ราชินีหญิงผู้โด่งดังในประวัติศาสตร์โลก

By pornphanh

บุคคลที่ทีนเอ็มไทยนำมาเสนอในวันนี้ ล้วนเป็นผู้หญิงที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาติต่างๆ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังในประวัติศาสตร์โลกอีกด้วย ทั้ง12 คนนี้ได้รับสมยานามต่างๆนาๆ ทั้งในแบบของความดีงาม และความอัปยศอดสู!
(ซึ่งรูปภาพที่เพื่อนๆ จะได้เห็น ผู้หญิงทั้ง 12 คนนี้เป็นรูปที่ถ่ายขึ้นใหม่ โดยใช้นางแบบจริงๆ และปรับแบล็คกราวน์ สะท้อนให้เห็นเรื่องราวของหญิงทั้ง 12 ในยุคนั้นๆด้วยภาพบและองค์ประกอบต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความสวยงามและชัดเจนในตัวของแต่ละบุคคล) 

                                                                 
1. ราชินีอลิซาเบธที่ 1 : ผู้ได้รับพระราชสมัญญาว่า ราชินีผู้ทรงพรหมจรรย์

ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งอังกฤษ และสมเด็จพระราชินีนาถแห่งไอร์แลนด์ ที่พระองค์ได้รับพระฉายานามว่า “ราชินีผู้ทรงพรหมจรรย์” เนื่องจากพระองค์ไม่มีการอภิเษกสมรสเลยตลอดพระชนม์ชีพ สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 ทรงเป็นกษัตรีย์พระองค์ที่ 5 และนับเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ทิวดอร์

ถึงแม้พระองค์เป็นราชินีที่ไม่มีการสมรสตลอดพระชนม์ชีพ แต่พระองค์ก็ทรงขับเคลื่อนอังกฤษให้ไปในทางที่ดีขึ้น และในยุคของพระองค์นี้เองที่อังกฤษได้แสดงแสนยานุภาพ ทั้งการสำรวจ วรรณกรรม สงคราม และการศึกษาไปกว่าครึ่งค่อนโลก หรือเรียกได้ว่าพระนางเป็น ” หญิงเก่งโดยแท้ “

ในด้านการปกครองพระราชินีนาถอลิซาเบธทรงดำเนินนโยบายที่เป็นสายกลางมากกว่าพระราชบิดา พระอนุชา และ พระเชษฐภคินี คำขวัญที่ทรงถืออยู่คำหนึ่งคือ “video et taceo” ( ข้าพเจ้ารู้แต่ข้าพเจ้าไม่พูด) นโยบายดังกล่าวสร้างความอึดอัดใจให้แก่บรรดาราชองคมนตรี แต่ก็เป็นนโยบายที่ทำให้ทรงรอดจากการสร้างความสัมพันธ์ทางการเมืองและทางการมีคู่ในทางที่ไม่ถูกไม่ควรมาหลายครั้ง

แม้ว่าจะทรงดำเนินนโยบายการต่างประเทศอย่างระมัดระวัง และทรงสนับสนุนการสงครามในเนเธอร์แลนด์, ฝรั่งเศส และ ไอร์แลนด์อย่างครึ่งๆ กลางๆ แต่ชัยชนะที่ทรงมีต่อกองเรืออาร์มาดาของสเปนในปี พ.ศ. 2131 ก็ทำให้ทรงมีชื่อว่าทรงมีส่วนเกี่ยวข้องกับชัยชนะอันสำคัญที่ถือกันว่าเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ ภายใน 20 ปีหลังจากการเสด็จสวรรคต พระองค์ก็ทรงได้ชื่อว่าเป็นพระมหากษัตรีย์ของยุคทองของอังกฤษ

พระราชินีนาถอลิซาเบธทรงได้ชื่อว่าเป็นผู้นำผู้มีเสน่ห์และเป็นผู้นำให้ประเทศรอดจากภัยพิบัติต่างๆ ในยุคที่รัฐบาลอยู่ในสภาวะที่ปั่นป่วนและสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศเพื่อนบ้านต้องเผชิญกับสถานะการณ์ภายในที่เป็นอันตรายต่อราชบัลลังก์ หลังจากรัชสมัยอันสั้นของพระอนุชาและพระเชษฐภคินีแล้วรัชสมัยอันยาวนานถึง 44 ปีก็เป็นรัชสมัยที่สร้างความมั่นคงให้แก่ราชอาณาจักร และเป็นรัชสมัยที่วางรากฐานของความเป็นชาติของอังกฤษด้วย

