เล่น-ซ่อน-ตาย
"จะนับแล้วนะ"
เด็กชายวัยสิบขวบรูปร่างผอม ตัวเล็ก ตาตี๋ผิวขาว ใส่ชุดฟุตบอลทีมเชลชี ชื่อเล้งเขาตะโกนบอกเพื่อนอีกสามคนให้รีบหาที่ซ่อน
"นายห้ามหันมาดูนะ ไปพวกเรา รีบไปหาที่ซ่อนกัน" กล้าเด็กชายในวัยเดียวกัน รูปร่างอวบ และตัวสูงกว่าเล้งเล็กน้อย บอกต้นกับเมย์ หญิงสาวคนเดียวในกลุ่ม ให้รีบหาที่ซ่อน
ทั้งสี่ชวนกันมาเล่นซ่อนหาที่สวนมะพร้าวซึ่งเป็นสวนของพ่อกล้า ซึ่งได้ปลูกมะพร้าวราวสามไร่ อีกสี่ไร่ จัดสรรเป็นแปลงปลูกพืชผักสวนครัว และเลี้ยงไก่
ที่สวนแห่งนี้จึงดูร่มรื่นไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด ผลัดเปลี่ยนกันออกผลผลิตให้ได้เก็บไปกินไปขายตลอดทั้งปี
ในสวนแห่งนี้ยังมีโรงเรือนขนาดเล็ก ซึ่งสร้างไว้สำหรับปลูกผักสลัด และกระท่อมหลังหนึ่งตั้งอยู่ในส่วนพื้นที่สวนผัก สร้างไว้สำหรับหลบแดดหลบฝน และเก็บอุปกรณ์การเกษตร
ณ จุดนี้เองป็นจุดที่เด็กทั้งสี่ยืนอยู่ และมีพ่อแม่ของกล้า กำลังช่วยกันรดน้ำผัก พรวนดิน และกำจัดวัชพืชออกจากแปลงผัก ทั้งคู่หันมามองเด็กๆเล่นด้วยรอยยิ้มที่เป็นสุข
แม่ของกล้าตะโกนห้ามปราบเด็กๆว่าอย่าไปแอบไกลนัก ใกล้จะมืดแล้ว
ทุกคนตกปากรับคำ
แล้วเกมเล่นซ่อนหาจึงเริ่มขึ้น เล้งหมุนตัวยืนหันหลัง เอาศีรษะซบบนเสากระท่อม หลับตาสนิท แล้วจึงรีบนับ ทุกคนตกลงกันว่าให้นับถึงสามสิบ
ทันทีที่เล้ง นับ "หนึ่ง"
กล้า ต้น เมย์ ต่างวิ่งกระจายไปคนละจุด ทางใครทางมัน
"ยี่สิบหก สี่สิบเจ็ด ยี่สิบแปด ยี่สิบเก้า สามสิบ"
จะไปหาแล้วนะ เล้งตะโกนบอกเพื่อนๆ และเริ่มเดินสำรวจหาผู้ซ่อนทั้งสาม
"ไปอยู่ไหนกันนา"
เล้งเดินพึมพำคนเดียว แล้วสายตาพลันเหลือบไปเห็นรอยเท้าบนพื้นดิน
เด็กชายยิ้มกริ่มอย่างผู้มีชัย ค่อยๆเดินย่องตามรอยเท้าไปอย่างเงียบกริบ
จนเดินมาถึงโอ่งน้ำสองใบมีฝาปิด ตั้งอยู่ใต้ต้นมะม่วง
"โป้งแปะเมย์"
เล้งยกนิ้วโป้งชี้ขึ้นไปบนต้นมะม่วง เด็กหญิงคนเดียวในกลุ่มร้องโอดโอยเมื่อโดนจับได้
"โดนจับได้อีกแล้ว หาเราเจอก่อนคนอื่นทุกทีเลย เซ็งๆ"
เธอบ่นเสียงดัง ใบหน้าบึ้งตึง
"ไม่ต้องบ่นรีบๆปีนลงมาเลย แล้วจะไม่ให้หาเจอได้ไง เล่นถอดรองเท้าไว้ใต้ต้นมะม่วงแบบนี้" เล้งกวักมือเรียกเพื่อนให้ลงมา
เมย์ปีนลงจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว โหนกิ่งไม้ที่อยู่ต่ำสุด แล้วกระโดดลงไปยืนบนพื้น สวมรองเท้าเจ้าปัญหาที่ทำให้ตนโดนจับได้โดยง่าย
