คือเรารู้สึกสบายใจเวลาอยู่ที่หอมากกว่าอยู่ที่บ้าน ด้วยเหตุผลที่ว่า
เวลาเราอยู่บ้าน แม่จะคอยควบคุมทุกอย่าง
แม้กระทั่งตอนตื่นนอน
แม่จะมาปลุกเราเวลา7 โมงทุกวัน
ถ้าเราไม่ตื่น แม่ก็จะด่า บอกว่าอย่าทำตัวขี้เกียจ
นอนกินบ้านกินเมืองเหมือนลูกคนอื่น
โดยที่แม่ไม่สนว่าเราจะนอนกี่โมง
คือบางวันเรานอนดึกเพราะเรานอนไม่หลับจริงๆ
วันหยุดเราก็อยากตื่นสายๆบ้าง
แล้วเวลานอนแม่จะบอกให้เรานอนไม่เกิน
สาม-สี่ทุ่ม มากกว่านั้นแม่ก็จะเปิดประตูมาด่า
บอกว่าถึงเวลานอนก็นอนซิ มัวแต่เล่นมือถืออยู่นั่นแหละ บอกตามตรงว่าเราอิจฉาเพื่อน
ที่เวลาอยู่บ้านแลเวสามารถนอนตื่นกี่โมงก็ได้
คือแม่เราเจ้าระเบียบมากจริงๆ
เวลาอยู่บ้านไม่ว่าเราจะทำอะไร
เราจะระแวงตลอดว่าแม่จะด่าอะไรเรามั๊ย
แต่พอเราพยายามทำตัวให้ดี
แม่ก็ยังหาเรื่องมาด่าเราได้อยู่ดี
อาบน้ำแล้วลืมเปิดน้ำก็ด่า บอกทำนองว่าเห็นแก่ตัวไม่นึกถึงคนที่อื่น
กวาดบ้านไม่สะอาด แม่ก็ด่า
แต่กับน้องชายแม่ไม่ได้ให้ทำงานบ้านอะไรเลย
เหตุผลเพราะน้องเป็นผู้ชาย
บางครั้งแม่ก็ให้ความรู้สึกว่าเรา
เหมือนลูกที่เก็บมาเลี้ยงเหมือนกันนะ
แม่ไม่ค่อยแสดงด้านอ่อนโยนกับเราเลย
ขนาดเวลาเราไม่สบาย
ถ้าเป็นแม่คนอื่นก็จะคอยเตือนด้วยความเป็นห่วง
ว่าอย่าลืมกินยานะลูก
แต่แม่เรากลับด่า แล้วบอกว่าไม่กินแล้วชาติไหนจะหาย ความหมายเหมือนกัน
แต่คนฟังมันให้ความรู้สึกต่างกัน
เรารู้ว่าแม่รักเรา และแม่แสดงออกไม่เก่ง
แต่แม่กลับแสดงด้านที่เราอยากเห็นกับน้องหมดเลย แต่กับเราเหมือนหน้ามือเป็นหลังมือ
เราเป็นคนโลกส่วนตัวสูง บางวันเราก็อยากอยู่เงียบๆคนเดียวในห้องบ้าง
แต่แม่จะไม่ให้เราล็อคประตูเลย
เราเคยล็อคเพราะโกรธแม่ ไม่อยากทะเลาะด้วยเลยหนีเข้าห้อง แม่ก็เอากุญแจมาไข แล้วก็สั่งห้ามเราล็อคอีกต่อไป โดยที่แม่สามารถเปิดเข้ามาห้องเราตอนไหนก็ได้โดยไม่ต้องเคาะ
ขนาดเรากำลังถอดเสื้อผ้าเตรียมจะอาบน้ำ
แม่ยังเข้ามาได้เลย หรือเรากำลังแต่งตัว
แม่ก็เข้ามา แม่ไม่เคยทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวเลย เรารู้ว่าเราเป็นลูกแม่
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแม่จะเป็นเจ้าชีวิตเรา
ที่จะไม่ให้เรามีโลกส่วนตัวบ้างอะ
เรารักแม่นะ รักมาก แต่พอมันเป็นอย่างงี้
เราก็เลยไม่ค่อยสนิทกับแม่
เวลามีปัญหาอะไรเราก็ไม่กล้าไปเล่าด้วย
อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้แม่ไม่แสดงด้าน
อ่อนโยนกับเราด้วยแหละ
เพราะความสนิทมันน้อยลง
แม่เป็นคนขี้โมโหมาก อารมณ์ร้อนมาก
เราทำผิดนิดเดียวก็ด่าให้เรารู้สึกเจ็บได้อะ
แล้วเวลาแม่โมโหแม่ก็จะชอบตะคอก
คือบางครั้งเราผิดเราก็ยอมรับ
แต่บางครั้งมันไม่ได้ผิดจริงๆ
เราอยากพูดอธิบายก็ไม่ได้ เพราะโดนหาว่าเถียง
