สวัสดีค่ะ เราเริ่มมีความคิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า เมื่อประมาณต้นเดือนนี้เองค่ะ สาเหตุคือเราทะเลาะกับแม่ เมื่อเดือนเมษาเราปิดเทอมเลยได้กลับไปหาแม่ค่ะ แล้วเราทะเลาะกัน ความจริงคือต้องเล่าก่อนว่าเราไม่ได้อยากมาอยู่บ้านนี้แต่แรก คือแม่เราอาศัยอยู่กับนายจ้างค่ะ แล้วเราก็มีน้าที่อยู่อีกบ้าน แต่ไกลกันมากๆ เราอยากไปอยู่กับน้าเรามากกว่า มันเลยส่งผลให้การทะเลาะกันครั้งนี้รุนแรงขึ้นก็ได้มั้งคะ วันนั้นเราไปตลาดกับแม่ค่ะ แล้วเราเจอตุ๊กตาตัวหนึ่งเราอยากได้มาก มันขาย 20บาท ความจริงนิสัยเราเอาแต่ใจอยู่แล้วค่ะ ถ้าไม่ได้ดั่งใจเราก็จะงอน แม่ไม่ซื้อให้แม่บอกว่าที่บ้านก็มีเดี๋ยวเอาให้ แต่เราก็บอกแม่ว่าเราจะซื้อเอง แต่ไม่ได้เอากระเป๋าตังมาขอยืมก่อน แต่แม่ก็ไม่ยอมเพราะตุ๊กตามันเก่าน่ะค่ะ แต่เราเป็นคนไม่ถือ สุดท้ายเราก็ไม่คุยกันจนกลับบ้าน
แล้วเจ้านายแม่เราก็ชอบเรียกเราให้ไปอยู่เป็นเพื่อนลูกแกซึ่งเราไม่ชอบเด็ก ไม่เคยชอบ เราเลยทำมึนใครมาตามก็ไม่ไป ตอนแรกมันแค่งอนนิดเดียวค่ะ แบบที่แป๊ปเดียวก็หาย แต่มันมีตัวแปรสำคัญเลยคือเจ้านายแม่เรา ตามเราให้จะไปเล่นน้ำกับลูแก อยู่เป็นเพื่อนลูกแก ช่วยลูกแกทำงาน เราไม่โอเคมากๆ แม่เรามาฉุดเราแล้วพูดว่า 'มันจะอะไรกันนักกันหนา แค่ตุ๊กตาตัวเดียว' แต่ความจริงคือเขาคงกลัวเจ้านายโกรธมั้งคะ เราเลยยิ่งนิ่งแกล้งหลับ แม่มาลากเราก็ไม่ไป แล้วพอตกเย็นเราก็โทรหาน้า ให้เขามารับเราค่ะ เรารู้สึกว่าอยากอยู่กับคนที่สบายใจ เพราะมันอึดอัดไปหมด เจ้านายแม่ก็พูดกระทบกระทั่งเราตลอดตอนที่เขาไปกินข้าวกัน เราไม่ได้ไปด้วยแต่เราได้ยินค่ะ ทีนี้น้าเราบอกว่าถ้าแม่เราไม่อนุญาตเขาก็มารับเราไม่ได้นะ แล้วแม่ก็ไม่อนุญาตค่ะ ตอนนั้นมันประมาณ1-2ทุ่ม เราเก็บของเรียบร้อย แม่เราเข้ามาเห็นเราสะพายกระเป๋าแล้วถือโทรศัพท์ก็ตรงมาหาเรา พยายามจะดึงโทรศัพท์จากมือของเรา ยื้อกันอยู่นานจนเขาสะบัดเราล้ม แล้วพยายมแกะกระเป๋าออกแล้วพูดว่า 'ถ้าจะไปก็ไปแต่ตัว' เราไม่ทราบว่าสำหรับครอบครัวอื่นเป็นยังไง แต่เราคือแม่ไม่เคยขึ้นกู ไม่คยพูดคำหยาบ ไม่เคยทำให้เราล้ม ทั้งสายตา ทั้งมือที่พยายามกระชากทุกอย่างออกจากตัวเราทำให้เราไปไม่ถูก ทำให้เรานึกถึงตอนที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน
