ถุงมือเรื่องสั้น รอบนี้มี 2 เรื่องนะครับ
เรื่องนี้เกี่ยวกับพนักงานรักษาความปลอดภัย หรือ ร.ป.ภ. โดยย่อ ซึ่งโดยมากเรามักเรียกขานกันว่า "ยาม"
และเรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณยามที่ "มีเวลาว่าง"
มันก็เลยกลายเป็นชื่อ
"ยามว่าง" ซึ่งอมความไว้ทั้งสองความหมาย
มาอ่านกันดูว่าจะเป็นอย่างไรครับ ^^
เสียงเบรคจักรยานเอี๊ยดแสบแก้วหู ดังอยู่ข้างป้อมยามประจำหมู่บ้าน ตามมาด้วยเสียงกุกกักก๊อกแก๊กอีกครู่หนึ่ง ก่อนที่คนมาใหม่จะเดินเข้ามาในตัวป้อม
“เป็นไงมั่ง เรียบร้อยดีไหม” คนที่นั่งอยู่ข้างในเป็นฝ่ายร้องทักก่อน
“เรียบร้อยดีครับลุง เงียบสงัดอย่างกับหมู่บ้านร้างเลย” ยามรุ่นน้องตอบกลับไป
“ตีสองแบบนี้แล้ว ก็ต้องเงียบสิวะ ไม่อย่างนั้นก็ผิดปกติเต็มที แล้วจะพลอยมาเดือดร้อนพวกเราไปด้วย” ยามรุ่นอาวุโสกล่าว นึกขบขันจนหัวเราะออกมา
“นั่นสินะครับ” หนุ่มรุ่นน้องหัวเราะตามไปด้วย เดินเข้าไปนั่งในป้อม
ชายสูงวัยหยิบกระติกพลาสติกขนาดย่อมประจำตัวขึ้นมา เปิดฝายื่นส่งให้ “เอ้า จิบเสียหน่อย ดึกๆ อย่างนี้มันก็ต้องโอเลี้ยง จะได้ตาค้าง อยู่ยาวๆ ยันสว่าง”
ยามใหม่รับกระติกไว้ มองดูน้ำสีดำๆ ข้างใน ก่อนจะใช้หลอดดูดอึกหนึ่ง รสขมของมันทำเอาถึงกับหน้าเหยเกไป แต่ก็พอช่วยให้ประสาทตื่นตัว กระชุ่มกระชวยขึ้นมาได้บ้างจากความเย็นชื่นใจของมัน
“ขอบคุณครับลุง” เรียบร้อยก็ส่งคืนเจ้าของ
“ยามใหม่สินะเรา” ผู้อาวุโสถาม ดูดโอเลี้ยงบ้าง ทำหน้าตาท่าทางซาบซ่าคล้ายได้ดื่มเหล้าขาวทีเดียว
“ครับ” ผู้ถูกถามตอบสั้นๆ
“เออ ดีๆ มาช่วยกัน เอ็งรู้หรือเปล่า ความปลอดภัยของคนในหมู่บ้านตั้งหลายร้อยคน ขึ้นอยู่กับพวกเราเชียวนะ” พูดพลางยืดอกอย่างภูมิใจ
“ยอดเลยครับลุง เพราะลุงต้องการรักษาความปลอดภัยให้กับทุกคน เลยตัดสินใจมาเป็นยามใช่ไหมครับ” รุ่นน้องฟังแล้วก็รู้สึกเห็นดีเห็นงาม
ฮึกเหิมจนหัวใจพองโตตามไปด้วย นึกในใจว่าช่างโชคดีที่ได้มาทำงานกับคนมีอุดมการณ์
“ไม่ใช่อย่างนั้น ไอ้นั่นมันก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่ข้ามาเป็นยาม เพราะเห็นว่าอาชีพยามน่ะ เป็นอาชีพที่สบาย จะทำอะไร กินอะไรก็ได้ เอ็งเคยเห็นอาชีพอื่นทำได้แบบนี้ไหมล่ะ”
