การอยู่แต่ในเมืองที่วุ่นวาย มีผู้คนมากมาย รถราเยอแยะ
นอกจากจะเต็มไปด้วยมลพิษ ทำให้เราหงุดหงิดง่ายแล้ว ยังทำให้เราห่างจากธรรมชาติ
ซึ่งมีพลังในการบำบัดอันน่าอัศจรรย์ อาบป่าเป็นวิธีเพิ่มพลังชีวิตด้วยการกลับไปอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ
โดยให้ประสาทสัมผัสของเรา
“การอาบป่า” เริ่มมาจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว
เรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า “shinrin-yoku” คำว่า “shinrin” แปลว่าป่า
ส่วน “yoku” แปลว่า อาบน้ำ
โดยวิธีง่าย ๆ คือ ให้เราเดินในธรรมชาติอย่างสงบช้า
ๆ ซึ่งจะทำให้ร่างกายและจิตใจเราฟื้นกลับมาเยาว์วัยอีกครั้ง
การอาบป่าจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ลดความดัน ลดความเครียด
ปรับสมดุลของอารมณ์ ร่างกายฟื้นตัวเร็วหลังการผ่าตัด เพิ่มพลังงานในร่างกาย ทำให้การนอนหลับดีขึ้น
วิธีการอาบป่าก็คือ ให้เราใช้ประสาทสัมผัสทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นตา หู
จมูก ลิ้น ผิวหนัง เพื่อสัมผัสธรรมชาติที่อยู่รอบตัวในป่า
โดยใช้สายตามองสีสันของต้นไม้ใบไม้ตามธรรมชาติ
ใช้หูฟังเสียงลม เสียงใบไม้ แมลง นกและสัตว์ต่าง ๆ ที่อยู่ในป่า
ใช้จมูกสูดดมกลิ่มไอดิน ดอกไม้ป่า
และสารไฟตอนไซด์ที่ปลดปล่อยออกมาจากต้นสนซึ่งช่วยป้องกันมะเร็ง
และสารต้านแบคทีเรียที่เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
เวลาเดินเข้าไปในป่าให้เดินช้า ๆ ใช้มือสัมผัสหรือโอบกอดต้นไม้แล้วอยู่นิ่ง
ๆ สักพัก เพื่อรับพลังจากต้นไม้ ถ้ารู้สึกเมื่อยก็ให้นั่งหลับตาใต้ร่มไม้เพื่อสัมผัสธรรมชาติที่อยู่รอบตัว
ซึ่งผมแนะนำว่าควรจะอาบป่าในตอนเช้าเพราะต้นไม้เริ่มสังเคราะห์แสง
ยังมีความชุ่มชื้นในดิน ดินยังนุ่ม อากาศสดชื่น นกเริ่มออกหากิน ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีความตื่นตัว
ถ้าจะให้ดีมาก ๆ ก็คือ อาหารที่เราทานควรมาจากผัก ผลไม้ป่า
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจมีคำถามในใจว่าแล้วจะไปอาบป่าได้ที่ไหน?