ขอเล่าก่อนนะคะว่าตั้งแต่เด็กจนป5 เราอยู่กับพ่อกับแม่ น้อง ตา แต่เราต้องย้ายไปอยู่กับย่าที่ต่างจังหวัด มารู้เหตุผลเอาหนึ่งปีให้หลังว่าเพราะพ่อกับแม่ทะเลาะกัน พ่อมีคนอื่น ตอนปิดเทอมเรากลับไปบ้าน เห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกัน ตีกันให้เราเห็น ตอนกลางคืนก็ได้ยืนเขาด่ากัน ทำร้ายกัน ทุกอย่างที่แม่ทำมันเหมือนตอนที่เขาทำกับเราวันนั้น ทั้งเสียง ทั้งแววตา เรากลัวแม่มากๆ ตอนที่ทะเลาะกับพ่อ แม่เหมือนวันนั้นไม่มีผิด
วันนั้นเราตัดสินใจทิ้งสัมภาระทุกอย่างแล้วเดินออกจากบ้าน ประตูบ้านก็สูงมากต้องใช้รีโมทเปิด เราไม่มีติดตัวเราเลยปีนออกมา เป็นครั้งแรกที่เราทำแบบนี้ เราล้มจนเลือดไหลเป็นทางเรายังไม่รู้สึกเจ็บ เราเอาแต่ร้องไห้แล้วก็วิ่งไปบนถนน ภาพที่แม่ทำกับเรา ทำกับพ่อก็ฉายซ้ำๆ ในหัว ตอนแรกเราคิดว่าเราไม่เจ็บปวดอะไรที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน เพราะพอเราย้ายมาอยู่กับย่าเราต้องเริ่มใหม่หมด ทำทุกอย่างคนเดียว เราไม่ถูกกับย่า ไม่ถูกกับปู่ เราไม่มีพ่อหรือแม่ให้ปรึกษา ให้อยู่ด้วย ทำให้เราเริ่มอยู่กับตัวเอง พึ่งพาตัวเองมาตั้งแต่วันนั้นมั้งคะ เรารู้สึกอยู่ตัวคนเดียวจริงๆ ปู่กับย่าชอบเด็กผู้ชาย เลยรักน้องเรามากกว่า อันนี้เราไม่ได้คิดเองเพราะอายุแค่12หรอกนะคะ แต่การกระทำทุกอย่างตั้งแต่เราอายุ12จนถึง18มันบ่งอกเราทั้งนั้น(น้องเราเป็นผู้ชาย ย้ายมาอยู่กับเราหลังจากพ่อแม่แยกกันอยู่แล้วขายบ้าน ขายรถทิ้ง) เราเลยคิดว่าเราอยู่ตัวคนเดียวการที่พ่อแม่ทะเลาะกันไม่ทำให้เราเจ็บปวด แต่ความจริงแล้วมันเป็นแผลที่ใหญ่มากในหัวใจของเรา เป็นแผลที่เราปิดไว้ ทำเป็นไม่สนใจมัน
เราไม่เคยมีงานวันเกิด ไม่เคยได้เป่าเทียน เราคิดว่าเราไม่ได้สนใจหรือใส่ใจมันมากจนกระทั่งเค้กวันเกิดก้อนแรกที่เราได้จากเพื่อน ทำให้เรารู้ว่าจริงๆแล้วเราก็อยากมีงานวันเกิด เราอยากจะเป่าเค้ก เราอยากได้ยินพ่อกับแม่ร้องแฮปปี้เบิร์ดเดย์แล้วอวยพรเรา อยู่ๆ เรื่องพวกนี้มันก็เอาแต่ตามมาหลอกหลอนเราตั้งแต่วันที่เราทะเลาะกับแม่ เราไม่เคยอิจฉาครอบครัวอื่น จนเราเห็นภาพที่พ่อกับแม่ดูแลลูก เล่นกับลูก แล้วยิ้มกันทั้งครอบครัว เรารู้สึกว่าเราอิจฉามากๆ ทั้งที่เราไม่เคยเป็น เรารู้สึกเราจะร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นแบบนั้น เราคิดถึงครอบครัวเราแต่ก่อน คิดถึงทุกอย่างที่มันเคยเป็น เราไม่ได้คิดถึงแม่ที่เป็นปัจจุบันเลย เราคิดถึงแต่อดีต ทุกครั้งที่เราเล่าเรื่องครอบครัวเราเราก็รู้สึกอยากร้องไห้เพราะเราคิดถึงมากๆ