เราอิจฉาเพื่อนคนอื่นมากๆ
ที่มีแม่ใจเย็นและคอยรับฟัง
เราจะออกไปไหน จะทำอะไร
เรารู้สึกเหมือนแม่คอยควบคุมอยู่ตลอด
ไม่มีอิสระเลย
เรื่องเสื้อผ้าก็ด้วย คือบางทีเราก็อยากได้เสื้อผ้าใหม่ ตามประสาของเด็กผู้หญิง
คือปีนึงเราซื้อเสื้อผ้าใหม่อยู่ไม่ถึง10ชุดเลย
แต่เวลาแม่เห็นเราใส่เสื้อผ้าใหม่
แม่ก็จะชอบแซะทำนองว่าไม่สวย
สิ้นเปลือง ให้รู้จักพอเพียงบ้าง
ใส่อยู่เท่าที่มีก็พอ
คือบางทีเราก็ต้องไปเที่ยว ออกไปสังคมกับเพื่อน
เราเห็นเพื่อนแต่งดูดีกัน
แล้วเราแต่งตัวไปแบบมอซอ
มันก็ขาดความมั่นใจ
เราว่าแม่ไม่เคยเข้าใจในตัวเรา
และไม่เคยพยายามที่จะเข้าใจเลย
เรารักแม่ก็จริง
แต่เรายิ่งอยู่กับแม่แล้วเรารู้สึก
สุขภาพจิตเรากำลังจะแย่ขึ้นเรื่อยๆ
เราพยายามปรับที่ตัวเองแล้วทุกอย่าง
แต่ปรับยังไงก็ไม่พอสำหรับแม่อยู่ดี
ถ้ามีใครช่วยให้คำแนะนำกับเรื่องนี้
เราจะขอบคุณมากๆ
เราต้องฮีลตัวเองให้หายเองกับเรื่องแบบนี้บ่อยมาก ไม่เคยระบายกับใครเลย
แต่พอมันถึงจุดนึงที่มันรู้สึกไม่ไหวแล้ว
เลยอยากหาที่ระบาย
มันอาจจะดูเป็นปัญหาเล็กๆนะ
แต่พอปล่อยให้มันเรื้อรังมาเรื่อยๆ
แล้วเรากลับไม่มีความสุขเลย
เรื่องมันเป็นประมาณนี้แหละค่ะ
เราอยากรู้ว่ามีใครรู้สึกแบบเราบ้างไหม
ว่าความเชื่อที่ว่าบ้านคือเซฟโซน
อาจจะไม่ใช่สำหรับทุกคน
ขอบคุณที่รับฟังเรามาจนจบนะคะ
แค่มีคนรับฟังเราก็ดีใจแล้ว
บ้านไม่ใช่เซฟโซนเสมอไป
เวลาเราอยู่บ้าน แม่จะคอยควบคุมทุกอย่าง
แม้กระทั่งตอนตื่นนอน
แม่จะมาปลุกเราเวลา7 โมงทุกวัน
ถ้าเราไม่ตื่น แม่ก็จะด่า บอกว่าอย่าทำตัวขี้เกียจ
นอนกินบ้านกินเมืองเหมือนลูกคนอื่น
โดยที่แม่ไม่สนว่าเราจะนอนกี่โมง
คือบางวันเรานอนดึกเพราะเรานอนไม่หลับจริงๆ
วันหยุดเราก็อยากตื่นสายๆบ้าง
แล้วเวลานอนแม่จะบอกให้เรานอนไม่เกิน
สาม-สี่ทุ่ม มากกว่านั้นแม่ก็จะเปิดประตูมาด่า
บอกว่าถึงเวลานอนก็นอนซิ มัวแต่เล่นมือถืออยู่นั่นแหละ บอกตามตรงว่าเราอิจฉาเพื่อน
ที่เวลาอยู่บ้านแลเวสามารถนอนตื่นกี่โมงก็ได้
คือแม่เราเจ้าระเบียบมากจริงๆ
เวลาอยู่บ้านไม่ว่าเราจะทำอะไร
เราจะระแวงตลอดว่าแม่จะด่าอะไรเรามั๊ย
แต่พอเราพยายามทำตัวให้ดี
แม่ก็ยังหาเรื่องมาด่าเราได้อยู่ดี
อาบน้ำแล้วลืมเปิดน้ำก็ด่า บอกทำนองว่าเห็นแก่ตัวไม่นึกถึงคนที่อื่น
กวาดบ้านไม่สะอาด แม่ก็ด่า
แต่กับน้องชายแม่ไม่ได้ให้ทำงานบ้านอะไรเลย
เหตุผลเพราะน้องเป็นผู้ชาย
บางครั้งแม่ก็ให้ความรู้สึกว่าเรา
เหมือนลูกที่เก็บมาเลี้ยงเหมือนกันนะ
แม่ไม่ค่อยแสดงด้านอ่อนโยนกับเราเลย
ขนาดเวลาเราไม่สบาย
ถ้าเป็นแม่คนอื่นก็จะคอยเตือนด้วยความเป็นห่วง
ว่าอย่าลืมกินยานะลูก
แต่แม่เรากลับด่า แล้วบอกว่าไม่กินแล้วชาติไหนจะหาย ความหมายเหมือนกัน
แต่คนฟังมันให้ความรู้สึกต่างกัน