นึกๆ ตามก็ส่ายหน้า เพราะไม่เห็นว่าจะมีอาชีพไหนนั่งเฉยๆ หรือกินอะไรในเวลางานได้จริงๆ เสียด้วย
ผู้อาวุโสมองท่าทางของรุ่นน้องแล้วก็ยิ้ม
“ใช่ไหมล่ะ เวลาว่างออกจะมากมาย โดยเฉพาะกะดึกด้วยนะ โอ๊ย ยิ่งสบายเข้าไปใหญ่ จะเอาอะไรมานั่งทำเป็นอาชีพเสริม หารายได้ไปอีกทางยังได้เลย เรียกว่าได้เงินสองต่อ ช่วยค่าครองชีพไปได้เยอะเลยละ” ยามเฒ่าสาธยายโดยใช้ประสบการณ์ในอาชีพที่ผ่านมายาวนาน
“ลุงๆ ลุงช่วยแนะนำอาชีพเสริมให้ผมหน่อยสิครับ ตอนว่างๆ ลุงเอาอะไรมาทำครับ ผมอยากมีรายได้มากๆ เหมือนกัน จะได้เอาเงินไปซื้อโทรศัพท์แพงๆ
หรือไม่ก็ทีวีเครื่องใหญ่ๆ กับเขามาใช้มั่ง”
“ฮ่าๆๆ ข้าไม่เอาอะไรมาทำทั้งนั้นแหละ ถ้าเอาอะไรมาทำมันก็ไม่ว่างสิวะ เสียดายเวลาว่างตายเลย อยู่เฉยๆ ให้สมกับเป็นเวลาว่างนี่ละ ดีที่สุด”
ระหว่างคุยกันสัพเพเหระ ยามหนุ่มก็เหลือบไปเห็นวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเก่าที่ตั้งอยู่มุมป้อม สังเกตดูดีๆ แล้ว เห็นว่าวิทยุเครื่องนั้นกำลังเปิดอยู่
แต่กลับไม่มีเสียงอะไรเล็ดรอดออกมาให้ได้ยินสักนิด
“ลุงเปิดวิทยุอยู่หรือครับ” สงสัยจึงถามออกไป
“เออ เปิดอยู่” ลุงยามตอบ
“แล้วทำไมถึงไม่มีเสียงเลยล่ะครับ วิทยุเสียหรือเปล่า เดี๋ยวออกกะตอนเช้าผมเอาไปให้ช่างซ่อมดูให้ไหม” ยามหนุ่มอาสาด้วยความหวังดี อย่างน้อยมืดดึกดื่นแบบนี้ มีวิทยุอยู่เป็นเพื่อนก็ช่วยคลายเหงาไปได้มาก
“มันไม่ได้เสีย แต่ข้าปิดเสียงเอาไว้” พูดพลางโบกมือปฏิเสธ
“อ้าว แล้วลุงปิดเสียงทำไมครับ” ถามด้วยความสงสัย
“ก็ข้าฟังเพลงเบื่อแล้ว อยากฟังอะไรเงียบๆ บ้าง ก็เลยปิดเสียงสิวะ” ลุงยามอธิบาย
“อ้าว แล้วทำไมลุงไม่ปิดวิทยุไปเลยล่ะครับ” ยามใหม่เสนอ
“อุวะ ไอ้นี่ พูดแปลกๆ ก็ถ้าปิดวิทยุ ข้าก็ไม่ได้ฟังวิทยุสิโว้ย แล้วข้าจะเอาวิทยุมาทำไม จริงไหมล่ะ ข้าอยากฟังวิทยุ แต่อยากฟังเงียบๆ โว้ย เข้าใจไหม” อธิบายเสียงดัง พร้อมตบเข่าฉาดใหญ่
“จ้ะ เข้าใจจ้ะ” ยิ้มหน้าเจื่อน เข้าใจทั้งที่ยังงงๆ
อีกครู่หนึ่ง ยามหนุ่มก็อาสาขี่จักรยานไปตรวจตราอีกรอบ แต่คราวนี้ปั่นไปด้านหน้าหมู่บ้านบ้าง เพราะรอบที่แล้วตรวจตราในหมู่บ้านไปแล้ว ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงป้อม
