ชื่อว่าภวังควิญญาณ
อันติดตามปฏิสนธิวิญญาณนั้น ๆ
ในเมื่อปฏิสนธิวิญญาณดับไปแล้ว
เป็นวิบากแห่งกรรมนั้น ๆ
เป็นเช่นเดียวกัน
ในอารมณ์นั้นเอง
เป็นไปอยู่ ๆ
เมื่อไม่มีจิตตุปบาทดวงอื่น
ซึ่งทำให้ความสืบต่อ
หมุนกลับอย่างนี้
ว่าเป็นอย่างนั้นอีก ๆ
ภวังควิญญาณนั้นก็เป็นไป
นับประมาณไม่ได้
ในเวลาก้าวลงสู่ความหลับเป็นต้น ๆ
แห่งบุคคลผู้ไม่ฝันเห็น (สุบิน)
ดุจกระแสนํ้าไหลเรื่อยไปฉะนั้นฯ
ภวังคจิตเปรียบเหมือน
กระแสน้ำที่สิ้นสุดลง
เมื่ออารมณ์ปรากฏ
ทางทวารหนึ่งทวารใดใน 6 ทวาร
เมื่อปัญจทวารวิถีจิต
หรือมโนทวารวิถีจิตดับไปแล้ว
กระแสภวังคจิตก็เกิดสืบต่อไปอีก
เมื่ออารมณ์กระทบ
ทวารหนึ่งทวารใดในปัญจทวาร
กระแสภวังคจิตจะสิ้นสุดลง
แล้ววิถีจิตก็เกิดขึ้นรู้อารมณ์นั้น
แต่การรู้อารมณ์จะยังไม่เกิดทันที
เช่น เมื่อเสียงกระทบกับโสตปสาท
จิตได้ยินจะเกิดทันทีไม่ได้
ภวังคจิตยังเกิดดับสืบต่อก่อน
โสตทวาราวัชชนจิตเกิดขึ้น
นึกถึงเสียงที่กระทบและจิตได้ยินเกิดขึ้น
ภวังคจิตไม่ได้ทำกิจ
นึกถึงเสียงที่กระทบโสตปสาท
ภวังคจิตไม่รู้เสียงนั้น
ภวังคจิตกระทำกิจของตนเอง
คือดำรงสืบต่อภพชาติไว้
และมีอารมณ์ของตนเอง
คือมีอารมณ์เดียวกับปฏิสนธิจิต
แม้ว่าภวังคจิตไม่รู้เสียง
ที่กระทบโสตปสาท
แต่เสียงนั้นก็กระทบภวังคจิต
จึงทำให้ภวังคจิตไหว
ต่อจากนั้นกระแสภวังค์ก็สิ้นสุดลง
แล้วโสตทวารวิถีจิตก็เกิดขึ้นรู้เสียงนั้น
ภวังคจิตไม่ใช่วิญญาณ
อันติดตามปฏิสนธิวิญญาณนั้น ๆ
ในเมื่อปฏิสนธิวิญญาณดับไปแล้ว
เป็นวิบากแห่งกรรมนั้น ๆ
เป็นเช่นเดียวกัน
ในอารมณ์นั้นเอง
เป็นไปอยู่ ๆ
เมื่อไม่มีจิตตุปบาทดวงอื่น
ซึ่งทำให้ความสืบต่อ
หมุนกลับอย่างนี้
ว่าเป็นอย่างนั้นอีก ๆ
ภวังควิญญาณนั้นก็เป็นไป
นับประมาณไม่ได้
ในเวลาก้าวลงสู่ความหลับเป็นต้น ๆ
แห่งบุคคลผู้ไม่ฝันเห็น (สุบิน)
ดุจกระแสนํ้าไหลเรื่อยไปฉะนั้นฯ
ภวังคจิตเปรียบเหมือน
กระแสน้ำที่สิ้นสุดลง
เมื่ออารมณ์ปรากฏ
ทางทวารหนึ่งทวารใดใน 6 ทวาร
เมื่อปัญจทวารวิถีจิต
หรือมโนทวารวิถีจิตดับไปแล้ว
กระแสภวังคจิตก็เกิดสืบต่อไปอีก
เมื่ออารมณ์กระทบ
ทวารหนึ่งทวารใดในปัญจทวาร
กระแสภวังคจิตจะสิ้นสุดลง
แล้ววิถีจิตก็เกิดขึ้นรู้อารมณ์นั้น
แต่การรู้อารมณ์จะยังไม่เกิดทันที
เช่น เมื่อเสียงกระทบกับโสตปสาท
จิตได้ยินจะเกิดทันทีไม่ได้
ภวังคจิตยังเกิดดับสืบต่อก่อน
โสตทวาราวัชชนจิตเกิดขึ้น
นึกถึงเสียงที่กระทบและจิตได้ยินเกิดขึ้น
ภวังคจิตไม่ได้ทำกิจ
นึกถึงเสียงที่กระทบโสตปสาท
ภวังคจิตไม่รู้เสียงนั้น
ภวังคจิตกระทำกิจของตนเอง
คือดำรงสืบต่อภพชาติไว้
และมีอารมณ์ของตนเอง
คือมีอารมณ์เดียวกับปฏิสนธิจิต
แม้ว่าภวังคจิตไม่รู้เสียง
ที่กระทบโสตปสาท
แต่เสียงนั้นก็กระทบภวังคจิต
จึงทำให้ภวังคจิตไหว
ต่อจากนั้นกระแสภวังค์ก็สิ้นสุดลง
แล้วโสตทวารวิถีจิตก็เกิดขึ้นรู้เสียงนั้น