พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย ลำพูน

วันนี้ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติหริภุญไชย แวะด้านหลังก่อนซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมือง



เดิมเป็นคุ้มเจ้าราชสัมพันธ์วงษ์ลำพูน หรือ เจ้าพุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่ และ เจ้าแม่หล้า เจ้าน้องของพลตรีเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงนครลำพูนองค์ที่ 10
สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2455 ตัวอาคารเป็นเรือนสรไน ... สะระไน  หมายถึงแท่งเสากลึงที่ติดตรงปั้นลม หรือกึ่งกลางหน้าจั่วของบ้าน



เพดานของชั้นบนมีลักษณะโค้ง เพื่อทำให้อากาศที่เข้ามาหมุนวนได้ ทำให้อยู่สบาย
กลางบันไดวกขึ้นชั้นบนมีบานประตูที่ไว้ขึ้นบนหลังช้าง



สิ่งที่พิเศษของเมืองหริภุญไชยคือมีดินถึง 5 สี จากการที่แม่น้ำกวง และแม่น้ำทา ไหลลงแม่น้ำปิง



พระพุทธรูปหริภุญไชย ได้รับอิทธิพลจากอินเดียแบบปาละ และทวารวดี

พระพุทธรูปยืนอิทธิพลทวารวดี คือ 
พระพักตร์เหลี่ยม พระขนงต่อกันเป็นปีกกา พระเนตรเหลือบต่ำ(เมตตา) พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์หยักปลายตวัดขึ้น มีร่องเหนือพระโอษฐ์
ขมวดพระเกศาเป็นเกลียวยกขึ้นสูงขึ้นมาอย่างมากเพราะมักจะทำเป็นดินเผาก่อนนำมาติด อุษณีษะทรงกรวยขนาดใหญ่ 

สามภาพที่เหลืออิทธิพลอินเดียปาละ คือ
มีมณฑลประภาอยู่เบื้องหลัง มีอุณหิสเป็นมุกุฏหลายยอด
พระพักตร์กลม พระขนงเป็นเส้นโค้ง พระเนตรเหลือบต่ำลง พระโอษฐแย้มเล็กน้อย



ภาพเก่าของวัดพระธาตุหริภุญไชย



วิหารวัดพระธาตุหริภุญไชยถูกพายุพัดพังเมื่อ พ.ศ. 2466 ในภาพแสดงให้เห็นว่ามีพระพุทธรูปอยู่มากมายบนแท่นแก้ว 3 ชั้น



ข้ามถนนมายังพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติหริภุญไชย
พระพุทธรูปแกะจากศิลาแลง ที่เป็นแท่งคือเสมา



พระพุทธรูปแกะสลักจากหิน



จารึกมีเยอะกว่าที่ถ่ายรูปมา เล่าคร่าว ๆ ได้ดังนี้

1 จารึกไม่ทราบที่มา

2 จารึกวัดมหาวัน
กำหนดอายุจากรูปอักษรมอญโบราณ ราวพุทธศตวรรษที่ 17 มีสี่ด้าน กล่าวถึง
1 ความสัตย์ที่แท้จริง ในผลงานของกษัตริย์ ผู้บำเพ็ญ พระราชกุศลในพระพุทธศาสนา
2 การสร้างพระเจดีย์ พระพุทธรูปทั้ง 3 กุฏิ คูหา ฉัตร และการถวายข้าพระ
3 ราชตระกูลและผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจการนี้ (ส่วนใหญ่เป็นคำวิสามานยนาม)
4 การถวายสิ่งของแด่วัดและพระสงฆ์

3 จารึกสมบัติขันธเสมาวัดกู่แก้ว
เป็นเรื่องการผูกพัทธสีมาที่วัดกู่แก้ว พ.ศ. 2102

4 จารึกวัดหนองหนาม 
พ.ศ.2032 ในสมัยของพระเจ้ายอดเชียงราย (พ.ศ. 2030-2038)
กล่าวถึงพระราชเทวี ให้ทองสักโก หรือ ทองจังโกคือทองเหลืองตีเป็นแผ่นบางหุ้มเจดีย์ อันเกลือกด้วยทองคำ เป็นจำนวน 100 บาท เฟื้องคำ เพื่อใส่ยอดพระธาตุเจดีย์เจ้าที่วัดข่วงชุมแก้ว เมืองควก พร้อมกับไว้คนอุปฐากพระเจ้า 10 ครัว
พระมหาเถรมงคลพุทธิมา สร้างวัดข่วงชุมแก้ว เมืองควก ... แสดงว่าวัดหนองหนามเดิมคือวัดข่วงชุมแก้ว เมืองควก

