ความเข้าใจการประทับทรง
การประทับร่างทรงแบบเต็มร้อยไม่มี การประทับทรงไม่มีทางเลย ๓๐% ถ้าเลย ๓๐% ร่างแหลกแล้ว ทนกำลังไม่ได้ เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าเลยกำลังไฟฟ้า (Electric Power) ความต่างศักย์ แรงดันไฟฟ้า ๒๒๐ โวลต์ (V) เครื่องใช้ไฟฟ้านั่นก็จะพัง เราต้องทำความเข้าใจตรงนี้
วิธีการประทับทรงทำอย่างไร การประทับทรงก็เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ถ้าเขาเปิดเครือข่ายส่งสัญญาณ (signal) มาที่เครื่องของเรา เครื่องของเราก็จะปรากฏ เหมือนกับการประทับทรงก็คือ เวลานี้ถ้าเราปล่อยสัญญาณของเราไปยังอีกเครื่องหนึ่งเขาก็จะได้รับข้อมูลของเราเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นความคิดความอ่าน การประทับทรงก็เป็นเช่นนี้แหละ
แล้วทำไมเสียงผู้หญิงเป็นเสียงผู้ชาย จากเสียงผู้ชายกลายเป็นเสียงผู้หญิงได้นี้เกิดขึ้นได้ยังไง?
อันนี้เป็นเรื่องเปลือกรูปธรรมข้างนอก ไม่ใช่อะไรหนักหนา
เวลาประทับทรงไม่มีการหมดสติ หมดสติไม่ได้
แล้วทำไมคล้ายๆ ว่าเป็นอีกคนหนึ่ง? อันนี้ไม่กลายเป็นอีกคนหนึ่ง เพียงแต่ว่ามาสอดแทรก
คนประทับทรงข้างในจะรู้ตัวหมด
ถ้าร่างทรงพูดจีนไม่ได้ แต่ถ้าประทับทรงแล้วพูดภาษาจีนได้อย่างนี้หมายความว่าอย่างไร?
ก็เหมือนกับการเปิดข้อมูลในกูลเกิ้ลเราก็อ่านข้อมูลในกูลเกิ้ลได้ พูดได้ ก็คล้ายๆ อ่านเป็นภาษาคาราโอเกะ
มีองค์ประกอบประทับทรงเช่นใดบ้าง
๑. ตัวของเราสัปปายะไหม? ก็เปรียบเสมือนตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) ดีหรือเปล่าหรือว่าเครื่องมีปัญหา หรือโดนไวรัส (computer virus) เช่น เวลานั้นเราป่วย ไม่สบายจะได้ไหม? เวลานั้นเราหิวข้าวจัดก็ไม่ได้ นี่แหละร่างกายต้องสัปปายะ
๒. สิ่งแวดล้อมต้องสัปปายะ เวลาต้องพร้อม เรียกว่า สัปปายะ เราสัปปายะพร้อมจึงเชื่อมต่อไปยังสถานีของเขาสัปปายะ ถึงจะผ่านมาได้
ทีนี้การผ่านก็ต้องมีระยะการผ่าน เช่น ถ้าสถานที่แห่งนั้นอับสัญญาณ (ค่าสัญญาณคือ dBm ย่อมาจาก decibel milliwatts สัญญาณราบรื่นนั้นอยู่ที่ประมาณ -๗๐ dBm หากมากกว่าก็ยิ่งดี แต่ถ้าหากต่ำกว่าแสดงว่าพื้นที่บริเวณนั้นสัญญาณอ่อน และถ้าต่ำกว่า -๑๐๐ dBm แสดงว่าพื้นที่บริเวณนั้นไม่มีสัญญาณ (Dead Zone)) ก็ไม่ได้
ถ้าการประทับทรงการอับสัญญาณ คืออะไร?
อะไรที่จะทำให้อับสัญญาณ?
