ถ้าเรารักใครคนนึง เราต้องยอมเห็นเขามีความสุขได้ แม้มันไม่ได้เกิดขึ้นกับเรา
ชีวิตของเด็กผู้ชายคนนึงที่เรียนชายล้วน มีความสุขในโรงเรียน กับการเล่นฟุตบอล ร้องเพลง ตามประสาเด็กผู้ชายทั่วไป จนวันที่เขาขึ้นมหาลัย เขารู้สึกตื่นเต้นกับบรรยากาศใหม่ๆที่ไม่เคยได้เจอ พบเจอเพื่อนเพศตรงข้าม แต่เขาก็พร้อมที่จะเรียนรู้สถานการณ์ใหม่ๆ
เขาเป็นเด็กขี้อาย ชอบใครก็จะไม่ได้บอกแต่จะแอบมองห่างๆ เขาชอบเพื่อนในคณะอยู่คนนึงแต่ก็ไม่ได้พูดไป ขอเรียกว่า นาง A คนที่ตรงสเปคของเด็กชายทุกอย่าง แม้จะมีได้คุยกันเล็กน้อยแต่ทุกอย่างก็ไม่ได้คืบ จนมีเพื่อนในคณะอีกคนมาจีบ ขอเรียกว่านาง B เพื่อนคนนี้ไม่ใช่สเปคของเขาเลยแม้แต่น้อย ทีแรกเขาคิดแค่ว่าคงเข้าหามาแบบเพื่อน เลยวางใจและคุยอย่างสนุก แต่พอนานไปเริ่มรู้ว่าไม่ใช่ จิตใจเขาเริ่มหวั่นไหว เริ่มหลงไหลไปกับคารมและความน่ารัก จนได้เริ่มไปเที่ยวสองต่อสองกัน กินข้าวด้วยกัน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก เพื่อนทุกคนมีความสุขและต่างจ้องมองคู่ของเรา ว่าเมื่อไรสถานะจะถูกเลื่อน เด็กชายไม่เคยมีความรักมาถึงขั้นนี้มาก่อน และนาง B มาจากโรงเรียนสหะ มีคนเข้าหาเยอะ แต่ก้ไม่เคยมีความรักถึงขั้นนี้เช่นกัน นาง B เผยคำพูดในช่วงแรกว่ารู้สึกสบายใจที่ได้คุยกัน เด็กชายก็เริ่มจะชอบความรู้สึกนี้มากขึ้นทุกวัน โทรกัน แชทกันทุกคืน
แต่พอนานเข้า รักที่เคยหอมหวานเริ่มจืดจาง ความเอาใจใส่ที่ทั้งคู่เคยมีให้กันเริ่มหล่นหาย เจอหน้ากันทำได้แค่ยิ้มให้กัน ความสัมพันธ์เริ่มไม่คืบ ทำให้ทั้งคู่ต่างมีความรู้สึกรักให้กันที่ดรอปลง เด็กชายเริ่มคิดว่า หากปล่อย B ออกจากชีวิตไป เขาก็คงอยู่ได้ เขาเริ่มแสดงออกด้วยการแชทที่ห้วน ไม่ได้คุยต่อเยอะ
จนถึงจุดพลิกผัน วันนั้นเด็กชายไปค่ายซึ่งเพื่อนในคณะก็ไปด้วยหลายคน เขาดื่มสุราจนมึนเมา และใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างในการบอกเลิกคุยกับนาง B ค่ำคืนนั้นนาง B พิมพ์กลับมาว่า “ให้รับผิดชอบการกระทำตัวเองด้วย” ตื่นเช้ามาที่ค่ายเด็กชายรู้สึกผิด และไม่กล้าสบตากับนาง B เด็กชายทำตัวไม่ถูกและรู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันแย่มาก
เย็นวันนั้น กลับมาบ้าน เด็กชายพิมพ์ไปขอโทษ และเน้นว่า “ถ้าจะเลิกคุยก็ทำได้ เราเข้าใจ” เด็กชายคิดอยากลองใจว่า นาง B คงจะยื้อไว้ แต่ไม่ใช่ นาง B ไม่ได้ถือสาเรื่องที่เมา แต่กลับบอกความในใจถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปมานาน เขาเสียใจร้องไห้มาหลายคืน โดยที่เด็กชายไม่ทราบอะไรเลย นาง B ตัดสินใจบอกผ่านข้อความว่า ถ้าเราจะต้องเหนื่อยที่เข้าหากันและกัน มันเหมือนฝืนความสัมพันธ์มากเกินไป เราว่ามันไปต่อกันยาก