เรารู้ว่าแม่รักเรา และแม่แสดงออกไม่เก่ง
แต่แม่กลับแสดงด้านที่เราอยากเห็นกับน้องหมดเลย แต่กับเราเหมือนหน้ามือเป็นหลังมือ
เราเป็นคนโลกส่วนตัวสูง บางวันเราก็อยากอยู่เงียบๆคนเดียวในห้องบ้าง
แต่แม่จะไม่ให้เราล็อคประตูเลย
เราเคยล็อคเพราะโกรธแม่ ไม่อยากทะเลาะด้วยเลยหนีเข้าห้อง แม่ก็เอากุญแจมาไข แล้วก็สั่งห้ามเราล็อคอีกต่อไป โดยที่แม่สามารถเปิดเข้ามาห้องเราตอนไหนก็ได้โดยไม่ต้องเคาะ
ขนาดเรากำลังถอดเสื้อผ้าเตรียมจะอาบน้ำ
แม่ยังเข้ามาได้เลย หรือเรากำลังแต่งตัว
แม่ก็เข้ามา แม่ไม่เคยทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวเลย เรารู้ว่าเราเป็นลูกแม่
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแม่จะเป็นเจ้าชีวิตเรา
ที่จะไม่ให้เรามีโลกส่วนตัวบ้างอะ
เรารักแม่นะ รักมาก แต่พอมันเป็นอย่างงี้
เราก็เลยไม่ค่อยสนิทกับแม่
เวลามีปัญหาอะไรเราก็ไม่กล้าไปเล่าด้วย
อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้แม่ไม่แสดงด้าน
อ่อนโยนกับเราด้วยแหละ
เพราะความสนิทมันน้อยลง
แม่เป็นคนขี้โมโหมาก อารมณ์ร้อนมาก
เราทำผิดนิดเดียวก็ด่าให้เรารู้สึกเจ็บได้อะ
แล้วเวลาแม่โมโหแม่ก็จะชอบตะคอก
คือบางครั้งเราผิดเราก็ยอมรับ
แต่บางครั้งมันไม่ได้ผิดจริงๆ
เราอยากพูดอธิบายก็ไม่ได้ เพราะโดนหาว่าเถียง
เราอิจฉาเพื่อนคนอื่นมากๆ
ที่มีแม่ใจเย็นและคอยรับฟัง
เราจะออกไปไหน จะทำอะไร
เรารู้สึกเหมือนแม่คอยควบคุมอยู่ตลอด
ไม่มีอิสระเลย
เรื่องเสื้อผ้าก็ด้วย คือบางทีเราก็อยากได้เสื้อผ้าใหม่ ตามประสาของเด็กผู้หญิง
คือปีนึงเราซื้อเสื้อผ้าใหม่อยู่ไม่ถึง10ชุดเลย
แต่เวลาแม่เห็นเราใส่เสื้อผ้าใหม่
แม่ก็จะชอบแซะทำนองว่าไม่สวย
สิ้นเปลือง ให้รู้จักพอเพียงบ้าง
ใส่อยู่เท่าที่มีก็พอ
คือบางทีเราก็ต้องไปเที่ยว ออกไปสังคมกับเพื่อน
เราเห็นเพื่อนแต่งดูดีกัน
แล้วเราแต่งตัวไปแบบมอซอ
มันก็ขาดความมั่นใจ
เราว่าแม่ไม่เคยเข้าใจในตัวเรา
และไม่เคยพยายามที่จะเข้าใจเลย
เรารักแม่ก็จริง
แต่เรายิ่งอยู่กับแม่แล้วเรารู้สึก
สุขภาพจิตเรากำลังจะแย่ขึ้นเรื่อยๆ
เราพยายามปรับที่ตัวเองแล้วทุกอย่าง
แต่ปรับยังไงก็ไม่พอสำหรับแม่อยู่ดี
ถ้ามีใครช่วยให้คำแนะนำกับเรื่องนี้
เราจะขอบคุณมากๆ
เราต้องฮีลตัวเองให้หายเองกับเรื่องแบบนี้บ่อยมาก ไม่เคยระบายกับใครเลย
แต่พอมันถึงจุดนึงที่มันรู้สึกไม่ไหวแล้ว
เลยอยากหาที่ระบาย
มันอาจจะดูเป็นปัญหาเล็กๆนะ
แต่พอปล่อยให้มันเรื้อรังมาเรื่อยๆ
แล้วเรากลับไม่มีความสุขเลย
เรื่องมันเป็นประมาณนี้แหละค่ะ
เราอยากรู้ว่ามีใครรู้สึกแบบเราบ้างไหม
ว่าความเชื่อที่ว่าบ้านคือเซฟโซน
อาจจะไม่ใช่สำหรับทุกคน
ขอบคุณที่รับฟังเรามาจนจบนะคะ
แค่มีคนรับฟังเราก็ดีใจแล้ว