คือสถานที่แห่งนั้นเป็นอโคจร สมมติว่าที่ตรงนั้นเราจะต้องจุดธูปถึงจะเหมาะสม แต่ถ้าเราไปสถานที่อาบ อบ นวด ประทับทรงยังไงก็ไม่ขึ้น
ถ้าเปรียบเทียบด้วยคอมพิวเตอร์กับระบบจิตของเราจะเข้าใจง่ายมากขึ้น เพราะว่าคอมพิวเตอร์ถอดหรือเลียนแบบมาจากมนุษย์
แม้ว่าเครื่องเราดี เครื่องทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดี แต่ถ้าอับสัญญาณเราก็รับไม่ได้
ทั้งหมดก็มี ๓ ตอน คือ
๑) ตัวเรา
๒) ตรงกลางสิ่งที่สื่อสาร
๓) ตัวส่ง คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ยกตัวอย่าง วันนี้แม่ข่ายปิดสัญญาณ (No signal) แล้วเราจะสื่อได้ไหม? ก็ไม่ได้ เช่น เขาปิดซ่อมเสาสัญญาณ เครื่องโทรทัศน์เราดียังไงก็รับไม่ได้ หรือแม้ว่าเขาส่งสัญญาณมาดี เครื่องโทรทัศน์ของเราดี แต่ถ้าถูกโจมตีเคลื่อนอันนี้เราก็รับไม่ได้ เช่น เวลาเกิดแผ่นดินไหว ก็รับไม่ได้ เพราะเครื่องข้างในมันสั่นไหวข้างในปั่นป่วนก็รับไม่ได้
ถ้าเปรียบเสมือนการโจมตีคลื่นก็อย่างเช่น เจ้ากรรมนายเวร หรือสถานที่แห่งนั้นเขาหวงเอาไว้ ฯลฯ เช่น สถานที่แห่งนี้เป็นของการทหาร เขาก็เปิดคลื่นโจมตี เราก็ไม่มีทางรับสัญญาณได้เลย เพราะเขาโจมตีหมด
แต่ถ้าเรามีเครื่องสอดแนมจะได้ไหม? ก็ย่อมได้ แต่ว่าเครื่องของเราต้องเหนือกว่า เราจะแฮกเขาเราต้องมีปัญญาเหนือกว่าเขาเราถึงจะแฮก (hack) เขาได้ เช่น กระทรวงกลาโหมเขาก็ยังแฮก (hack) เข้าไปได้ เพราะว่าเขาเหนือกว่า
วิธีแก้ถ้าไม่อยากให้เขาจับขโมยสัญญาณ (signal) ของเราได้ เขาส่งคลื่นข้างบน เราก็ส่งสัญญาณ (signal) ไปทางใต้น้ำหรือทางภาคพื้น อย่างนี้ก็ไม่โดนแฮก (hack) แล้ว
๓. ต้นตอของแม่ข่ายส่งสัญญาณ ต้องสัปปายะ เช่น วันนี้แม่ข่ายส่งสัญญาณติดประชุม แล้วเราจะเชื่อมต่อติดได้อย่างไร?
มีเหรอองค์เทพไม่ว่าง?
องค์เทพจะไม่ว่างที่สุดเลย เช่น พ่อเวสสุวรรณ ท่านจะไม่ว่าง องค์ที่มาติดต่อเมืองมนุษย์นั่นก็คือลูกน้อง บริวารของท่านทั้งนั้น องค์พ่อเวสสุวรรณต้องไปเฝ้าองค์พ่อพรหม คอยรับคำสั่งจากพ่อพรหม พ่อเวสสุวรรณสื่อใหญ่ต้องไปอยู่กับพ่อพรหม ต้องคอยรับคำสั่ง แล้วที่มาสื่อกับมนุษย์นั้นเป็นบริวารทั้งนั้น
แล้วมีเหตุการณ์อะไรไหม ที่องค์พ่อเวสสุวรรณท่านจะเสด็จมาเอง?
มีได้ถ้ามีการบวงสรวงใหญ่ เช่น การงานจัดไหว้ครู ๔ ธันวาคม องค์เทพต่างๆ ต้องมาหมด เพราะอะไร ก็เพราะว่าพ่อพรหมเสด็จ ก็เหมือนกับในหลวงเสด็จ รัฐมนตรี ข้าราชการจะต้องมาไหม?