เด็กชายรู้สึกจุกที่อก ถึงแม้ตัวเขารู้สึกเหมือนกันว่าอยากเลิกคุยด้วยความรู้สึกที่ลดลง แต่เขาไม่เคยคิดอยากให้ นาง B เสียใจ สิ่งนี้ติดค้างอยู่ในใจเด็กชาย เขาพูดไปว่าเขาจะจัดการกับความรู้สึกตัวเอง เขารู้สึกโกรธที่ นาง B เป็นคนเริ่มทุกอย่างและทิ้งเขาให้จมอยู่กับความผิดหวัง
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เด็กชายและเด็กหญิง ไม่คุยกันแม้แต่คำเดียว จนเด็กชายยอมถามว่า เธอสบายใจ ใช่มั้ยที่เป็นแบบนี้ เด็กหญิงตอบว่าสบายใจ เด็กชายรู้สึกว่า เขาต้องรับให้ได้ และเขาขอจัดการด้วยตัวเอง
แต่สุดท้าย เขาทำไม่ได้ เขาขอไปคุยกับ B อีกครั้งหวังให้ รักในวันวานมันกลับคืนมา แต่ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนในความรู้สึก ทั้งความโกรธ ผิดหวัง เสียใจ คิดถึง ทำให้เขาสื่อสารออกมาไม่ได้ดีพอ เด็กหญิงเลยตอบกลับไปว่า “เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ แต่ถ้าเธอขอให้กลับมาคบกัน เราคงทำให้ไม่ได้ เราว่าเธอยังไม่โตพอ ในหลายครั้ง ความรู้สึกเราที่มันพังไปแล้ว มันก็เอากลับมาไม่ได้แล้ว“ เด็กชายเสียใจ และรู้ทันทีว่าสิ่งที่เขาทำ มันรุนแรงและทำร้ายจิตใจเด็กสาวมาก เด็กสาวยังยืนยันว่ารัก แต่ ความรักกับความสบายใจมันสวนทาง และเด็กชายมอบตรงนั้นให้ไม่ได้
เขายังยืนยันที่จะขอโอกาสปรับปรุงแก้ไข แต่มันสายไปเสียแล้ว เด็กหญิงปฏิเสธโอกาสนั้น และบอกว่า เด็กชายสามารถเลือกได้เองนะหลังจากนี้ ว่าจะวางตัวยังไง เป็นเพื่อนปกติหรือไม่มองหน้ากันอีกเลย เด็กชายครุ่นคิด ตกตะกอน เขาเจ็บปวดและพึ่งรู้ว่าอกหักเป็นอย่างไร เขาสรุปได้ว่า เขาจะพยายามปรับให้ทุกอย่างเหมือนปกติ เขาขอใช้เวลา และจะกลับมาเป็นเพื่อนกับเด็กสาว ในความสัมพันธ์ครั้งถัดๆไป เด็กชายคงจะไม่ทำอะไรผลีผลามแบบนี้อีก แต่มันคงอีกนานเลยล่ะกว่าจะมีรักครั้งใหม่ เด็กชายยังคงรักอยู่เสมอ แต่ก็ต้องยอมปล่อยไป
______________
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เวลาเรารักใคร เราควรใช้เวลาตรงนั้นให้คุ้มค่าที่สุด ถึงแม้ทุกอย่างเริ่มต้นอย่างสวยงามแต่ตอนจบของเรื่องจะมาตอนไหน เรามิอาจทราบได้ จงดูแลเอาใจใส่กัน อย่าให้ต้องมาย้อนไปวันเก่าๆ เพื่อปรับปรุงตัวใหม่ ……. มันไม่มีวันนั้น อีกแล้ว……