เราคุยกับแม่ไม่ได้ตั้งแต่เดือนเมษา ทุกครั้งที่ได้คุยมันเหมือนความสุขที่เรามีมาทั้งวันมันหายไปหมด เรารู้สึกแย่ ภาพของแม่ในวันนั้นมันรีรันขึ้นมาในหัวเราตลอด ชีวิตประจำวันของเรามันไม่เหมือนเดิม เราพูดได้เลยว่าเราเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมากๆ เพื่อนชอบบอกว่าโลกเราสวย แล้วเราก็รักชีวิตเราเองมากเช่นกัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เลย เรารู้สึกเราอารมณ์ขึ้นลงง่าย คิดถึงแต่เรื่องแย่ก่อนเสมอ เวลาอยู่คนเดียวเราจะชอบคิดว่าถ้าเราตายจะเป็นยังไง คำตอบคือว่างเปล่า เราไม่ได้เสียใจ มันรู้สึกว่างเปล่าจริงๆ เราไม่เสียใจถ้าเราจะตาย เราไม่เสียใจถ้าคนรอบตัวเราจะต้องร้องไห้เพราะเราตาย เราไม่เสียดายชีวิตเลย
เคยฟังเพลง ลืมไป ของแว่นใหญ่ไหมคะ ความจริงเพลงความหมายดีมาก แต่เรากลับไม่คิดอย่างนั้น เราคิดว่าถ้าแม่เรา ย่าเรา ทุกคนจะคิดแบบนี้ไหมตอนที่เราตาย ในท่อนที่พี่แว่นใหญ่ร้องว่า ลืมไปว่าทุกวันอาจไม่ได้เจอเธอเหมือนเดิม ลืมไปว่าฉันควรจะกอดเธอไว้ ลืมไปว่าชีวิตเปราะบางขนาดไหน เราก็คิดว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างนี้ไหมตอนที่เราตาย จะเสียใจไหม ถ้าตอนนี้เราไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว จริงๆแล้วเราพบว่าเราทำเป็นนิ่งใส่ทุกอย่าง เก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองจนมันทนไม่ไหว ความจริงคือเราเจ็บ เราแตกสลายตั้งแต่ที่มาอยู่กับปู่และย่า มาได้ยินว่าเขารักน้องของเรา มาเห็นเขาเอาใจน้องของเรา แต่เราไม่เคยโกรธหรือเกลียดน้องเลยนะคะ เรารักน้องเรา แต่เราเสียใจเพราะเราอยากให้เชารักเรามากกว่านี้หน่อย เราไม่มีความสุขเลยที่อยู่ที่นั่น เราร้องไห้กรี๊ดใส่หมอนนับครั้งไม่ถ้วน เราเจ็บปวดมากๆ แล้วเราก็เสียใจที่พ่อแม่ะเลาะกัน เราเจ็บที่เรารู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวมาโดยตลอด แล้วเราปิดความรู้สึกพวกนี้ไม่ได้แล้ว ทุกวันเราคิดวนไปมาตลอด เราร้องไห้อย่างไม่มีสาเหตุ เรามีเหตุผลให้มีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่เสียดายเลยถ้าเราตายไป