“เป็นไงมั่ง” ลุงยามนั่งอยู่ที่เดิม หลังพิงผนังป้อม หลับตาคล้ายกำลังอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มเต็มที
“เรียบร้อยดีครับลุง” พูดพลางเดินกลับมานั่ง “เออ ลุง ผมถามอะไรหน่อยสิครับ”
“ถามอะไรก็ถามได้เลย ข้ารู้หมดนั่นละ” ปากพูด แต่ตายังหลับอยู่
“ผมเห็นที่ด้านหน้าหมู่บ้าน มีป้อมยามอีกป้อมหนึ่ง แต่เหมือนป้อมร้างนะ มันมีไว้ทำไมหรือครับ”
ป้อมที่ยามหนุ่มพูดถึง คือป้อมขนาดเท่าๆ กันกับป้อมยามหลังนี้ แต่ปลูกไว้อยู่ปากทางถนนเข้าตัวหมู่บ้านซึ่งห่างจากจุดนี้ไปเกินห้าร้อยเมตร เป็นป้อมตั้งโดดเดี่ยว ท่ามกลางสภาพรกร้างรอบๆ หมู่บ้าน ไม่มีแสงไฟ ไม่มีใครใช้ ทรุดโทรมและน่ากลัวยามเมื่อต้องผ่านในเวลานี้
“อ๋อ” ร้องออกมาอย่างคนรู้เรื่องราวดี “นั่นเป็นป้อมยามเก่าน่ะ เมื่อก่อนลุงกับพวกก็ทำงานกันที่ป้อมนั้นนั่นละ”
“แล้วยังไงครับ”
“ก็หมู่บ้านนี้น่ะ มันไม่ค่อยมีคนผ่านไปมาสักเท่าไหร่ รอบหมู่บ้านก็มีแต่ป่าหญ้าน่าวังเวง กลางดึก นอกจากแสงไฟตรงป้อมนั้นแล้ว รอบๆ ก็มืดไปหมด” แกลืมตาขึ้นมา นั่งตัวตรง
“ยามอย่างพวกเราก็กลัวผีเป็น จริงไหม ตอนนั้นต่างคนก็ต่างหาเครื่องรางของขลังมาห้อยคอติดตัวไว้ให้อุ่นใจกันเป็นแถว พระที่ไหนดัง พระของใครว่าดีๆ
ก็หามาคล้องคอกัน นานวันเข้าก็กลายเป็นเอาพระแพงๆ มาอวดกันเสียอย่างนั้น”
“แล้วลุงเจอผีไหมครับ” ยามหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนึกว่าเมื่อสักครู่เพิ่งปั่นจักรยานไปป้อมผีสิงมาเอง ก็ยิ่งเกิดอารมณ์ร่วมขึ้นไปอีก
“ถ้าเจอผีจริง ก็คงไม่เท่าไหร่หรอก ไอ้หนุ่ม เรื่องของเรื่องก็คือ พอพวกข้าเอาพระดีๆ แพงๆ มาอวดมาคล้องคอกัน สุดท้าย ตกดึก พวกข้าก็เลยถูกจี้เอาพระไปหมดน่ะสิ คาป้อมยามเลยละ เอ็งเอ๊ย พอยามโดนจี้เสียเอง ชาวหมู่บ้านก็เลยเห็นใจ สร้างป้อมใหม่ให้อยู่ใกล้ตัวหมู่บ้าน
แล้วก็จ้างยามกะดึกเพิ่มเป็นสองคนเนี่ยแหละ”
ยามเฒ่าเล่าอย่างออกรส แต่ยามหนุ่มกลับรู้สึกหมดอารมณ์ไปเสียอย่างนั้นกับคำตอบที่ได้ยิน
“พูดแล้วยังนึกกลัวไม่หายเลย ยามแก่ๆ อย่างพวกข้า อาวุธอะไรก็ไม่มี จะเอาอะไรไปสู้กับพวกโจรพวกขโมยกันล่ะ เอ็งว่าจริงไหม”
