยู่ติดปราสาท
ทำให้ชีวิตแต่งงานของเอลิซาเบธ ไม่ค่อยหวานชื่นเหมือนคนอื่น ทำให้เอลิซเบธมีอาการปวดหัวบ่อยครั้งมากขึ้น
ทำให้การทรมานสาวใช้ก็ค่อยๆหนักขึ้นตาม วิธีการทรมานของเธอ ก็มีหลายวิธี เช่น การแทงเข็มเข้าที่ปลายนิ้ว
หรือจับสาวใช้มาทาน้ำผึ้งทั่วตัวแล้วโยนลงไปในห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยมด เพื่อที่ฟังเสียงกรีดร้องที่แสนจะทรมานของบรรดาสาวใช้
แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่นับว่าเป็นการเปิดฉากตำนานเจ้โหดแห่งสโลวาเกียของเธอเลยด้วยซ้ำ
และด้วยความเบื่อหน่ายในกับชีวิตแต่งงานของเธอ เอลิซาเบธจึงเริ่มที่จะหางานอดิเรกใหม่มาทดแทน
นั่นก็คือการเล่นคุณไสย มนต์ดำ ที่คนรับใช้แนะนำ ทำให้เอลิซาเบธมักจะลงไปหมกตัวอยู่ในห้องใต้ดิน
และประกอบพิธีกรรมแปลกประหลาดอยู่เป็นประจำ และต่อมาไม่นานด้วยความที่สามีไม่ค่อยอยู่ติดปราสาท
บวกกับความเหงาของเอลิซาเบธ ทำให้เธอมีชู้ แต่เมื่อสามีของเธอรับรู้ ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
หลังจากนั้นไม่นาน แม่สามีก็ย้ายมาอยู่ด้วย ทำให้ในปราสาทตอนนี้เริ่มมีสงครามเย็นระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้เกิดขึ้น
ต่อมาในฤดูหนาวปี คศ 1600 เอลิซาเบธในวัย 40 ปี ได้เสียสามีที่เป็นคู่ชีวิตสุดแสนจะซาดิสของเธอ
ท่านเคาทน์ฟีเรนซ์เสียชีวิตด้วยอายุ 51 ปี ได้ทิ้งสมบัติและอำนาจทุกอย่างเอาไว้ในมือภรรยา
และในวันเดียวกันนั้นเอง แม่สามีก็ลาโลกตามลูกชายไปอีกคน และแล้ว ชีวิตการเป็นฆาตกรของเอลิซาเบธก็เริ่มต้นขึ้น ..
ตอนนี้ ไม่มีใครมาขวางทางเธอได้อีกแล้ว เธอกลายเป็นราชินีในอาณาจักร
ชีวิตของประชาชนก็เปรียบเหมือน ลูกไก่ตัวน้อยๆที่อยู่ในมือของซาตาน
แต่ก็ยังมีอยู่เรื่องนึง ที่เธอรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ด้วยความที่เอลิซาเบธเป็นคนหลงตัวเองมาก
แต่ด้วยอายุในวัย 40 ของเธอ ทำให้ร่างกายเริ่มเหี่ยวยาว ตีนกาก็ถามหา
และด้วยสมัยนั้นยังไม่มีหมอศัลยกรรม ฟิลเล่อ โบท๊อกก็ยังไม่เข้า เธอจึงต้องหาวิธีที่จะกลับมาสวย
และต้องสวยแบบอมตะนิรันกาล เอลิซาเบธคิดหาสารพัดวิธี หนักถึงขั้นให้แม่มดหมอผีที่คุ้นเคยทำยาคืนความสาวมาใช้หลายขนาน
แต่ไม่ว่าอันไหนก็ไม่ค่อยเห็นผล
ต่อใน Comment นะคะ ^^