เราไม่รู้ว่าจะงงกันไหม เรารู้สึกเราอัดอั้นแล้วเล่าทุกอย่างออกมาหมด ความจริงเราคงเก็บมันเอาไว้นานมาก เยอะมาก จนวันที่ทะเลาะกับแม่ก็เหมือนได้ปล่อยทุกความรู้สึกออกมา แล้วไม่รู้วิธีจัดการกับมัน เราอยากเป็นเหมือนเดิมกับแม่นะคะ แต่เราไม่เคยรู้สึกดีขึ้นเลย เราบอกกับแม่ตรงๆ ว่าเราไม่อยากคุย เราคุยแล้วเรารู้สึกแย่ เรารู้สึกแย่กับตัวเอง กับแม่ กับครอบครัว กับช่วงเวลาที่ผ่านมา เรากลัวเราเป็นโรคซึมเศร้า เราขอร้องว่าอย่ามาตาม มาคาดคั้นเราตอนนี้เพราะเราอึดอัด เรากลัวเราจะระเบิดแล้วพูดแย่ๆ ใส่แม่ ทำแย่ๆ ใส่แม่อีก
เราอยากผ่านความรู้สึกพวกนี้ไปให้ได้ เราคิดว่าเวลาคงจะช่วยเราได้ แต่มันก็ไม่เคยบรรเทาเลย เราไม่รู้จะทำยังไงดี เราไม่ได้อยากตายนะคะ เราแค่คิดว่าถ้าเราตายคงไม่เสียดาย ไม่มีอะไรให้เราเสียใจ เหตุผลที่จะทำให้เราอยู่ก็มีแต่ถ้าเราตายเราคงไม่เสียดาย เราไม่เคยคิดว่าอยากตายเลยค่ะ หรือแบบนี้เรียกว่าอยากตายคะ บางทีเราร้องไห้หนักมากแล้วเราก็ต้องเบรคตัวเอง เรามีความสุขแต่ก็มีเรื่องพวกนี้มากวนใจเสมอแม้จะเปิดใจบอกกับแม่ไปตรงๆ แล้ว แบบนี้เรียกว่าโรคซึมเศร้าไหมคะ หรือเราแค่เศร้า เสียใจ แล้วผ่านไปทุกอย่างจะดีขึ้น หรือเราควรไปพบแพทย์ดีคะ ปัจจุบันเราอายุ20ค่ะ อยู่แถวนครปฐม หรือมีใครสามารถแนะนำแพทย์หรือคนที่รับปรึกษาเรื่องแบบนี้ไหมคะ
บางคนอาจจะคิดว่ามันเริ่มมาจากเรื่องเล็กน้อยเกินไป หรือคิดว่าเป็นพราะทิฐิของเรา ประเด็นคือมันไม่ใช่เพราะเรื่องตุ๊กตาแล้วค่ะ มันเป็นตอนที่เราทะเลาะกับแม่แล้วเขาขึ้นกู สะบัดเราล้มต่อหน้าต่อตา แล้วทุกอย่างที่เราเก็บไว้ก็ทะลักออกมาหมด เราไม่ได้โกรธหรือทิฐิใส่แม่แล้ว ไม่มีเลย มีแต่ความรู้สึกแย่ เสียใจ เจ็บปวด แล้วก็ไม่รู้ว่าทำยังไง ใช้เวลาแค่ไหนมันถึงจะหาย
สงสัยว่าตัวเองกำลังจะเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ
แล้วเจ้านายแม่เราก็ชอบเรียกเราให้ไปอยู่เป็นเพื่อนลูกแกซึ่งเราไม่ชอบเด็ก ไม่เคยชอบ เราเลยทำมึนใครมาตามก็ไม่ไป ตอนแรกมันแค่งอนนิดเดียวค่ะ แบบที่แป๊ปเดียวก็หาย แต่มันมีตัวแปรสำคัญเลยคือเจ้านายแม่เรา ตามเราให้จะไปเล่นน้ำกับลูแก อยู่เป็นเพื่อนลูกแก ช่วยลูกแกทำงาน เราไม่โอเคมากๆ แม่เรามาฉุดเราแล้วพูดว่า 'มันจะอะไรกันนักกันหนา แค่ตุ๊กตาตัวเดียว' แต่ความจริงคือเขาคงกลัวเจ้านายโกรธมั้งคะ เราเลยยิ่งนิ่งแกล้งหลับ แม่มาลากเราก็ไม่ไป แล้วพอตกเย็นเราก็โทรหาน้า ให้เขามารับเราค่ะ เรารู้สึกว่าอยากอยู่กับคนที่สบายใจ เพราะมันอึดอัดไปหมด เจ้านายแม่ก็พูดกระทบกระทั่งเราตลอดตอนที่เขาไปกินข้าวกัน