"ฮาๆ..ฉันนี่มันโง่จริงๆ หลบอย่างดีดันลืมซ่อนรองเท้าซะงั้น" พูดไปก็หัวเราะตัวเองไป
"แล้วนี่ เมย์เห็นต้นกับกล้าวิ่งไปทางไหนไหม บอกหน่อยเซ่" เล้งขอความร่วมมือจากเมย์ในการค้นหาสองคนที่เหลือ
เมย์กระซิบบอกและชี้นิ้วไปยังเส้นทางที่ทั้งสองวิ่งไปซ่อน
"เมย์เห็นกล้าวิ่งไปทางสวนมะพร้าว ส่วนต้นไปทางโรงเรือน"
ทันทีที่ได้ข้อมูล เล้งวิ่งตรงไปยังสวนมะพร้าว เพื่อตามหากล้าก่อน เพราะตรงส่วนโรงเรือน หาง่ายกว่าสวนมะพร้าว
สวนมะพร้าวนี้โปร่งมองอะไรๆก็เห็นไปหมด แต่จะมีอยู่จุดหนึ่งที่สามารถใช้สำหรับซ่อนตัวได้ คือจุดที่ลูกมะพร้าวกองสูงเป็นปราการไม่ให้คนมองเห็น วิธีนี้โดนจับได้ง่าย เล้งเคยซ่อนมาแล้ว
แต่ยังมีวิธีซ่อนอีกแบบหนึ่งคือเอาก้านมะพร้าวมาถมทับกันเยอะๆ แล้วมุดเข้าไปนอนแอบใต้ก้านมะพร้าว
และเล้งนึกได้ทันทีว่ากล้าต้องใช้วิธีซ่อนแบบนี้แน่ๆ
เขาจึงเล็งมองหาจุดที่ก้านมะพร้าวกองสุมทับกันเยอะๆซึ่งมีอยู่หลายจุด เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆก็ไม่พบกล้า
กระทั่งเดินมาเจอกองที่สี่ เห็นก้านมะพร้าวขยับขึ้นลง และมีเสียงร้องโอ๊ยของกล้าดังออกมา เล้งวิ่งมาตามเสียง
แล้วยกนิ้วโป้งชี้ใส่กล้า
"โป้งแปะกล้า นายโดนจับแล้ว ฮะฮา"
กล้าดีดตัวลุกขึ้น เอามือผลักก้านมะพร้าวออกจากตัว แล้วรีบวิ่งหนีออกมาจากจุดที่เคยนอนแอบ เต้นกระโดดโหยงๆ มือปัดป่ายไปตามแข้งขา แขนและลำตัว เพื่อไล่มดแดงที่กำลังรุมทึ้งตัวเขา
"โอ๊ยๆๆ คันๆ" กล้าร้องดัง ยกมือเการอบตัว สุดท้ายทนไม่ไหวจำต้องถอดเสื้อออก สะบัดเสื้อเพื่อไล่มด
"ฮ่าๆๆๆ อยากไปซ่อนแบบนั้นเอง" เล้งยืนหัวเราะเพื่อนอย่างอารมณ์ดี เห็นใจเพื่อนก็เรื่องหนึ่ง แต่เหตุการณ์ตรงหน้าชวนให้ขบขัน จึงปล่อยเสียงหัวเราะไม่หยุดได้ทีเดียว
"นายไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ เราแอบนายตั้งนานกว่าจะหาเจอ โดนมดรุมกัดจนได้ แล้วหาใครเจอแล้วบ้างเนี่ย"
กล้าใส่เสื้อพร้อมพูดกับเพื่อนไปด้วย
"เจอเมย์แล้ว เหลือแต่ต้น แต่เรารู้ว่าต้นไปแอบตรงไหน ไปหาต้นกันเถอะ"
แล้วทั้งสองก็เดินไปพร้อมกัน จนมาถึงกระท่อม เห็นเมย์นั่งอยู่บนกระท่อมกำลังกินมะม่วงน้ำปลาหวานกับแม่กล้า
"โห..กินก่อนใครเพื่อนเลยนะเมย์" กล้าร้องแซว
"ก็รอพวกนายตั้งนานไม่เห็นมาสักที ก็ต้องเพิ่มพลังหน่อย เพราะตาต่อไปฉันต้องเป็นคนหาพวกนาย"