จริงมั้ยครับ บางทีรัก ไม่ใช่การครอบครอง
ชีวิตของเด็กผู้ชายคนนึงที่เรียนชายล้วน มีความสุขในโรงเรียน กับการเล่นฟุตบอล ร้องเพลง ตามประสาเด็กผู้ชายทั่วไป จนวันที่เขาขึ้นมหาลัย เขารู้สึกตื่นเต้นกับบรรยากาศใหม่ๆที่ไม่เคยได้เจอ พบเจอเพื่อนเพศตรงข้าม แต่เขาก็พร้อมที่จะเรียนรู้สถานการณ์ใหม่ๆ
เขาเป็นเด็กขี้อาย ชอบใครก็จะไม่ได้บอกแต่จะแอบมองห่างๆ เขาชอบเพื่อนในคณะอยู่คนนึงแต่ก็ไม่ได้พูดไป ขอเรียกว่า นาง A คนที่ตรงสเปคของเด็กชายทุกอย่าง แม้จะมีได้คุยกันเล็กน้อยแต่ทุกอย่างก็ไม่ได้คืบ จนมีเพื่อนในคณะอีกคนมาจีบ ขอเรียกว่านาง B เพื่อนคนนี้ไม่ใช่สเปคของเขาเลยแม้แต่น้อย ทีแรกเขาคิดแค่ว่าคงเข้าหามาแบบเพื่อน เลยวางใจและคุยอย่างสนุก แต่พอนานไปเริ่มรู้ว่าไม่ใช่ จิตใจเขาเริ่มหวั่นไหว เริ่มหลงไหลไปกับคารมและความน่ารัก จนได้เริ่มไปเที่ยวสองต่อสองกัน กินข้าวด้วยกัน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก เพื่อนทุกคนมีความสุขและต่างจ้องมองคู่ของเรา ว่าเมื่อไรสถานะจะถูกเลื่อน เด็กชายไม่เคยมีความรักมาถึงขั้นนี้มาก่อน และนาง B มาจากโรงเรียนสหะ มีคนเข้าหาเยอะ แต่ก้ไม่เคยมีความรักถึงขั้นนี้เช่นกัน นาง B เผยคำพูดในช่วงแรกว่ารู้สึกสบายใจที่ได้คุยกัน เด็กชายก็เริ่มจะชอบความรู้สึกนี้มากขึ้นทุกวัน โทรกัน แชทกันทุกคืน
แต่พอนานเข้า รักที่เคยหอมหวานเริ่มจืดจาง ความเอาใจใส่ที่ทั้งคู่เคยมีให้กันเริ่มหล่นหาย เจอหน้ากันทำได้แค่ยิ้มให้กัน ความสัมพันธ์เริ่มไม่คืบ ทำให้ทั้งคู่ต่างมีความรู้สึกรักให้กันที่ดรอปลง เด็กชายเริ่มคิดว่า หากปล่อย B ออกจากชีวิตไป เขาก็คงอยู่ได้ เขาเริ่มแสดงออกด้วยการแชทที่ห้วน ไม่ได้คุยต่อเยอะ
จนถึงจุดพลิกผัน วันนั้นเด็กชายไปค่ายซึ่งเพื่อนในคณะก็ไปด้วยหลายคน เขาดื่มสุราจนมึนเมา และใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างในการบอกเลิกคุยกับนาง B ค่ำคืนนั้นนาง B พิมพ์กลับมาว่า “ให้รับผิดชอบการกระทำตัวเองด้วย” ตื่นเช้ามาที่ค่ายเด็กชายรู้สึกผิด และไม่กล้าสบตากับนาง B เด็กชายทำตัวไม่ถูกและรู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันแย่มาก
เย็นวันนั้น กลับมาบ้าน เด็กชายพิมพ์ไปขอโทษ และเน้นว่า “ถ้าจะเลิกคุยก็ทำได้ เราเข้าใจ” เด็กชายคิดอยากลองใจว่า นาง B คงจะยื้อไว้ แต่ไม่ใช่ นาง B ไม่ได้ถือสาเรื่องที่เมา แต่กลับบอกความในใจถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปมานาน เขาเสียใจร้องไห้มาหลายคืน โดยที่เด็กชายไม่ทราบอะไรเลย นาง B ตัดสินใจบอกผ่านข้อความว่า ถ้าเราจะต้องเหนื่อยที่เข้าหากันและกัน มันเหมือนฝืนความสัมพันธ์มากเกินไป เราว่ามันไปต่อกันยาก