เราไม่ได้ไปด้วยแต่เราได้ยินค่ะ ทีนี้น้าเราบอกว่าถ้าแม่เราไม่อนุญาตเขาก็มารับเราไม่ได้นะ แล้วแม่ก็ไม่อนุญาตค่ะ ตอนนั้นมันประมาณ1-2ทุ่ม เราเก็บของเรียบร้อย แม่เราเข้ามาเห็นเราสะพายกระเป๋าแล้วถือโทรศัพท์ก็ตรงมาหาเรา พยายามจะดึงโทรศัพท์จากมือของเรา ยื้อกันอยู่นานจนเขาสะบัดเราล้ม แล้วพยายมแกะกระเป๋าออกแล้วพูดว่า 'ถ้าจะไปก็ไปแต่ตัว' เราไม่ทราบว่าสำหรับครอบครัวอื่นเป็นยังไง แต่เราคือแม่ไม่เคยขึ้นกู ไม่คยพูดคำหยาบ ไม่เคยทำให้เราล้ม ทั้งสายตา ทั้งมือที่พยายามกระชากทุกอย่างออกจากตัวเราทำให้เราไปไม่ถูก ทำให้เรานึกถึงตอนที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน
ขอเล่าก่อนนะคะว่าตั้งแต่เด็กจนป5 เราอยู่กับพ่อกับแม่ น้อง ตา แต่เราต้องย้ายไปอยู่กับย่าที่ต่างจังหวัด มารู้เหตุผลเอาหนึ่งปีให้หลังว่าเพราะพ่อกับแม่ทะเลาะกัน พ่อมีคนอื่น ตอนปิดเทอมเรากลับไปบ้าน เห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกัน ตีกันให้เราเห็น ตอนกลางคืนก็ได้ยืนเขาด่ากัน ทำร้ายกัน ทุกอย่างที่แม่ทำมันเหมือนตอนที่เขาทำกับเราวันนั้น ทั้งเสียง ทั้งแววตา เรากลัวแม่มากๆ ตอนที่ทะเลาะกับพ่อ แม่เหมือนวันนั้นไม่มีผิด
วันนั้นเราตัดสินใจทิ้งสัมภาระทุกอย่างแล้วเดินออกจากบ้าน ประตูบ้านก็สูงมากต้องใช้รีโมทเปิด เราไม่มีติดตัวเราเลยปีนออกมา เป็นครั้งแรกที่เราทำแบบนี้ เราล้มจนเลือดไหลเป็นทางเรายังไม่รู้สึกเจ็บ เราเอาแต่ร้องไห้แล้วก็วิ่งไปบนถนน ภาพที่แม่ทำกับเรา ทำกับพ่อก็ฉายซ้ำๆ ในหัว ตอนแรกเราคิดว่าเราไม่เจ็บปวดอะไรที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน เพราะพอเราย้ายมาอยู่กับย่าเราต้องเริ่มใหม่หมด ทำทุกอย่างคนเดียว เราไม่ถูกกับย่า ไม่ถูกกับปู่ เราไม่มีพ่อหรือแม่ให้ปรึกษา ให้อยู่ด้วย ทำให้เราเริ่มอยู่กับตัวเอง พึ่งพาตัวเองมาตั้งแต่วันนั้นมั้งคะ เรารู้สึกอยู่ตัวคนเดียวจริงๆ ปู่กับย่าชอบเด็กผู้ชาย เลยรักน้องเรามากกว่า อันนี้เราไม่ได้คิดเองเพราะอายุแค่12หรอกนะคะ แต่การกระทำทุกอย่างตั้งแต่เราอายุ12จนถึง18มันบ่งอกเราทั้งนั้น(น้องเราเป็นผู้ชาย ย้ายมาอยู่กับเราหลังจากพ่อแม่แยกกันอยู่แล้วขายบ้าน ขายรถทิ้ง) เราเลยคิดว่าเราอยู่ตัวคนเดียวการที่พ่อแม่ทะเลาะกันไม่ทำให้เราเจ็บปวด แต่ความจริงแล้วมันเป็นแผลที่ใหญ่มากในหัวใจของเรา เป็นแผลที่เราปิดไว้ ทำเป็นไม่สนใจมัน