ว่าแล้วก็กัดมะม่วงเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
"เราไปหาต้นดีกว่า"
เล้งชวนกล้าไปหาต้นด้วยกัน แต่กล้าไม่ไป ขอนั่งเกาตัวไปก่อน เพราะทั้งคันทั้งแสบไปทั่วตัวแล้ว
เล้งจึงเดินมาหาต้นคนเดียว เล้งเข้ามาในโรงเรือน มองไปจนทั่ว แต่ก็ไม่พบต้น
"ไปแอบที่ไหนนะ" เล้งพึมพำ นึกแปลกใจโรงเรือนก็เล็กแค่นี้ ทำไมหาต้นไม่เจอ เขาจึงเดินออกมาจากโรงเรือน
"ต้น ออกมาเถอะ เหลือนายคนเดียวแล้วนะ ไม่ต้องซ่อนแล้ว" เล้งตะโกนหา เพราะขี้เกียจเดินหาเพื่อนแล้ว
"ต้น นายอยู่ไหนออกเถอะ" เล้งตะโกนอีกรอบ สายตาก็เหลียวมองหาต้นไปด้วย "หายไปไหนของนายนะ"
ต้นไม่ได้แอบในโรงเรือนแต่เขาแอบอยู่หลังโรงเรือน โดยหักกิ่งไม้มาใช้บังตัว เขาแอบอยู่นานจนร้อนและรู้สึกคันไปทั้งตัว
เล้งผู้เป็นฝ่ายหากลับไม่มาสักที ต้นเริ่มมีอาการหงุดหงิดและโมโหเพื่อนที่หาเขาไม่เจอ ต้นจึงโยนกิ่งไม้ทิ้งแล้วเดินออกมาจากที่ซ่อน
"เล้งข้าอยู่นี้โว้ย" ตะโกนบอกเพื่อนเสียงดัง แต่กลับไม่เห็นมีใครเดินมาหาเขา
เด็กชายนึกแปลกใจว่าเพื่อนหายไปไหนกันหมด จึงได้ติดสินใจเดินกลับกระท่อม
ทว่าระหว่างทางที่เดินกลับ บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป อยู่ๆท้องฟ้าพลันดำมืด เมฆก้อนสีดำมหึมาลอยปกคลุม
ฉับพลันปรากฏหมอกควันขาวลอยทั่วสวนผัก ลมเย็นพัดวูบผ่านตัวเขาไป ขนท้ายทอยและขนแขนลุกตั้งชันอย่างไม่รู้ตัว
ต้นรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น รีบวิ่งมาที่กระท่อมโดยไว
เมื่อมาถึงกระท่อมกลับพบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ที่นี่!
"กล้า เล้ง เมย์ อยู่ไหนกัน" ต้นตะโกนเรียกเพื่อนๆ แต่ไม่มีใครตอบ ต้นเริ่มกลัว เขาจึงรีบเดินกลับบ้าน
ทว่าระหว่างทาง พลันได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงหัวเราะคิกคัก ดังอยู่ใกล้ๆนี่เอง
"ใครน่ะ ออกมานะ"
"ฮิฮิฮิ...มาเล่นกันนะ มาเล่นกัน" ต้นหันไปตามเสียงที่ได้ยิน จึงเห็นเด็กผู้หญิงผมดำยาวใส่ชุดสีแดงทั้งเสื้อและกระโปรงยาว อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับตน
"เธอเป็นใคร" ต้นถามออกไป
"เป็นเพื่อนใหม่เธอไง มาเล่นซ่อนหากันเถอะ" เด็กหญิงชุดแดงชวน
"ไม่เล่นแล้ว อยากกลับบ้านแล้ว" ต้นปฎิเสธ
"กลับไปไม่ได้ ฉันไม่ให้นายกลับ มาเป็นเพื่อน มาๆเล่นกัน"
"ไม่เล่น"