5 จารึกหริปุญชปุรี 
พ.ศ.2043 สมัยของพญาแก้ว กษัตริย์ราชวงศ์เม็งรายที่ 11 เล่าว่า
กษัตริย์เมืองเชียงใหม่ได้สถาปนาธรรมที่มีอยู่นานแล้ว กับพระราชมารดา(นางโป่งน้อย)  มีศรัทธาในพระศาสนามาก
อยากให้มั่นคง และปกปักรักษาเมืองหริภุญไชย จึงได้นำสมบัติทั้งหลายเช่นแก้วทั้ง 7 มาบูชาพระธาตุเจดีย์อันเป็นรากแห่งแผ่นดิน
พระเจ้าทั้งสอง ... พญาแก้วและพราะราชมารดานางโป่งน้อย ... ได้สร้างพระธรรมมณเฑียร 
รวบรวม 84000 พระธรรมขันธ์ และคันถสัตตปกรณ์ คือ บทสวดอภิธรรมทั้ง 7 บรรยาย ได้ 420 คัมภีร์ใบลาน 
และสร้างพระพุทธรูปทองประดิษฐานไว้ที่ พระธรรมมณเฑียร

6 จารึกวัดบุนบาน
พ.ศ.2047 สมัยของพระเมืองแก้ว 
พบที่วัดกู่เส้า ตำบลเหมืองจี้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน
กล่าวถึงพระมหาเถรเจ้าจุ ... อยู่วัดท่าแพ พร้อมด้วยมหาเถรผาสาท (มหาเถรปราสาท) และเจ้าพันนาหลัง ฯลฯ
ไว้ให้เป็นข้ารับใช้พระแห่งวัดบุนบาน ... บอกว่าวัดกู่เส้าคือวัดบุนบาน

7 จารึกหินทราย 
นายช่างหน้อยกับหลานของมันเป็นผู้หามาแล พ.ศ.2050

8 จารึกพระธาตุเจ้าเสด็จฯ 
พบที่เชียงราย พ.ศ.2154 
บันทึกเหตุการณ์พระบรมสารีริกธาตุเสด็จปาฎิหาริย์ ว่า
“ธาตุพระเจ้าได้เสด็จออกมาปรากฏดุจดังพระจันทร์ เมื่อวันเพ็ญ เดือน 6 ปีจอ จุลศักราช 973” 
“พระพุทธเจ้าโคตมะ ได้มาโปรดบริษัททั้งหลาย ถึงม่อนดอย…” 
อ้างอิง ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/2132 
ว่า
หากจะให้สันนิษฐานแล้ว มั่นใจเหลือเกินว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องตำนานพระธาตุจอมกิตติที่เมืองเชียงแสน 
เพราะองค์พระธาตุนั้นยังตั้งอยู่บนม่อนดอยขนาดย่อมอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้

ภาพเมื่อ พ.ศ. 2556


9 จารึกสร้างมหามณฑปเมืองพยาว
พ.ศ.2078 สมัยของพญาเกสเชษฐราช พระโอรสพญาแก้ว กษัตริย์ราชวงศ์เม็งรายที่ 12



สัตตภัณฑ์
เป็นเชิงเทียนสำหรับตั้งไว้หน้าพระประธานในวิหารล้านนาสำหรับปักเทียน 7 เล่ม คือ ภูเขา 7 ลูกที่รายล้อมเขาพระสุเมรุ
ชิ้นนี้ทำด้วยไม้สักสลักปิดทองประดับกระจกสี 
กึ่งกลางด้านบนสลักเป็นรูปหน้ากาล คายมกรต่อกันสุดท้ายคือนาค 6 ตัว
ที่ฐานของสัตตภัณฑ์นี้มีจารึกอักษรล้านนาไว้เล่าว่า 
แม่เจ้าเฮือนแก้วเป็นเก๊า พร้อมด้วยบุตรา บุตรี สร้างยังสัตตภัณฑ์ถวายพระเจ้าแก้วเจ้า มหาจินะตุ๊เจ้า เมื่อเดือนวันวิสาขะ พ.ศ.2460



กูบช้างลายคำ



คำบรรยายไม่ได้เก็บรูปมา น่าจะเป็นซุ้มแก้วเหนือประตู



โคมป่องทรงปราสาท ทำด้วยสำริด ปิดทอง ใช้สำหรับจุดไฟบูชาองค์พระธาตุหริภุญไชย , ปราสาทจำลอง , พระแผงประดับ