รัชสมัยของพระองค์เป็นที่รู้จักกันว่า “สมัยเอลิซาเบธ” ที่มีชื่อเสียงเหนือสิ่งใดว่าเป็นยุคเรอเนสซองซ์ของนาฏกรรมของอังกฤษ ที่นำโดยนักเขียนบทละครผู้มีชื่อเสียงเช่นวิลเลียม เชคสเปียร์ และ คริสต์โตเฟอร์ มาร์โลว์, และความเจริญทางการเดินเรือโดยผู้นำเช่นฟรานซิส เดรค เป็นต้น

เมื่อเทียบกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ไทย สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 ทรงครองราชย์ในเวลาเดียวกันกับระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิและสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในสมัยกรุงศรีอยุธยา




2. จักรพรรดินีอเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย : ผู้ได้รับพระราชสมัญญาว่า อิสตรีคนสุดท้ายแห่งคาซาลีน่า

พระจักรพรรดินีอเล็กซานดราทรงเป็นที่รู้จักดีที่สุดในฐานะที่ทรงเป็นจักรพรรดินีพระองค์สุดท้ายของรัสเซีย ผู้เป็นพาหะโรคฮีโมฟีเรียให้กับบรรดาเครือญาติของพระ องค์ ทั้งนี้พระนางก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในฐานะอิสตรีคนสุดท้าย ของคาซาลีน และเนื่องจากพระนางทรงปฏิบัติหน้าที่ดีจนเกินไป จนไปขัดความก้าวหน้าของบาทหลวงปิศาจรัสปูติน ผู้ที่ทำให้ราชวงศ์โรมานอฟอันยิ่งใหญ่ของรัสเซียล่มสลาย ทั้งนี้ยังมีอีกหลายหลักฐานปักใจเชื่อว่า สาเหตุที่พระนางทรงเสียชีวิตมีส่วนเกี่ยวข้องกับ รัสปูติน




3. สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 แห่งรัสเซีย : ผู้ได้รับพระราชสมัญญาว่า จักรพรรดินีผู้ทรงภูมิธรรม

พระองค์ทรงเป็นจักรพรรดินีนาถที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดและครองราชย์ยาวนานที่สุดของรัสเซีย การปกครองของพระองค์เป็นการอธิบายถึงการเป็น ผู้ใช้อำนาจเด็ดขาดที่ทรงเรืองปัญญา (enlightened despot) ทั้งยังทรงฟื้นฟูจักรวรรดิรัสเซียให้แข็งแกร่งและมีอาณาเขตกว้างกว่าเดิมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนรัสเซียกลายมาเป็นชาติมหาอำนาจที่สำคัญมากที่สุดชาติหนึ่งในยุโรป

พระองค์ทรงทำการปฏิรูประบบราชการรวมไปถึงมีรับสั่งให้สถาปนาเมืองและหมู่บ้านขึ้นมากมาย และในฐานะที่ทรงเป็นผู้นิยมชมชอบพระราชกรณียกิจของซาร์ปีเตอร์มหาราช พระองค์จึงได้ดำเนินพระราโชบายตามแนวทางของซาร์ปีเตอร์มหาราชโดยการปฏิรูปรัสเซียให้เข้าสู่ความทันสมัยตามแบบฉบับชาติยุโรปตะวันตก

อย่างไรก็ตามการเข้ารับราชการในกองทัพและระบบเศรษฐกิจของประเทศยังคงต้องพึ่งพาระบบทาสอยู่ต่อไป ในขณะที่ความต้องการใช้แรงงานของประเทศและของเหล่าผู้ครอบครองที่ดินเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การใช้แรงงานทาสดำเนินไปถึงขั้นกดขี่แรงงานทาส และระบบทาสดังกล่าวก็เป็นหนึ่งในเหตุผลประการสำคัญของการก่อกบฏหลายต่อหลายครั้ง ดังเช่นกบฏปูกาเชฟที่มีกองทหารม้าและชาวนาจำนวนมากมายเข้าร่วมการกบฏ

ตลอดระยะเวลาในการครองราชย์หรือ สมัยแคทเธอรีน ถูกพิจารณาว่าเป็นยุคทองของจักรวรรดิรัสเซียและของระบอบศักดินาในรัสเซีย แถลงการณ์ว่าด้วยเสรีภาพของขุนนางซึ่งเป็นที่โต้แย้งกันในรัชสมัยของซาร์ปีเตอร์ที่ 3 ก็ได้รับการยินยอมในช่วงรัชสมัยของพระนางแคทเธอรีน โดยแถลงการณ์ฉบับนี้ได้ให้อิสรภาพแก่บรรดาขุนนางไม่ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของกองทัพหรือการรับราชการสนองคุณประเทศ ให้อิสรภาพในการครอบครองที่อยู่อาศัย