เราไม่เคยมีงานวันเกิด ไม่เคยได้เป่าเทียน เราคิดว่าเราไม่ได้สนใจหรือใส่ใจมันมากจนกระทั่งเค้กวันเกิดก้อนแรกที่เราได้จากเพื่อน ทำให้เรารู้ว่าจริงๆแล้วเราก็อยากมีงานวันเกิด เราอยากจะเป่าเค้ก เราอยากได้ยินพ่อกับแม่ร้องแฮปปี้เบิร์ดเดย์แล้วอวยพรเรา อยู่ๆ เรื่องพวกนี้มันก็เอาแต่ตามมาหลอกหลอนเราตั้งแต่วันที่เราทะเลาะกับแม่ เราไม่เคยอิจฉาครอบครัวอื่น จนเราเห็นภาพที่พ่อกับแม่ดูแลลูก เล่นกับลูก แล้วยิ้มกันทั้งครอบครัว เรารู้สึกว่าเราอิจฉามากๆ ทั้งที่เราไม่เคยเป็น เรารู้สึกเราจะร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นแบบนั้น เราคิดถึงครอบครัวเราแต่ก่อน คิดถึงทุกอย่างที่มันเคยเป็น เราไม่ได้คิดถึงแม่ที่เป็นปัจจุบันเลย เราคิดถึงแต่อดีต ทุกครั้งที่เราเล่าเรื่องครอบครัวเราเราก็รู้สึกอยากร้องไห้เพราะเราคิดถึงมากๆ
เราคุยกับแม่ไม่ได้ตั้งแต่เดือนเมษา ทุกครั้งที่ได้คุยมันเหมือนความสุขที่เรามีมาทั้งวันมันหายไปหมด เรารู้สึกแย่ ภาพของแม่ในวันนั้นมันรีรันขึ้นมาในหัวเราตลอด ชีวิตประจำวันของเรามันไม่เหมือนเดิม เราพูดได้เลยว่าเราเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมากๆ เพื่อนชอบบอกว่าโลกเราสวย แล้วเราก็รักชีวิตเราเองมากเช่นกัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เลย เรารู้สึกเราอารมณ์ขึ้นลงง่าย คิดถึงแต่เรื่องแย่ก่อนเสมอ เวลาอยู่คนเดียวเราจะชอบคิดว่าถ้าเราตายจะเป็นยังไง คำตอบคือว่างเปล่า เราไม่ได้เสียใจ มันรู้สึกว่างเปล่าจริงๆ เราไม่เสียใจถ้าเราจะตาย เราไม่เสียใจถ้าคนรอบตัวเราจะต้องร้องไห้เพราะเราตาย เราไม่เสียดายชีวิตเลย
เคยฟังเพลง ลืมไป ของแว่นใหญ่ไหมคะ ความจริงเพลงความหมายดีมาก แต่เรากลับไม่คิดอย่างนั้น เราคิดว่าถ้าแม่เรา ย่าเรา ทุกคนจะคิดแบบนี้ไหมตอนที่เราตาย ในท่อนที่พี่แว่นใหญ่ร้องว่า ลืมไปว่าทุกวันอาจไม่ได้เจอเธอเหมือนเดิม ลืมไปว่าฉันควรจะกอดเธอไว้ ลืมไปว่าชีวิตเปราะบางขนาดไหน เราก็คิดว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างนี้ไหมตอนที่เราตาย จะเสียใจไหม ถ้าตอนนี้เราไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว จริงๆแล้วเราพบว่าเราทำเป็นนิ่งใส่ทุกอย่าง เก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองจนมันทนไม่ไหว ความจริงคือเราเจ็บ เราแตกสลายตั้งแต่ที่มาอยู่กับปู่และย่า มาได้ยินว่าเขารักน้องของเรา