มื้อพิเศษวันหยุดของครอบครัวทั้งที ก็มีเรื่องปวดหัวให้หาร้านอาหารแบบพิเศษกันอีกแล้ว ได้โจทย์จากคุณแม่แฟนมาว่า วันนี้อยากทานอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่จากประสบการณ์แล้วจะล่องเรือหรูชมบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยามันก็โอเคนะ แต่อาหารไม่ค่อยอร่อย จะหาร้านนั่งแถวเอเชียทีคคนก็พลุกพล่านเกินไป จนพบที่นี่ โรงแรม Ramada Plaza ดูเป็นโรงแรมค่อนข้างเก่า แต่รีวิวด้านบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรมค่อนข้างดีทีเดียว แถมยังมีโปรมื้อค่ำปกติราคา 1,400++ (1,648 Net.) ไป 2 คนลดเหลือ 1,999 บาท Net. แต่ใช่ว่าจะเดินเข้าไปใช้โปรนี้ได้เลยนะ ต้องซื้อบัตรรับประทานอาหารกับทางโรงแรมก่อน และโทรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน จัดไปครับ (เพราะถ้าราคาเทียบกับล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วแล้วก็ไม่ต่างกันมากนัก ถ้าอาหารอร่อยกว่าก็ยินดีจ่ายครับ) ทำการโอนเงินให้ทางโรงแรม พร้อมจองมาเรียบร้อยแล้ว วันที่ผมมาใช้บริการเป็นวันเสาร์แค่แจ้งชื่อกับทางโรงแรมอย่างเดียว บุฟเฟ่ต์จัดในห้องอาหาร The Terrace 72 ตอนนี้เป็นเวลา 17.30 น. (บุฟเฟ่ต์เริ่มเวลา 18.00 น.) เก็บบรรยากาศโดยรอบและในไลน์อาหารล่วงหน้าไปก่อนเลยแล้วกันครับจะได้รูปสวยๆ ทางโรงแรมอนุญาตให้เข้าไปนั่งรอด้านในก่อนครับ
ตอนแรกจะเดินออกมาถ่ายรูปด้านนอก แต่ไม่ไหวแดดร้อนเกิ๊น ขอหลบเข้ามานั่งรอแดดเบาลงที่ The Waves Restaurant (ห้องอาหารนี้เชื่อมกันกับ The Terrace 72 ) ช่วงที่ไม่ใช่เวลาบุฟเฟ่ต์ห้องนี้จะขายอาหารเป็นเมนู A La Carte และตอนเย็นก็จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับ The Terrace 72 เปิดให้นั่งทานบุฟเฟ่ต์ แต่วันนี้ผมไม่ได้นั่งทานที่ห้องอาหารนี้ครับ จองไว้ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาเรียบร้อยแล้ว แค่เข้ามาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศให้ชมเฉยๆครับ
เดินเข้ามาในห้องอาหารจริงๆสักที อาหารกำลังเต็มๆสวยๆเลย เข้ามาชมได้แต่ยังไม่อนุญาตให้ตักอาหารนะครับ เริ่มจากโซนแรก Seafood On Ice มีกุ้งต้ม กั้ง หอยนางรมฝรั่งเศส หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และปูม้าแบบผ่าครึ่งให้ตักทาน พร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดแบบไทย และฝรั่ง พร้อมเครื่องสำหรับทานหอยนางรมแบบครบชุด เท่าที่ดูเป็นโซนเล็กๆไม่อลังการมาก แต่เท่าที่ดูด้วยสายตา ซีฟู๊ดตัวค่อนข้างใหญ่คุณภาพดีเลยทีเดียว เดี๋ยวต้องตักไปทานเยอะๆ