"ต้องเล่น เล่นเดี๋ยวนี้เลย ฉันบอกให้แกเล่น" เด็กหญิงเคลื่อนกายรวดเร็วเข้ามาประชิดตัวต้น ดวงตาแดงก่ำ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของต้น เด็กชายตัวสั่น ปากซีด
นึกอยากร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว แต่อยู่ๆก็ไม่อาจส่งเสียงได้ สักพักดวงตาของต้นเปลี่ยนเป็นเหม่อลอยไร้ความรู้สึก
"ไปซ่อนฉันจะหานายเอง" เด็กหญิงชุดแดงบอกคนที่ตนเพิ่งสะกดจิตไว้
"ได้" ต้นตอบเสียงเรียบ แล้ววิ่งไปหาที่ซ่อน
"โป้งแปะต้น คิคิ..นายโดนจับแล้ว ไปหาที่ซ่อนใหม่เลย"
เด็กหญิงชุดแดงหัวเราะชอบใจแล้วไล่ต้นไปหาที่ซ่อนใหม่
"โป้งแปะต้น นายโดนจับอีกแล้ว"
ต้นวิ่งไปหาที่ซ่อนใหม่ "โป้งแปะต้น"
ต้นวิ่งไปหาที่ซ่อนใหม่ รอบแล้วรอบเล่า เนิ่นนานแสนนาน จนต้นหมดแรงวิ่งต่อไปไม่ไหว ต้องค่อยๆคลานไปหาที่ซ่อน
ต้นคลานสะอื้นร้องไห้ไปตลอดทาง แล้วเด็กหญิงชุดแดงก็กระโดดขึ้นมานั่งบนหลังต้น
"ไปซ่อนเร็วๆสิ" เธอตะโกนบอกเสียงดัง
"ไม่ไหวแล้ว ผมหิวข้าว หิวน้ำด้วย ฮือๆๆ.. ปล่อยผมไปเถอะนะ"
"ไม่! แกต้องเป็นเพื่อนฉันอยู่ที่นี่" น้ำเสียงขู่บังคับดังเข้าหูต้น เด็กหญิงบนหลังเปลี่ยนจากนั่งเป็นยืน แล้วกระโดดเล่นเหยียบหลัง
"โอ๊ย..ผมเจ็บแล้ว ปล่อยผมเถอะนะ"
"คลานต่อไป คลานต่อไป...คลานไปหาที่ซ่อน หาที่ซ่อนให้ดีๆ ฉันจะหาไม่เจอ แต่ฉันจะหาเจอแน่ คลานต่อไป คลานไป เจ้าเพื่อนยาก"
เด็กหญิงชุดแดงร้องเป็นเพลง แล้วหัวเราะคิกคักชอบใจ
"ไม่ไหวแล้ว ฮือๆ... ไม่ๆไหวแล้ว ขอน้ำกินหน่อย ฮือๆๆ"
สุดท้ายต้นคลานต่อไปไม่ไหว จำต้องทิ้งตัวลงนอนราบไปกับพื้นหญ้า ลมหายใจรวยรินเต็มที
เด็กหญิงชุดแดงเดินมานั่งยองมองหน้าเขา
"ใกล้ตายแล้ว เย้...นายใกล้ตาย ตายเหมือนฉันเลย ฮิฮิ" เธอนั่งเอียงคอเมียงมองเด็กชายที่ใกล้สิ้นลมหายใจอย่างมีความสุข
ย่างเข้าสู่วันที่สี่ ที่ทางตำรวจ ครอบครัวและคนในหมู่บ้านตามหาต้น แต่ยังหาไม่เจอ
ตำรวจมุ่งประเด็นไปทุกด้าน ลักพาตัว ฆาตกรรม เด็กอาจผลัดหลงทาง หรือถูกสัตว์ร้ายอย่างงูกัด
ทางครอบครัวกระวนกระวาย ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร พวกเขาทำทุกวิธีทางเพื่อตามหาลูกชายคนเล็ก กระจายเสียงทางวิทยุ โทรทัศน์ เฟซบุ๊กหนังสือพิมพ์ ปิดป้ายประกาศตามสถานที่ต่างๆ ขับรถตามหา
กระทั่งเข้าสู่วันที่ห้า แม่พ่อของต้นตัดสินใจไปหาหมอผี ให้ช่วยดูว่าลูกชายเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
เล่น-ซ่อน-ตาย