/// จบ ///
**************************************** ถุงมือ ร.ป.ภ. ****************************************
รายชื่อให้เลือกตอบ
ฝ่ายชาย
1. B-thirteen
2. Christian TG.
3. GTW
4. kasareev
5. KTHc
6. Luckard
7. Mystery and Crime
8. ruennara
9. Soul Master
10. สมาชิกหมายเลข 5212378 (TOSHARE)
11. WANG JIE (พฤษภเสารี)
12. จอมยุทธนักสืบ
13. ชายขอบคันนายาว
14. ลุงแผน
15. ลูนาติก
16. สมาชิกหมายเลข 3188982 (วนิล)
17. ส.สัตยา
18. สวนดอก
ฝ่ายหญิง
1. Lady Star 919
2. สมาชิกหมายเลข 2326325 (ladylongleg)
3. peiNing
4. Susisiri
5. เกสรผกา
6. นลินมณี
7. รัชต์สารินท์
8. สมาชิกหมายเลข 5221626 (ลิงน้อย)
*** จะประกาศวันเฉลย หลังจากวางภาพปริศนาเรียบร้อยแล้ว ครับผม ***
😎☕️👦🏻THE LEISURE GLOVES ถุงมือยามว่าง : เรื่องสั้น-ฉายเดี่ยว #5 ตอน "ยามว่าง" โดย "ถุงมือ ร.ป.ภ."👦🏻☕️😎
เรื่องนี้เกี่ยวกับพนักงานรักษาความปลอดภัย หรือ ร.ป.ภ. โดยย่อ ซึ่งโดยมากเรามักเรียกขานกันว่า "ยาม"
และเรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณยามที่ "มีเวลาว่าง"
มันก็เลยกลายเป็นชื่อ "ยามว่าง" ซึ่งอมความไว้ทั้งสองความหมาย
มาอ่านกันดูว่าจะเป็นอย่างไรครับ ^^
“เป็นไงมั่ง เรียบร้อยดีไหม” คนที่นั่งอยู่ข้างในเป็นฝ่ายร้องทักก่อน
“เรียบร้อยดีครับลุง เงียบสงัดอย่างกับหมู่บ้านร้างเลย” ยามรุ่นน้องตอบกลับไป
“ตีสองแบบนี้แล้ว ก็ต้องเงียบสิวะ ไม่อย่างนั้นก็ผิดปกติเต็มที แล้วจะพลอยมาเดือดร้อนพวกเราไปด้วย” ยามรุ่นอาวุโสกล่าว นึกขบขันจนหัวเราะออกมา
“นั่นสินะครับ” หนุ่มรุ่นน้องหัวเราะตามไปด้วย เดินเข้าไปนั่งในป้อม
ชายสูงวัยหยิบกระติกพลาสติกขนาดย่อมประจำตัวขึ้นมา เปิดฝายื่นส่งให้ “เอ้า จิบเสียหน่อย ดึกๆ อย่างนี้มันก็ต้องโอเลี้ยง จะได้ตาค้าง อยู่ยาวๆ ยันสว่าง”
ยามใหม่รับกระติกไว้ มองดูน้ำสีดำๆ ข้างใน ก่อนจะใช้หลอดดูดอึกหนึ่ง รสขมของมันทำเอาถึงกับหน้าเหยเกไป แต่ก็พอช่วยให้ประสาทตื่นตัว กระชุ่มกระชวยขึ้นมาได้บ้างจากความเย็นชื่นใจของมัน
“ขอบคุณครับลุง” เรียบร้อยก็ส่งคืนเจ้าของ
“ยามใหม่สินะเรา” ผู้อาวุโสถาม ดูดโอเลี้ยงบ้าง ทำหน้าตาท่าทางซาบซ่าคล้ายได้ดื่มเหล้าขาวทีเดียว
“ครับ” ผู้ถูกถามตอบสั้นๆ
“เออ ดีๆ มาช่วยกัน เอ็งรู้หรือเปล่า ความปลอดภัยของคนในหมู่บ้านตั้งหลายร้อยคน ขึ้นอยู่กับพวกเราเชียวนะ” พูดพลางยืดอกอย่างภูมิใจ
“ยอดเลยครับลุง เพราะลุงต้องการรักษาความปลอดภัยให้กับทุกคน เลยตัดสินใจมาเป็นยามใช่ไหมครับ” รุ่นน้องฟังแล้วก็รู้สึกเห็นดีเห็นงาม