ข้างๆกันเป็น Cold Cut และสลัด มีทั้งแบบพร้อมทาน และปรุงเอาเอง ที่สำคัญใครเป็นแฟนตัวยงของแตงกวาดอง มะกอกดำ Carpaccio มีให้ตักทานเป็นกระปุกแบบสะใจ และน้ำสลัดอีกหลายชนิดแต่ก็ไม่เยอะเท่าโรงแรมอื่น
โซนหน้ามีของไม่ค่อยเยอะ เดินมาที่โซนด้านหลังเริ่มจากซาชิมิ ที่อยากทานอะไรสั่งจากเชพได้ทันที ซูชิที่ดูสีสันสดใสอลังการมากกว่าโรงแรมอื่นที่เคยเจอ ที่สำคัญมีซูชิปลาไหลญี่ปุ่น กับปลาแซลมอนของโปรดซะด้วย ใครอยากซดซุปมิโสะร้อนๆก็ใส่เครื่องได้เอง และยังมีของทานเล่นอื่นๆเช่น ถั่วแระญี่ปุ่น ยำสาหร่าย ยำปีกหอยเชลล์และกิมจิ
ถัดมาเป็นโซนสเต็กและของย่าง มีให้เลือกทั้งปลาแซลมอน ปลากระพง กุ้งแม่น้ำ กั้ง หมูสะเต๊ะ เนื้อสะเต๊ะ เนื้อแกะ และเนื้อวัว ทานได้กับซอส 3 แบบ มีไวท์ซอส บาร์บีคิว และซอสถั่ว(สะเต๊ะ) ทานแล้วแต่ไม่ได้ถ่ายรูปประกอบ คุณภาพของสดต่างๆใช้ได้ แต่เนื้อวัวและแกะเหนียวไปหน่อย แต่ทานกับซอสบาร์บีคิว รสชาติหวานเปรี้ยว อร่อยดีครับ แต่เมนูที่แนะนำสุดคือสะเต๊ะอร่อยม๊าก หมักมาเนื้อนุ่มหอมกลิ่นเครื่องเทศและกะทิ น้ำจิ้มรสเข้มข้น ดีงามสุดๆ
และก็เข้าสู่โซนอาหารไทย มีหลายๆคนแนะนำมาว่าไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ของที่นี่อาหารไทยเด็ดมาก เท่าที่ดูด้วยสายตาก็น่าจะจริง ทั้งไก่ทอดตะไคร้ แกงเขียวหวานหมู(สีเข้มข้นมาก) ผัดผักรวมมิตร และข้าวผัดกุ้ง เปิดมาตกใจกุ้งตัวใหญ่มาก กุ้งเนื้อเด้งหวาน เข้ากับข้าวผัดรสชาติมาตรฐานหอมๆ เพิ่มพริกดองน้ำปลาไปอีกนิด อร่อยสุดๆครับ
นอกจากนี้ยัง Oder ได้ทั้งส้มตำไทย ส้มตำไข่เค็ม ส้มตำผลไม้ และอาหารประจำชาติอย่างผัดไทย ที่นี่ก็ทำให้ทานสดๆครับ เดี๋ยวถึงเวลาลองมาสั่งไปชิมดูสักจาน เพราะดูจานตัวอย่างที่วางโชว์ไว้แล้ว กุ้งตัวใหญ่น่าทานทีเดียว
ใครที่เป็นสายแซ่บ ที่โรงแรมมีให้เลือกทานทั้งต้มยำน้ำข้น/น้ำใส และอาหารที่เป็นคำสาปของกะเทยสมัยนี้คือยำ เราสามารถเลือกวัตถุดิบที่จะมาทำได้อย่างตามใจ อยากได้เผ็ดเปรี้ยว หวานเค็มแค่ไหน ก็บอกเชฟให้ทำได้เลยครับ