เด็กชายรู้สึกจุกที่อก ถึงแม้ตัวเขารู้สึกเหมือนกันว่าอยากเลิกคุยด้วยความรู้สึกที่ลดลง แต่เขาไม่เคยคิดอยากให้ นาง B เสียใจ สิ่งนี้ติดค้างอยู่ในใจเด็กชาย เขาพูดไปว่าเขาจะจัดการกับความรู้สึกตัวเอง เขารู้สึกโกรธที่ นาง B เป็นคนเริ่มทุกอย่างและทิ้งเขาให้จมอยู่กับความผิดหวัง
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เด็กชายและเด็กหญิง ไม่คุยกันแม้แต่คำเดียว จนเด็กชายยอมถามว่า เธอสบายใจ ใช่มั้ยที่เป็นแบบนี้ เด็กหญิงตอบว่าสบายใจ เด็กชายรู้สึกว่า เขาต้องรับให้ได้ และเขาขอจัดการด้วยตัวเอง
แต่สุดท้าย เขาทำไม่ได้ เขาขอไปคุยกับ B อีกครั้งหวังให้ รักในวันวานมันกลับคืนมา แต่ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนในความรู้สึก ทั้งความโกรธ ผิดหวัง เสียใจ คิดถึง ทำให้เขาสื่อสารออกมาไม่ได้ดีพอ เด็กหญิงเลยตอบกลับไปว่า “เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ แต่ถ้าเธอขอให้กลับมาคบกัน เราคงทำให้ไม่ได้ เราว่าเธอยังไม่โตพอ ในหลายครั้ง ความรู้สึกเราที่มันพังไปแล้ว มันก็เอากลับมาไม่ได้แล้ว“ เด็กชายเสียใจ และรู้ทันทีว่าสิ่งที่เขาทำ มันรุนแรงและทำร้ายจิตใจเด็กสาวมาก เด็กสาวยังยืนยันว่ารัก แต่ ความรักกับความสบายใจมันสวนทาง และเด็กชายมอบตรงนั้นให้ไม่ได้
เขายังยืนยันที่จะขอโอกาสปรับปรุงแก้ไข แต่มันสายไปเสียแล้ว เด็กหญิงปฏิเสธโอกาสนั้น และบอกว่า เด็กชายสามารถเลือกได้เองนะหลังจากนี้ ว่าจะวางตัวยังไง เป็นเพื่อนปกติหรือไม่มองหน้ากันอีกเลย เด็กชายครุ่นคิด ตกตะกอน เขาเจ็บปวดและพึ่งรู้ว่าอกหักเป็นอย่างไร เขาสรุปได้ว่า เขาจะพยายามปรับให้ทุกอย่างเหมือนปกติ เขาขอใช้เวลา และจะกลับมาเป็นเพื่อนกับเด็กสาว ในความสัมพันธ์ครั้งถัดๆไป เด็กชายคงจะไม่ทำอะไรผลีผลามแบบนี้อีก แต่มันคงอีกนานเลยล่ะกว่าจะมีรักครั้งใหม่ เด็กชายยังคงรักอยู่เสมอ แต่ก็ต้องยอมปล่อยไป
______________
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เวลาเรารักใคร เราควรใช้เวลาตรงนั้นให้คุ้มค่าที่สุด ถึงแม้ทุกอย่างเริ่มต้นอย่างสวยงามแต่ตอนจบของเรื่องจะมาตอนไหน เรามิอาจทราบได้ จงดูแลเอาใจใส่กัน อย่าให้ต้องมาย้อนไปวันเก่าๆ เพื่อปรับปรุงตัวใหม่ ……. มันไม่มีวันนั้น อีกแล้ว……