บางคนบอกว่าพ่อศิวะมา บางคนเห็นเป็นร่างเลย เป็นลูกน้องของพ่อศิวะทั้งนั้น ลูกน้องยังไม่ว่า ยังปรากฏจิตให้เห็นเป็นภาพให้เห็น เป็นการลวงอยู่ เป็นภาพมายา สามมิติ แต่ถ้ามาแบบไม่ลวงก็ต้องมีองค์ตัวแทนมา ไม่มีแบบให้เห็นอะไรเป็นสื่อ แต่เป็นพลังอะไรต่างๆ มา
บางคนไม่รู้เรื่อง โม้ไปเรื่อย
คำว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าง หมายความว่า ท่านต้องมีคำสั่งให้ลูกน้องไปดูที่ตรงนั้น ตรงนี้ แล้วจังหวะที่ลูกน้องท่านไม่ว่างก็มีเช่นเดียวกัน อย่างเช่น เขาอัญเชิญไปนั่นนี่ ท่านก็ต้องให้ลูกน้องลดหลั่นกันไป
สมมติว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องมีส่วนสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เช่น กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) หรือส่วนป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เช่นกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ตำรวจภูธร ภาค ๑ (ภ.๑-๙) เป็นต้น ก็จะมีการลดลงไปเรื่อยๆ ไม่ต่างอะไรกับรูปธรรมข้างนอก
แล้วจะมีไหม ถ้าเขาประทับทรงแล้วพูดอะไรกัน แล้วเราก็สอดแนมรู้ว่าเขาพูดคุยอะไรกัน อย่างนี้รู้หมด ในธรรมมีบันทึกหมด อย่างนี้ไม่ถือว่าแฮก (hack) ถือว่าเป็นหน้าที่ธรรม ทุกสิ่งทุกอย่างหนีออกจากธรรมไม่ได้ ฉะนั้น ธรรมก็ย่อมมีคอมพิวเตอร์ใหญ่เพื่อสำหรับกักเก็บข้อมูล (Data) ทั้งหมด นี่แหละ เราหลอกใครก็หลอกได้แต่หลอกธรรมไม่ได้ แม้ว่าเราทรงแล้วเราคิดอะไร ธรรมก็ยังบันทึกไว้หมด เราไม่มีทางหนีความจริงจากธรรม เราไม่รู้แต่ธรรมรู้ ถ้าเรารู้เราต้องมีสิทธิ์คีย์ (Key)เข้าไปในธรรม แต่ถ้าแฮก ก็คือว่าผิดกฎหมายเหมือนกัน
ถ้าเราอยากจะแฮก อยากจะรู้ เราต้องมีสิทธิ์เหนือกว่า สมมติว่า เขามีสิทธิ์ เช่น เป็นกระทรวง สามารถดักฟังโทรศัพท์ได้เลย ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าเราไปทำเอง ผิดกฎหมาย เขาจับได้ แต่ถ้าหน่วยงานของกระทรวงทำไม่ผิดกฎหมาย อย่างเช่น ซีไอเอ สำนักข่าวกรองกลาง (Central Intelligence Agency : CIA) เขาดักฟังได้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าเราแอบไปฟังโดยพลการ CIAเขาจะจับเรา นี่แหละแต่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญคุ้ครองหน่วยงานCIA
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
ความเข้าใจการประทับทรง
การประทับร่างทรงแบบเต็มร้อยไม่มี การประทับทรงไม่มีทางเลย ๓๐% ถ้าเลย ๓๐% ร่างแหลกแล้ว ทนกำลังไม่ได้ เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าเลยกำลังไฟฟ้า (Electric Power) ความต่างศักย์ แรงดันไฟฟ้า ๒๒๐ โวลต์ (V) เครื่องใช้ไฟฟ้านั่นก็จะพัง เราต้องทำความเข้าใจตรงนี้
วิธีการประทับทรงทำอย่างไร การประทับทรงก็เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ถ้าเขาเปิดเครือข่ายส่งสัญญาณ (signal) มาที่เครื่องของเรา เครื่องของเราก็จะปรากฏ เหมือนกับการประทับทรงก็คือ เวลานี้ถ้าเราปล่อยสัญญาณของเราไปยังอีกเครื่องหนึ่งเขาก็จะได้รับข้อมูลของเราเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นความคิดความอ่าน การประทับทรงก็เป็นเช่นนี้แหละ
แล้วทำไมเสียงผู้หญิงเป็นเสียงผู้ชาย จากเสียงผู้ชายกลายเป็นเสียงผู้หญิงได้นี้เกิดขึ้นได้ยังไง?
อันนี้เป็นเรื่องเปลือกรูปธรรมข้างนอก ไม่ใช่อะไรหนักหนา
เวลาประทับทรงไม่มีการหมดสติ หมดสติไม่ได้
แล้วทำไมคล้ายๆ ว่าเป็นอีกคนหนึ่ง? อันนี้ไม่กลายเป็นอีกคนหนึ่ง เพียงแต่ว่ามาสอดแทรก
คนประทับทรงข้างในจะรู้ตัวหมด
ถ้าร่างทรงพูดจีนไม่ได้ แต่ถ้าประทับทรงแล้วพูดภาษาจีนได้อย่างนี้หมายความว่าอย่างไร?