แผ่นหินทรายแกะสลัก



ภาชนะใส่น้ำดื่ม น้ำต้น และหม้อน้ำดิน ... เขียนลาย



พระพุทธรูปศิลปะหริภุญชัย 
เกิดก่อนก่อนอาณาจักรล้านนาของราชวงศ์เม็งราย (พ.ศ.1804-2101) ... ถ้าเกิดหลังจะเรียกศิลปะล้านนา
ได้รับอิทธิพลจากศิลปะอินเดียแบบปาละ คือ
พระพักตร์กลม พระขนงเป็นเส้นโค้ง
พระเนตรเหลือบต่ำ ... เมตตา พระโอษฐแย้มเล็กน้อง ... กรุณา
ขวมดพระเกษาใหญ่ พระเกตุมาลาเตี้ย

และ

ได้รับอิทธิพลจากศิลปะทวารวดี คือ
พระพักตร์แบน พระปรางเป็นโหนกสูง พระขนงต่อกันเป็นเส้น พระนาสิกใหญ่ พระโอษฐ์หนา
เม็ดพระศกเป็นขมวดแหลม พระเกตุมาลาสูงทรงกรวย



ย้ายมาจากวัดพระธาตุหริภุญไชย ... หริภุญไชย - ทวารวดี



พระพุทธรูปล้านนา 

เศียรพระพุทธรูปบนซ้าย 
พระเกศาเป็นขมวดใหญ่ โค้งลงเล็กน้อยเหนือพระนลาฏ
พระพักตร์กลม พระขนงเป็นวงโค้ง พระเนตรนูนรูปกลีบบัวเหลือบลงต่ำ ปลายเรียวตวัดขึ้น 
พระนาสิกแคบ โด่งเป็นสัน 
พระโอษฐ์เล็ก ริมพระโอษฐ์ล่างอิ่มหนา ส่วนริมพระโอษฐ์บนเล็กบาง 
พระหนุเป็นปม พระศอเป็นปล้อง 
อยู่ในกลุ่มได้รับอิทธิพลศิลปะอินเดียจากปาละ จึงน่าจะอยู่ในช่วงหลังจากล้านนาตอนต้น
ต่างไปจากพระพุทธรูปส่วนใหญ่ที่สร้างในสมัยพระเจ้าติโลก สันนิษฐานว่าอาจเชื่อมโยงกับข้อความในตำนานมูลศาสนา ที่กล่าวถึง
พญาแสนภู (ราชวงศ์เม็งรายองค์ที่ 3) พระโอรสพญาไชยสงคราม (ราชวงศ์เม็งรายองค์ที่ 2)
ก่อนครองราชย์ที่เมืองเชียงแสน ได้เสด็จมาประทับที่หริภุญไชยประมาณ 2 - 3 ปี
และได้ทรงหล่อพระพุทธรูปสำริดขึ้นสององค์เพื่ออุทิศถวายให้แด่พระนางจามเทวีปฐมกษัตรีย์แห่งหริภุญไชย 
จึงอาจเป็นไปได้ว่าเศียรพระพุทธรูปองค์นี้เป็นผลงานชิ้นดังกล่าว

เศียรบนขวา
พระแสนแซร้ สักษณะแบบศิลปะเชียงแสน หล่อเป็นชิ้น ๆ และนำมาต่อกันด้วยสลักที่เรียกว่าแซร้

เศียรล่างซ้าย
เราว่าพระพักตร์อิทธิพลสุโขทัย พระองค์อวบ ครองจีวรห่มเฉียง มีชายสังฆาฏิสั้น หยักเป็นริ้ว คล้ายที่เห็นที่เมืองเชลียง

เศียรล่างขวา
ได้รับอิทธิพลจากสุโขทัย เมื่อพระสุมนเถระจากสุโขทัยไปล้านนา
มีพระพักตร์ยาว พระขนงโค้งเป็นเส้น พระนาสิกเป็นสันใหญ่ 
พระเนตรกลีบบัวเหลือบลงต่ำ พระโอษฐ์ที่แย้มมีความกว้างเสมอพระนาสิก 
พระหนุอูม และมีปุ่มกลม



คันทวยรูปหนุมาน



เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2562 ทางพิพิธภัณฑ์กำลังตกแต่งอยู่  ปัจจุบันห้องจัดแสดงใหม่ได้เปิดให้ชมเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่