มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหายาก..แต่ร้ายแรง
อาการเริ่มแรกอาจไม่ชัดเจน แต่เมื่อมีอาการป่วยก็มักจะรุนแรงแล้ว อย่ารอให้สายเกินแก้
วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้ มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหายาก..แต่ร้ายแรง
มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ หรือ Cardiac Sarcoma เป็นโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจ
ซึ่งเป็นเนื้องอกที่มีความร้ายแรงและพบได้ยากอย่างมาก
อัตราการเกิดของมะเร็งชนิดนี้น้อยมากเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่น ๆ
เนื่องจากหัวใจเป็นอวัยวะที่มีการเจริญเติบโตของเซลล์ช้า
อย่างไรก็ตาม มะเร็งในหัวใจยังคงเป็นภาวะที่น่ากังวล
เนื่องจากส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดและการสูบฉีดเลือดของร่างกาย
อาการของโรคมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจมักไม่ชัดเจนในระยะแรก
เนื่องจากอาการบางอย่างอาจคล้ายกับโรคหัวใจหรือระบบไหลเวียนเลือดทั่วไป
แต่เมื่อเนื้องอกเริ่มเติบโตจนส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ
อาการที่พบบ่อยอาจรวมถึง
หายใจลำบาก: อาการหายใจติดขัดหรือหายใจไม่อิ่ม
มักจะสังเกตได้ชัดเจนเมื่อทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง หรือแม้กระทั่งขณะพักผ่อน
เจ็บหน้าอก: อาการเจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก
อาจเกิดขึ้นขณะออกแรงหรือพักผ่อน โดยอาจมีลักษณะเจ็บลึก ๆ ในอก
หัวใจเต้นผิดจังหวะ: ความผิดปกติในจังหวะการเต้นของหัวใจ
เช่น หัวใจเต้นเร็วเกินไป (ภาวะหัวใจเต้นเร็ว) หรือช้าเกินไป (ภาวะหัวใจเต้นช้า)
บวมที่ขาและข้อเท้า: เกิดจากการที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำให้เลือดไหลเวียนกลับมาสะสมในขาและข้อเท้า
อ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก แม้เพียงทำกิจกรรมที่เบา ๆ หรือการใช้ชีวิตประจำวัน
เวียนศีรษะหรือเป็นลม: เนื่องจากการไหลเวียนเลือดที่ไม่เพียงพอไปยังสมอง ทำให้เกิดอาการวิงเวียนหรือเป็นลม
ปัจจุบันยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดที่ทำให้เกิดมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ
อย่างไรก็ตามมีปัจจัยเสี่ยงบางประการที่อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคนี้ ได้แก่:
พันธุกรรม: การมีประวัติครอบครัวที่เคยป่วยเป็นโรคมะเร็งหรือโรคหัวใจ
อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจได้
การสัมผัสสารเคมีอันตราย: การสัมผัสกับสารเคมีที่มีความเสี่ยง เช่น ยาฆ่าแมลง
หรือสารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์
ภูมิคุ้มกันบกพร่อง: ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด
หรือผู้ป่วย HIV ซึ่งภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรงอาจไม่สามารถป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติในร่างกายได้
การรักษาด้วยรังสีบำบัด: ผู้ที่เคยได้รับรังสีบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็งในอวัยวะใกล้เคียงกับหัวใจ
อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเกิดมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจจากผลกระทบของรังสี
การดูแลผู้ป่วยมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจนั้นต้องคำนึงถึงทั้งด้านร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย
เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่รุนแรงและส่งผลต่อการใช้ชีวิต
การดูแลที่เหมาะสมประกอบด้วย:
การดูแลทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด: ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจสอบอาการและรับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจและมะเร็งอย่างสม่ำเสมอ การติดตามผลอย่างใกล้ชิดจะช่วยในการปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพของผู้ป่วย
การส่งเสริมโภชนาการที่ดี: การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ เช่น อาหารที่มีไขมันต่ำ ลดปริมาณเกลือ
และเพิ่มการบริโภคผักและผลไม้จะช่วยให้ผู้ป่วยรักษาสุขภาพทั่วไปได้ดีขึ้น
การออกกำลังกายเบา ๆ: การออกกำลังกายที่ไม่หักโหม เช่น การเดิน หรือการทำโยคะเพื่อการผ่อนคลาย
จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกดีและลดความเครียด
การสนับสนุนทางจิตใจ: ผู้ป่วยโรคมะเร็งมักจะมีความเครียดสูง
การสนับสนุนจากครอบครัวและการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนสามารถช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมีคุณค่าและมีกำลังใจในการต่อสู้กับโรค
วิธีการรักษามะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจขึ้นอยู่กับระยะของโรคและสุขภาพของผู้ป่วย
ปัจจุบันมีวิธีการรักษาหลักหลายแบบ ได้แก่:
การผ่าตัด: การผ่าตัดเอาเนื้องอกออกเป็นวิธีที่ใช้กันบ่อยที่สุดในการรักษามะเร็งหัวใจ
หากเนื้องอกยังอยู่ในระยะเริ่มต้นและยังไม่แพร่กระจายไปส่วนอื่นของร่างกาย
เคมีบำบัด: เคมีบำบัดจะถูกใช้ในกรณีที่เนื้องอกไม่สามารถผ่าตัดได้
หรือเพื่อช่วยลดขนาดของเนื้องอกก่อนการผ่าตัด การใช้ยาเคมีบำบัดจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
การฉายแสง (Radiation Therapy): การฉายรังสีใช้เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งในกรณีที่เนื้องอกอยู่ในตำแหน่งที่ยากต่อการผ่าตัด
แต่การใช้รังสีในบริเวณหัวใจต้องทำด้วยความระมัดระวังเนื่องจากอาจส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ
การรักษาประคับประคอง (Palliative Care): หากโรคอยู่ในระยะที่ไม่สามารถรักษาได้แล้ว
การรักษาประคับประคองเป็นสิ่งสำคัญในการลดอาการและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
เช่น การจัดการความเจ็บปวด และการสนับสนุนทางจิตใจ
เนื่องจากมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจเป็นโรคที่พบได้น้อยและยังไม่มีวิธีการป้องกันที่ชัดเจน
การดูแลสุขภาพหัวใจและป้องกันโรคหัวใจทั่วไปจึงมีความสำคัญ เช่น:
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ
อาหารที่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและป้องกันการเกิดมะเร็งได้ในบางกรณี
การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด
เช่น การวิ่งเบา ๆ การเดิน หรือการปั่นจักรยาน จะช่วยรักษาความแข็งแรงของระบบหัวใจและหลอดเลือด
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.thonburihospital.com/specialisecenter/heart-center/?fbclid=IwY2xjawFi-JZleHRuA2FlbQIxMAABHaBv9ZepHkaJ7NA_v8g2qJzkhXzV8P30rxof5TqfeIm0lXGrwpZgdeFAgA_aem_i4aKmBcAfrEtQdTHfbAXuw
มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหายาก..แต่ร้ายแรง
อาการเริ่มแรกอาจไม่ชัดเจน แต่เมื่อมีอาการป่วยก็มักจะรุนแรงแล้ว อย่ารอให้สายเกินแก้
วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้ มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหายาก..แต่ร้ายแรง
มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ หรือ Cardiac Sarcoma เป็นโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจ
ซึ่งเป็นเนื้องอกที่มีความร้ายแรงและพบได้ยากอย่างมาก
อัตราการเกิดของมะเร็งชนิดนี้น้อยมากเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่น ๆ
เนื่องจากหัวใจเป็นอวัยวะที่มีการเจริญเติบโตของเซลล์ช้า
อย่างไรก็ตาม มะเร็งในหัวใจยังคงเป็นภาวะที่น่ากังวล
เนื่องจากส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดและการสูบฉีดเลือดของร่างกาย
อาการของโรคมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจมักไม่ชัดเจนในระยะแรก
เนื่องจากอาการบางอย่างอาจคล้ายกับโรคหัวใจหรือระบบไหลเวียนเลือดทั่วไป
แต่เมื่อเนื้องอกเริ่มเติบโตจนส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ
อาการที่พบบ่อยอาจรวมถึง
หายใจลำบาก: อาการหายใจติดขัดหรือหายใจไม่อิ่ม
มักจะสังเกตได้ชัดเจนเมื่อทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง หรือแม้กระทั่งขณะพักผ่อน
เจ็บหน้าอก: อาการเจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก
อาจเกิดขึ้นขณะออกแรงหรือพักผ่อน โดยอาจมีลักษณะเจ็บลึก ๆ ในอก
หัวใจเต้นผิดจังหวะ: ความผิดปกติในจังหวะการเต้นของหัวใจ
เช่น หัวใจเต้นเร็วเกินไป (ภาวะหัวใจเต้นเร็ว) หรือช้าเกินไป (ภาวะหัวใจเต้นช้า)
บวมที่ขาและข้อเท้า: เกิดจากการที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำให้เลือดไหลเวียนกลับมาสะสมในขาและข้อเท้า
อ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก แม้เพียงทำกิจกรรมที่เบา ๆ หรือการใช้ชีวิตประจำวัน
เวียนศีรษะหรือเป็นลม: เนื่องจากการไหลเวียนเลือดที่ไม่เพียงพอไปยังสมอง ทำให้เกิดอาการวิงเวียนหรือเป็นลม
ปัจจุบันยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดที่ทำให้เกิดมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ
อย่างไรก็ตามมีปัจจัยเสี่ยงบางประการที่อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคนี้ ได้แก่:
พันธุกรรม: การมีประวัติครอบครัวที่เคยป่วยเป็นโรคมะเร็งหรือโรคหัวใจ
อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจได้
การสัมผัสสารเคมีอันตราย: การสัมผัสกับสารเคมีที่มีความเสี่ยง เช่น ยาฆ่าแมลง
หรือสารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์
ภูมิคุ้มกันบกพร่อง: ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด
หรือผู้ป่วย HIV ซึ่งภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรงอาจไม่สามารถป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติในร่างกายได้
การรักษาด้วยรังสีบำบัด: ผู้ที่เคยได้รับรังสีบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็งในอวัยวะใกล้เคียงกับหัวใจ
อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเกิดมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจจากผลกระทบของรังสี
การดูแลผู้ป่วยมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจนั้นต้องคำนึงถึงทั้งด้านร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย
เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่รุนแรงและส่งผลต่อการใช้ชีวิต
การดูแลที่เหมาะสมประกอบด้วย:
การดูแลทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด: ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจสอบอาการและรับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจและมะเร็งอย่างสม่ำเสมอ การติดตามผลอย่างใกล้ชิดจะช่วยในการปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพของผู้ป่วย
การส่งเสริมโภชนาการที่ดี: การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ เช่น อาหารที่มีไขมันต่ำ ลดปริมาณเกลือ
และเพิ่มการบริโภคผักและผลไม้จะช่วยให้ผู้ป่วยรักษาสุขภาพทั่วไปได้ดีขึ้น
การออกกำลังกายเบา ๆ: การออกกำลังกายที่ไม่หักโหม เช่น การเดิน หรือการทำโยคะเพื่อการผ่อนคลาย
จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกดีและลดความเครียด
การสนับสนุนทางจิตใจ: ผู้ป่วยโรคมะเร็งมักจะมีความเครียดสูง
การสนับสนุนจากครอบครัวและการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนสามารถช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมีคุณค่าและมีกำลังใจในการต่อสู้กับโรค
วิธีการรักษามะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจขึ้นอยู่กับระยะของโรคและสุขภาพของผู้ป่วย
ปัจจุบันมีวิธีการรักษาหลักหลายแบบ ได้แก่:
การผ่าตัด: การผ่าตัดเอาเนื้องอกออกเป็นวิธีที่ใช้กันบ่อยที่สุดในการรักษามะเร็งหัวใจ
หากเนื้องอกยังอยู่ในระยะเริ่มต้นและยังไม่แพร่กระจายไปส่วนอื่นของร่างกาย
เคมีบำบัด: เคมีบำบัดจะถูกใช้ในกรณีที่เนื้องอกไม่สามารถผ่าตัดได้
หรือเพื่อช่วยลดขนาดของเนื้องอกก่อนการผ่าตัด การใช้ยาเคมีบำบัดจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
การฉายแสง (Radiation Therapy): การฉายรังสีใช้เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งในกรณีที่เนื้องอกอยู่ในตำแหน่งที่ยากต่อการผ่าตัด
แต่การใช้รังสีในบริเวณหัวใจต้องทำด้วยความระมัดระวังเนื่องจากอาจส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ
การรักษาประคับประคอง (Palliative Care): หากโรคอยู่ในระยะที่ไม่สามารถรักษาได้แล้ว
การรักษาประคับประคองเป็นสิ่งสำคัญในการลดอาการและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
เช่น การจัดการความเจ็บปวด และการสนับสนุนทางจิตใจ
เนื่องจากมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจเป็นโรคที่พบได้น้อยและยังไม่มีวิธีการป้องกันที่ชัดเจน
การดูแลสุขภาพหัวใจและป้องกันโรคหัวใจทั่วไปจึงมีความสำคัญ เช่น:
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ
อาหารที่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและป้องกันการเกิดมะเร็งได้ในบางกรณี
การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด
เช่น การวิ่งเบา ๆ การเดิน หรือการปั่นจักรยาน จะช่วยรักษาความแข็งแรงของระบบหัวใจและหลอดเลือด
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.thonburihospital.com/specialisecenter/heart-center/?fbclid=IwY2xjawFi-JZleHRuA2FlbQIxMAABHaBv9ZepHkaJ7NA_v8g2qJzkhXzV8P30rxof5TqfeIm0lXGrwpZgdeFAgA_aem_i4aKmBcAfrEtQdTHfbAXuw