เช่น แมนชันรูปแบบคลาสสิก โดยรูปแบบสถาปัตยกรรมดังกล่าวเป็นที่นิยมและได้รับการสนับสนุนโดยพระนางเจ้าแคทเธอรีนอย่างมาก ก่อให้เกิดตึกรามบ้านช่องอันหรูหราขึ้นจำนวนมาก ซึ่งตลอดช่วงการครองราชย์ของพระองค์ได้ทรงทำให้โฉมหน้าของประเทศเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จึงกล่าวได้ว่ารัชสมัยของพระนางคือยุคเรืองปัญญาของรัสเซียก็ว่าได้

4. คาท์เตสอลิซาเบธ บาโธรี่ ผู้มีฉายาว่า เคาท์เตสคลั่งเลือด

เป็นหญิงสาวที่มีความเชื่อในเรื่องชีวิตที่เป็นอมตะ และต้องการคงร่างของตนเองให้คงดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ จึงมีความคิดที่ว่า หากได้อาบเลือดของหญิงสาวบริสุทธิ์แล้ว จะทำให้ตนเองดูอ่อนเยาว์ได้ตลอดไป เธอจึงสั่งให้คนรับใช้ไปเอาร่างของหญิงสาวบริสุทธิ์ มากรีดเอาเลือดใส่อ่างด้วยเครื่อง ไอรอน เมเดน (Iron maiden) แล้วอาบต่างน้ำ โดยมีเหยื่อที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับเธอไปไม่น้อยกว่า 600 คน กว่าที่เธอจะถูกคนจับไปขังในคุกมืดจนตาย เธอได้รับสมญานามว่า The Blood Countess และ Countess Dracula – เคาท์เตสคลั่งเลือด (แดร็กคิวล่า)


เอลิซาเบธ เกิดในตระกูลบาโธรี่ เป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงของฮังการี่และสืบสายมาจากตระกูลแฮบสเบิร์กอันเก่าแก่ของยุโรป ตระกูลที่เก่าแก่ร่ำรวย มีอำนาจ เป็นที่น่ายำเกรงของประชาชนมาหลายต่อหลายยุคสมัย เธอไม่ใช่สาวสวยออกขี่เหร่ด้วยซ้ำ อีกทั้งเธอยังมีอาการบกพร่องทางจิตอย่างรุนแรง
เป็นเรื่องธรรมดาของตระกูลเก่าแก่ที่มีการแต่งงานกันเองในหมู่ญาติเพื่อ รักษาทรัพย์สมบัติและอำนาจเอาไว้

ทำให้ผู้สืบสายเลือดตระกูลนี้จำนวนมากมีอาการบกพร่องทางจิตอันเนื่องมาจาก ลักษณะทางพันธุกรรม เป็นต้นว่าโรคฮิสทีเรีย หรือแม้แต่การสืบทอดของสาวกลัทธิบูชาปีศาจ ผู้มักมากในกาม ฯลฯ เอลิซาเบธ ก็เช่นเดียวกัน นิสัยเพี้ยนของเอลิซาเบธ ปรากฏตั้งยังเล็กๆ เอลิซาเบธนั้นแทนที่จะพอใจกับเกียรติยศที่ผู้คนเตรียมใส่พานทองมาประเคนให้ แต่เธอกลับทำท่าเบื่อหน่ายพวกพี่เลี้ยง ครูอาจารย์ที่มาอบรมสั่งสอน เธอกลับเกเรหนีเรียน แอบไปเที่ยวเล่นกับลูกชาวนา ชาวไร่ที่เป็นทาส เธอชอบเล่นสัปดนเสียจนท้องเมื่ออายุเพียง 13

5. สมเด็จพระราชินีนาถคริสติน่าแห่งสวีเดน : ผู้ได้รับพระราชสมัญญาว่า ราชินีผู้ชาย

เป็นพระราชธิดาใน สมเด็จพระราชาธิบดีกุสตาฟ อดอล์ฟที่ 2 แห่งสวีเดน พระนางมีบุคลิกลักษณะเหมือนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โปรดการทรงม้า การลุกนั่งแบบผู้ชายและฉลองพระองค์สั้นผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทเรียกพระนางว่า “เจ้าชายคริสติน่า”