ฮึกเหิมจนหัวใจพองโตตามไปด้วย นึกในใจว่าช่างโชคดีที่ได้มาทำงานกับคนมีอุดมการณ์
“ไม่ใช่อย่างนั้น ไอ้นั่นมันก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่ข้ามาเป็นยาม เพราะเห็นว่าอาชีพยามน่ะ เป็นอาชีพที่สบาย จะทำอะไร กินอะไรก็ได้ เอ็งเคยเห็นอาชีพอื่นทำได้แบบนี้ไหมล่ะ”
นึกๆ ตามก็ส่ายหน้า เพราะไม่เห็นว่าจะมีอาชีพไหนนั่งเฉยๆ หรือกินอะไรในเวลางานได้จริงๆ เสียด้วย
ผู้อาวุโสมองท่าทางของรุ่นน้องแล้วก็ยิ้ม
“ใช่ไหมล่ะ เวลาว่างออกจะมากมาย โดยเฉพาะกะดึกด้วยนะ โอ๊ย ยิ่งสบายเข้าไปใหญ่ จะเอาอะไรมานั่งทำเป็นอาชีพเสริม หารายได้ไปอีกทางยังได้เลย เรียกว่าได้เงินสองต่อ ช่วยค่าครองชีพไปได้เยอะเลยละ” ยามเฒ่าสาธยายโดยใช้ประสบการณ์ในอาชีพที่ผ่านมายาวนาน
“ลุงๆ ลุงช่วยแนะนำอาชีพเสริมให้ผมหน่อยสิครับ ตอนว่างๆ ลุงเอาอะไรมาทำครับ ผมอยากมีรายได้มากๆ เหมือนกัน จะได้เอาเงินไปซื้อโทรศัพท์แพงๆ
หรือไม่ก็ทีวีเครื่องใหญ่ๆ กับเขามาใช้มั่ง”
“ฮ่าๆๆ ข้าไม่เอาอะไรมาทำทั้งนั้นแหละ ถ้าเอาอะไรมาทำมันก็ไม่ว่างสิวะ เสียดายเวลาว่างตายเลย อยู่เฉยๆ ให้สมกับเป็นเวลาว่างนี่ละ ดีที่สุด”
ระหว่างคุยกันสัพเพเหระ ยามหนุ่มก็เหลือบไปเห็นวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเก่าที่ตั้งอยู่มุมป้อม สังเกตดูดีๆ แล้ว เห็นว่าวิทยุเครื่องนั้นกำลังเปิดอยู่
แต่กลับไม่มีเสียงอะไรเล็ดรอดออกมาให้ได้ยินสักนิด
“ลุงเปิดวิทยุอยู่หรือครับ” สงสัยจึงถามออกไป
“เออ เปิดอยู่” ลุงยามตอบ
“แล้วทำไมถึงไม่มีเสียงเลยล่ะครับ วิทยุเสียหรือเปล่า เดี๋ยวออกกะตอนเช้าผมเอาไปให้ช่างซ่อมดูให้ไหม” ยามหนุ่มอาสาด้วยความหวังดี อย่างน้อยมืดดึกดื่นแบบนี้ มีวิทยุอยู่เป็นเพื่อนก็ช่วยคลายเหงาไปได้มาก
“มันไม่ได้เสีย แต่ข้าปิดเสียงเอาไว้” พูดพลางโบกมือปฏิเสธ
“อ้าว แล้วลุงปิดเสียงทำไมครับ” ถามด้วยความสงสัย
“ก็ข้าฟังเพลงเบื่อแล้ว อยากฟังอะไรเงียบๆ บ้าง ก็เลยปิดเสียงสิวะ” ลุงยามอธิบาย
“อ้าว แล้วทำไมลุงไม่ปิดวิทยุไปเลยล่ะครับ” ยามใหม่เสนอ
“อุวะ ไอ้นี่ พูดแปลกๆ ก็ถ้าปิดวิทยุ ข้าก็ไม่ได้ฟังวิทยุสิโว้ย แล้วข้าจะเอาวิทยุมาทำไม จริงไหมล่ะ ข้าอยากฟังวิทยุ แต่อยากฟังเงียบๆ โว้ย เข้าใจไหม” อธิบายเสียงดัง พร้อมตบเข่าฉาดใหญ่
“จ้ะ เข้าใจจ้ะ” ยิ้มหน้าเจื่อน เข้าใจทั้งที่ยังงงๆ
อีกครู่หนึ่ง ยามหนุ่มก็อาสาขี่จักรยานไปตรวจตราอีกรอบ แต่คราวนี้ปั่นไปด้านหน้าหมู่บ้านบ้าง เพราะรอบที่แล้วตรวจตราในหมู่บ้านไปแล้ว ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงป้อม