และโซนอาหารไทยซีฟู๊ด อยู่บนน้ำแข็งอย่างอลังการ กุ้งตัวใหญ่ กั้งตัวโต ปลากระพงตาใสแจ๋ว มีให้เลือกทั้งหมด 5 เมนู 1. ปลานึ่งมะนาว 2. ปลานึ่งซีอิ๊ว 3. ปลาทอดน้ำปลา 4. กุ้งทอดกระเทียม 5. กั้งทอดกระเทียม อยากจะทานเมนูไหน ก็หย่อนเลขที่โต๊ะไว้ในแก้วได้เลยครับ (เลขที่โต๊ะมีวางใส่ไว้ให้ในแก้ว ที่โต๊ะของเราครับ)
ย้อนกลับมาโต๊ะกลมที่เราเดินผ่านไปเมื่อกี้เป็นโซนของหวาน มีให้เลือกทานตั้งแต่ขนมไทย (แนะนำขนมไทยของที่นี่รสชาติไม่หวานจนเกินไป) เค้กต่างๆ หวานกำลังดีเนื้อค่อนข้างฉ่ำไว้วางทิ้งไว้จนแห้งแบบหลายๆโรงแรม และยังมีคัสตาร์ต พุดดิ้ง และทาร์ต จะบอกว่าทาร์ตที่นี่อร่อยมาก เป็นไส้มะพร้าว กรอบหอมหวานสุดๆ แนะนำเลยครับผม
ไอศครีมมีให้เลือก 3 รส บลูเบอรี่ / ชาเขียว / วนิลา พร้อมท๊อปปิ้งตักได้ตามใจ แล้วงงมากชีสมาอยู่ตรงโซนของหวาน มีให้เลือก 3 ชนิดคือบลูชีส เกาดา และแบย์ชีส ทานกับแครกเกอร์ น้ำผึ้ง หรือผลไม้แห้ง ปิดท้ายด้วยผลไม้ไทย มะละกอ / แคนตาลูป / ส้มเขียวหวาน / สับปะรด / แตงโม ทานกับพริกเกลือหรือผงบ๊วยก็ตักตามใจครับ
ต่อมาเป็นโซนอาหารนานาชาติเริ่มจากอาหารสามัญประจำไลน์บุฟเฟ่ต์อย่าง เนื้ออบ ที่นี่ไม่แน่ใจว่าใช้เนื้อแองกัสไหม แต่ไขมันหวานอร่อย ไม่มีกลิ่นคาว ที่สำคัญเนื้อนุ่มไม่เหนียวเลย ยิ่งทานกับซอสพริกไทยดำ หรือซอสไวน์แดงยิ่งอร่อย ต้องชมซอสของที่นี่อย่างนึงคือ ทำรสชาติเข้มข้นแบบคนไทยทาน ทำให้กินกับวัตถุดิบอะไรก็อร่อยไปซะหมด ส่วนขาแกะก็มีให้ทานแต่เราไม่ใช่สายแกะอยู่แล้วขอข้ามไปที่พาสต้า โดยมีให้เลือกแค่ 3 ซอสคือซอสเนื้อ ไวท์ซอส และซอสมะเขือเทศ กับเส้นแค่ 2 ชนิด อย่างที่ผมบอกไปว่ารสชาติซอสต่างๆของที่ห้องอาหารนี้ค่อนข้างเข้มข้น พูดง่ายๆถึงจะมีให้เลือกน้อย หน้าตาดูไม่อลังการ แต่รสชาติโดยรวมแล้ว อร่อยกว่าหลายๆโรงแรมนั่นแหละ
ตามมาด้วยโซนอาหารอินเดียและยุโรป เริ่มด้วยซาโมซ่าไส้แกงกะหรี่ไว้ทานกับซอสมินต์ Papadum กรอบๆสำหรับทานกับแกง ข้าวบาสมาติหอมกลิ่นสมุนไพรอินเดีย ไว้ทานกับแกงมาซาล่าปลา (เป็นปลาทอดก่อนแล้วนำไปแกง อร่อยม๊าก) และขบวนอาหารยุโรปอย่างอกเป็ดซอสส้ม ทะเลผัดซอสเพสโต (อันนี้อร่อยปลาหมึกนุ่มกุ้งกรอบ เข้ากับซอสโหระพาหอมนวลๆเป็นอย่างดี) ไก่อบราดซอสปาปริก้า กะหล่ำดาวผัดเบคอน และมันฝรั่งอบสมุนไพร
ปิดท้ายด้วยมุมขนมปังที่ใครหลายคนมองข้าม และตู้กดกาแฟร้อน ซึ่งในบุฟเฟ่ต์นี้รวมน้ำเปล่าและน้ำอัดลมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ด้านนอกที่เราจองไว้แดดเริ่มลดความรุนแรงลงแล้ว เดี๋ยวย้ายออกไปนั่งข้างนอกกันครับ