พระนางขึ้นครองราชย์ตอนพระชันษาครบ 6 ปี แต่พระนางเบื่อกับการเป็นกษัตริย์ จึงทำให้พระเจ้าชาลส์ที่ 10 กุสตาฟผู้เป็นญาติของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน  หลังพระนางสละราชบัลลังก์ พระนางพร้อมด้วยบริวารใกล้ชิดเดินทางไปเข้าเฝ้าพระสันตปาปาและก็เปลี่ยนมานับถือโรมันคาทอลิก

พระนางชอบทำตัวให้เป็นที่สนใจเมื่ออยู่ในโรม ชวนคนใหญ่คนโตในโรมทะเลาะ พระสันตปาปาทรงอยากให้พระนางออกไปจากโรมเสียที จึงพระราชทานเงิน 10,000 เหรียญให้พระนางกลับสวีเดน(ค.ศ. 1656) และเสด็จแวะไปหาพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระเจ้าหลุยส์ทรงต้อนรับอย่างสมพระเกียรติที่พระราชวังฟองแตนโบล

พระนางสั่งสังหาร เคานต์ เมนาล เดซิ ที่มีตำแหน่งเจ้ากรมอัศวราชโดยเพราะท่านเคานต์เขียนจดหมายตำหนิพระนาง พระนางยังพยายามเป็นกษัตริย์เนเปิลส์ และโปแลนด์แต่ไม่สำเร็จ และเมื่อพระนางไม่สามารถกลับสวีเดนได้แล้ว พระนางจึงกลับสู่โรม พระนางอดทำตัวเป็นที่สนใจไม่ได้แต่ไม่มีใครสนเลย พระนางเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1689 พระศพถูกเก็บไว้ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์





6. เจ้าหญิงโอลิมเปียส ผู้ได้รับฉายาว่า เจ้าหญิงแม่มด หรือ เจ้าหญิงอสรพิษ

เพราะพระนางอยู่ในลัทธิบูชางู ของเทพสุราเมรัย ไดโอนีซุอุส พระนางจึงเทิดทูนงูมาก ๆ และบางตำราก็บอกว่าพระนางสามารถคุยกับงูได้ บังคับงูได้ แถมยังชอบหลับนอนกับงูอีกด้วย




7. พระนางคลีโอพัตรา (คลีโอพัตราที่ 7 ฟิโลปาตอร์) : ผู้ได้รับพระราชสมัญญาว่า ราชินีผู้แสนเย้ายวน

ความสวยของพระนางเคยทำให้อียิปต์ รอดจากการเป็นเมืองขึ้นมาแล้ว โดยการที่พระนางแอบหลบซ่อนตัวไปกับม้วนพรมที่เอาไปถวายแด่กษัตริย์จูเลียส ซีซาร์ จนพระองค์หลงพระนางหัวปักหัวปำ ทำให้กองทัพอียิปต์เมื่อรวมกับทัพรัสเซีย กลายเป็นกองทัพไร้เทียมทานจนประเทศอื่น ๆ ไม่กล้ารุกรานอียิปต์อีกเลยจนถึงวัน ที่จูเลียส ซีซาร์โดนลอบปลงพระชนม์โดยกบฏของรัสเซีย


พระนางคลีโอพัตรา เป็นพระราชินีแห่งอียิปต์โบราณและเชื้อพระวงศ์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ทอเลมีแห่งมาซิโดเนีย ดังนั้นจึงเป็นผู้ปกครองอียิปต์ที่มีเชื้อสายกรีกคนสุดท้าย พระนางมีพระปรีชาสามารถมากทรงแตกฉานถึง 14 ภาษา เช่น ฮิบรู, ละติน, มาเซดอนโบราณ, เอธิโอเปียน, ซีเรีย, เปอร์เซีย, และ อียิปต์ ซึ่งแม้แต่ในราชวงศ์ น้อยคนนักที่จะแตกฉานภาษานี้

พระนางคลีโอพัตรา นับว่าเป็นผู้ปกครองอียิปต์โบราณที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ซึ่งทำให้ราชินีองค์ก่อนๆ ที่ทรงพระนามคล้ายคลึงกันถูกลบเลือนไปสิ้น ในความเป็นจริงแล้วพระนางไม่เคยปกครองอียิปต์เพียงลำพัง แต่ครองราชย์ร่วมกับพระบิดา, พระอนุชา ,สวามีผู้เป็นอนุชาของพระองค์ หรือไม่ก็พระโอรส การครองราชย์ร่วมกันดังกล่าวมีผู้ร่วมบัลลังก์เป็นเพียงกษัตริย์ตามพระยศเท่านั้น อำนาจแท้จริงอยู่ในมือของคลีโอพัตราเองทั้งสิ้น

เรียบเรียงโดย teen.mthai
เครดิตเว็บไซต์ mthai.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่