“เป็นไงมั่ง” ลุงยามนั่งอยู่ที่เดิม หลังพิงผนังป้อม หลับตาคล้ายกำลังอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มเต็มที
“เรียบร้อยดีครับลุง” พูดพลางเดินกลับมานั่ง “เออ ลุง ผมถามอะไรหน่อยสิครับ”
“ถามอะไรก็ถามได้เลย ข้ารู้หมดนั่นละ” ปากพูด แต่ตายังหลับอยู่
“ผมเห็นที่ด้านหน้าหมู่บ้าน มีป้อมยามอีกป้อมหนึ่ง แต่เหมือนป้อมร้างนะ มันมีไว้ทำไมหรือครับ”
ป้อมที่ยามหนุ่มพูดถึง คือป้อมขนาดเท่าๆ กันกับป้อมยามหลังนี้ แต่ปลูกไว้อยู่ปากทางถนนเข้าตัวหมู่บ้านซึ่งห่างจากจุดนี้ไปเกินห้าร้อยเมตร เป็นป้อมตั้งโดดเดี่ยว ท่ามกลางสภาพรกร้างรอบๆ หมู่บ้าน ไม่มีแสงไฟ ไม่มีใครใช้ ทรุดโทรมและน่ากลัวยามเมื่อต้องผ่านในเวลานี้
“อ๋อ” ร้องออกมาอย่างคนรู้เรื่องราวดี “นั่นเป็นป้อมยามเก่าน่ะ เมื่อก่อนลุงกับพวกก็ทำงานกันที่ป้อมนั้นนั่นละ”
“แล้วยังไงครับ”
“ก็หมู่บ้านนี้น่ะ มันไม่ค่อยมีคนผ่านไปมาสักเท่าไหร่ รอบหมู่บ้านก็มีแต่ป่าหญ้าน่าวังเวง กลางดึก นอกจากแสงไฟตรงป้อมนั้นแล้ว รอบๆ ก็มืดไปหมด” แกลืมตาขึ้นมา นั่งตัวตรง
“ยามอย่างพวกเราก็กลัวผีเป็น จริงไหม ตอนนั้นต่างคนก็ต่างหาเครื่องรางของขลังมาห้อยคอติดตัวไว้ให้อุ่นใจกันเป็นแถว พระที่ไหนดัง พระของใครว่าดีๆ
ก็หามาคล้องคอกัน นานวันเข้าก็กลายเป็นเอาพระแพงๆ มาอวดกันเสียอย่างนั้น”
“แล้วลุงเจอผีไหมครับ” ยามหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนึกว่าเมื่อสักครู่เพิ่งปั่นจักรยานไปป้อมผีสิงมาเอง ก็ยิ่งเกิดอารมณ์ร่วมขึ้นไปอีก
“ถ้าเจอผีจริง ก็คงไม่เท่าไหร่หรอก ไอ้หนุ่ม เรื่องของเรื่องก็คือ พอพวกข้าเอาพระดีๆ แพงๆ มาอวดมาคล้องคอกัน สุดท้าย ตกดึก พวกข้าก็เลยถูกจี้เอาพระไปหมดน่ะสิ คาป้อมยามเลยละ เอ็งเอ๊ย พอยามโดนจี้เสียเอง ชาวหมู่บ้านก็เลยเห็นใจ สร้างป้อมใหม่ให้อยู่ใกล้ตัวหมู่บ้าน
แล้วก็จ้างยามกะดึกเพิ่มเป็นสองคนเนี่ยแหละ”
ยามเฒ่าเล่าอย่างออกรส แต่ยามหนุ่มกลับรู้สึกหมดอารมณ์ไปเสียอย่างนั้นกับคำตอบที่ได้ยิน
“พูดแล้วยังนึกกลัวไม่หายเลย ยามแก่ๆ อย่างพวกข้า อาวุธอะไรก็ไม่มี จะเอาอะไรไปสู้กับพวกโจรพวกขโมยกันล่ะ เอ็งว่าจริงไหม”
11. WANG JIE (พฤษภเสารี)
12. จอมยุทธนักสืบ
13. ชายขอบคันนายาว
14. ลุงแผน
15. ลูนาติก
16. สมาชิกหมายเลข 3188982 (วนิล)
3. peiNing
4. Susisiri
5. เกสรผกา
6. นลินมณี
7. รัชต์สารินท์
8. สมาชิกหมายเลข 5221626 (ลิงน้อย)