มาเห็นเขาเอาใจน้องของเรา แต่เราไม่เคยโกรธหรือเกลียดน้องเลยนะคะ เรารักน้องเรา แต่เราเสียใจเพราะเราอยากให้เชารักเรามากกว่านี้หน่อย เราไม่มีความสุขเลยที่อยู่ที่นั่น เราร้องไห้กรี๊ดใส่หมอนนับครั้งไม่ถ้วน เราเจ็บปวดมากๆ แล้วเราก็เสียใจที่พ่อแม่ะเลาะกัน เราเจ็บที่เรารู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวมาโดยตลอด แล้วเราปิดความรู้สึกพวกนี้ไม่ได้แล้ว ทุกวันเราคิดวนไปมาตลอด เราร้องไห้อย่างไม่มีสาเหตุ เรามีเหตุผลให้มีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่เสียดายเลยถ้าเราตายไป
เราไม่รู้ว่าจะงงกันไหม เรารู้สึกเราอัดอั้นแล้วเล่าทุกอย่างออกมาหมด ความจริงเราคงเก็บมันเอาไว้นานมาก เยอะมาก จนวันที่ทะเลาะกับแม่ก็เหมือนได้ปล่อยทุกความรู้สึกออกมา แล้วไม่รู้วิธีจัดการกับมัน เราอยากเป็นเหมือนเดิมกับแม่นะคะ แต่เราไม่เคยรู้สึกดีขึ้นเลย เราบอกกับแม่ตรงๆ ว่าเราไม่อยากคุย เราคุยแล้วเรารู้สึกแย่ เรารู้สึกแย่กับตัวเอง กับแม่ กับครอบครัว กับช่วงเวลาที่ผ่านมา เรากลัวเราเป็นโรคซึมเศร้า เราขอร้องว่าอย่ามาตาม มาคาดคั้นเราตอนนี้เพราะเราอึดอัด เรากลัวเราจะระเบิดแล้วพูดแย่ๆ ใส่แม่ ทำแย่ๆ ใส่แม่อีก
เราอยากผ่านความรู้สึกพวกนี้ไปให้ได้ เราคิดว่าเวลาคงจะช่วยเราได้ แต่มันก็ไม่เคยบรรเทาเลย เราไม่รู้จะทำยังไงดี เราไม่ได้อยากตายนะคะ เราแค่คิดว่าถ้าเราตายคงไม่เสียดาย ไม่มีอะไรให้เราเสียใจ เหตุผลที่จะทำให้เราอยู่ก็มีแต่ถ้าเราตายเราคงไม่เสียดาย เราไม่เคยคิดว่าอยากตายเลยค่ะ หรือแบบนี้เรียกว่าอยากตายคะ บางทีเราร้องไห้หนักมากแล้วเราก็ต้องเบรคตัวเอง เรามีความสุขแต่ก็มีเรื่องพวกนี้มากวนใจเสมอแม้จะเปิดใจบอกกับแม่ไปตรงๆ แล้ว แบบนี้เรียกว่าโรคซึมเศร้าไหมคะ หรือเราแค่เศร้า เสียใจ แล้วผ่านไปทุกอย่างจะดีขึ้น หรือเราควรไปพบแพทย์ดีคะ ปัจจุบันเราอายุ20ค่ะ อยู่แถวนครปฐม หรือมีใครสามารถแนะนำแพทย์หรือคนที่รับปรึกษาเรื่องแบบนี้ไหมคะ
บางคนอาจจะคิดว่ามันเริ่มมาจากเรื่องเล็กน้อยเกินไป หรือคิดว่าเป็นพราะทิฐิของเรา ประเด็นคือมันไม่ใช่เพราะเรื่องตุ๊กตาแล้วค่ะ มันเป็นตอนที่เราทะเลาะกับแม่แล้วเขาขึ้นกู สะบัดเราล้มต่อหน้าต่อตา แล้วทุกอย่างที่เราเก็บไว้ก็ทะลักออกมาหมด เราไม่ได้โกรธหรือทิฐิใส่แม่แล้ว ไม่มีเลย มีแต่ความรู้สึกแย่ เสียใจ เจ็บปวด แล้วก็ไม่รู้ว่าทำยังไง ใช้เวลาแค่ไหนมันถึงจะหาย