สำหรับใครที่อยากไปอาบป่า ปัจจุบันมีป่าในเมือง จำนวน 55 แห่งทั่วประเทศ
ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชให้เราเข้าไปสัมผัสได้ แต่ถ้าใครไม่สะดวกก็อาจไปวัดป่าที่สงบ
ๆ มีต้นไม้เยอะก็ได้เหมือนกัน และถ้าใครไม่สะดวกจริง ๆ
ก็อาจไปสวนสาธารณะใกล้บ้านหรือหาต้นไม้มาวางไว้บนโต๊ะที่ทำงานก็ได้ ส่วนใครที่อยู่ที่อุบลราชธานีถ้าอยากอาบป่า
ผมแนะนำว่าลองมาที่สวนพฤกษศาสตร์ ดงฟ้าห่วน ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมือง จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นป่าในเมืองขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ
ที่นี่เหมาะมากสำหรับการอาบป่า เพราะเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์และสงบเงียบมีธรรมชาติสวยงาม
มีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุหลายสิบปี และมีความหลากหลาย ที่สำคัญคืออยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก
คุณจะได้สัมผัสกับพลังของป่าอย่างเต็มที่ และอย่าลืมหาโอกาสมาชาร์จพลังด้วยธรรมชาติให้ตัวเองกันนะครับ
อาบป่า...วิธีรักษาโรคแบบธรรมชาติ
นอกจากจะเต็มไปด้วยมลพิษ ทำให้เราหงุดหงิดง่ายแล้ว ยังทำให้เราห่างจากธรรมชาติ
ซึ่งมีพลังในการบำบัดอันน่าอัศจรรย์ อาบป่าเป็นวิธีเพิ่มพลังชีวิตด้วยการกลับไปอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ
โดยให้ประสาทสัมผัสของเรา
“การอาบป่า” เริ่มมาจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว
เรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า “shinrin-yoku” คำว่า “shinrin” แปลว่าป่า
ส่วน “yoku” แปลว่า อาบน้ำ
โดยวิธีง่าย ๆ คือ ให้เราเดินในธรรมชาติอย่างสงบช้า
ๆ ซึ่งจะทำให้ร่างกายและจิตใจเราฟื้นกลับมาเยาว์วัยอีกครั้ง
การอาบป่าจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ลดความดัน ลดความเครียด
ปรับสมดุลของอารมณ์ ร่างกายฟื้นตัวเร็วหลังการผ่าตัด เพิ่มพลังงานในร่างกาย ทำให้การนอนหลับดีขึ้น
วิธีการอาบป่าก็คือ ให้เราใช้ประสาทสัมผัสทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นตา หู
จมูก ลิ้น ผิวหนัง เพื่อสัมผัสธรรมชาติที่อยู่รอบตัวในป่า
โดยใช้สายตามองสีสันของต้นไม้ใบไม้ตามธรรมชาติ
ใช้หูฟังเสียงลม เสียงใบไม้ แมลง นกและสัตว์ต่าง ๆ ที่อยู่ในป่า
ใช้จมูกสูดดมกลิ่มไอดิน ดอกไม้ป่า
และสารไฟตอนไซด์ที่ปลดปล่อยออกมาจากต้นสนซึ่งช่วยป้องกันมะเร็ง
และสารต้านแบคทีเรียที่เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
เวลาเดินเข้าไปในป่าให้เดินช้า ๆ ใช้มือสัมผัสหรือโอบกอดต้นไม้แล้วอยู่นิ่ง
ๆ สักพัก เพื่อรับพลังจากต้นไม้ ถ้ารู้สึกเมื่อยก็ให้นั่งหลับตาใต้ร่มไม้เพื่อสัมผัสธรรมชาติที่อยู่รอบตัว
ซึ่งผมแนะนำว่าควรจะอาบป่าในตอนเช้าเพราะต้นไม้เริ่มสังเคราะห์แสง
ยังมีความชุ่มชื้นในดิน ดินยังนุ่ม อากาศสดชื่น นกเริ่มออกหากิน ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีความตื่นตัว
ถ้าจะให้ดีมาก ๆ ก็คือ อาหารที่เราทานควรมาจากผัก ผลไม้ป่า
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจมีคำถามในใจว่าแล้วจะไปอาบป่าได้ที่ไหน?
สำหรับใครที่อยากไปอาบป่า ปัจจุบันมีป่าในเมือง จำนวน 55 แห่งทั่วประเทศ
ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชให้เราเข้าไปสัมผัสได้ แต่ถ้าใครไม่สะดวกก็อาจไปวัดป่าที่สงบ
ๆ มีต้นไม้เยอะก็ได้เหมือนกัน และถ้าใครไม่สะดวกจริง ๆ
ก็อาจไปสวนสาธารณะใกล้บ้านหรือหาต้นไม้มาวางไว้บนโต๊ะที่ทำงานก็ได้ ส่วนใครที่อยู่ที่อุบลราชธานีถ้าอยากอาบป่า
ผมแนะนำว่าลองมาที่สวนพฤกษศาสตร์ ดงฟ้าห่วน ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมือง จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นป่าในเมืองขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ
ที่นี่เหมาะมากสำหรับการอาบป่า เพราะเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์และสงบเงียบมีธรรมชาติสวยงาม
มีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุหลายสิบปี และมีความหลากหลาย ที่สำคัญคืออยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก
คุณจะได้สัมผัสกับพลังของป่าอย่างเต็มที่ และอย่าลืมหาโอกาสมาชาร์จพลังด้วยธรรมชาติให้ตัวเองกันนะครับ