ก็เหมือนกับการเปิดข้อมูลในกูลเกิ้ลเราก็อ่านข้อมูลในกูลเกิ้ลได้ พูดได้ ก็คล้ายๆ อ่านเป็นภาษาคาราโอเกะ
มีองค์ประกอบประทับทรงเช่นใดบ้าง
๑. ตัวของเราสัปปายะไหม? ก็เปรียบเสมือนตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) ดีหรือเปล่าหรือว่าเครื่องมีปัญหา หรือโดนไวรัส (computer virus) เช่น เวลานั้นเราป่วย ไม่สบายจะได้ไหม? เวลานั้นเราหิวข้าวจัดก็ไม่ได้ นี่แหละร่างกายต้องสัปปายะ
๒. สิ่งแวดล้อมต้องสัปปายะ เวลาต้องพร้อม เรียกว่า สัปปายะ เราสัปปายะพร้อมจึงเชื่อมต่อไปยังสถานีของเขาสัปปายะ ถึงจะผ่านมาได้
ทีนี้การผ่านก็ต้องมีระยะการผ่าน เช่น ถ้าสถานที่แห่งนั้นอับสัญญาณ (ค่าสัญญาณคือ dBm ย่อมาจาก decibel milliwatts สัญญาณราบรื่นนั้นอยู่ที่ประมาณ -๗๐ dBm หากมากกว่าก็ยิ่งดี แต่ถ้าหากต่ำกว่าแสดงว่าพื้นที่บริเวณนั้นสัญญาณอ่อน และถ้าต่ำกว่า -๑๐๐ dBm แสดงว่าพื้นที่บริเวณนั้นไม่มีสัญญาณ (Dead Zone)) ก็ไม่ได้
ถ้าการประทับทรงการอับสัญญาณ คืออะไร?
อะไรที่จะทำให้อับสัญญาณ?
คือสถานที่แห่งนั้นเป็นอโคจร สมมติว่าที่ตรงนั้นเราจะต้องจุดธูปถึงจะเหมาะสม แต่ถ้าเราไปสถานที่อาบ อบ นวด ประทับทรงยังไงก็ไม่ขึ้น
ถ้าเปรียบเทียบด้วยคอมพิวเตอร์กับระบบจิตของเราจะเข้าใจง่ายมากขึ้น เพราะว่าคอมพิวเตอร์ถอดหรือเลียนแบบมาจากมนุษย์
แม้ว่าเครื่องเราดี เครื่องทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดี แต่ถ้าอับสัญญาณเราก็รับไม่ได้
ทั้งหมดก็มี ๓ ตอน คือ
๑) ตัวเรา
๒) ตรงกลางสิ่งที่สื่อสาร
๓) ตัวส่ง คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ยกตัวอย่าง วันนี้แม่ข่ายปิดสัญญาณ (No signal) แล้วเราจะสื่อได้ไหม? ก็ไม่ได้ เช่น เขาปิดซ่อมเสาสัญญาณ เครื่องโทรทัศน์เราดียังไงก็รับไม่ได้ หรือแม้ว่าเขาส่งสัญญาณมาดี เครื่องโทรทัศน์ของเราดี แต่ถ้าถูกโจมตีเคลื่อนอันนี้เราก็รับไม่ได้ เช่น เวลาเกิดแผ่นดินไหว ก็รับไม่ได้ เพราะเครื่องข้างในมันสั่นไหวข้างในปั่นป่วนก็รับไม่ได้
ถ้าเปรียบเสมือนการโจมตีคลื่นก็อย่างเช่น เจ้ากรรมนายเวร หรือสถานที่แห่งนั้นเขาหวงเอาไว้ ฯลฯ เช่น สถานที่แห่งนี้เป็นของการทหาร เขาก็เปิดคลื่นโจมตี เราก็ไม่มีทางรับสัญญาณได้เลย เพราะเขาโจมตีหมด
แต่ถ้าเรามีเครื่องสอดแนมจะได้ไหม? ก็ย่อมได้ แต่ว่าเครื่องของเราต้องเหนือกว่า เราจะแฮกเขาเราต้องมีปัญญาเหนือกว่าเขาเราถึงจะแฮก (hack) เขาได้ เช่น กระทรวงกลาโหมเขาก็ยังแฮก (hack) เข้าไปได้ เพราะว่าเขาเหนือกว่า
วิธีแก้ถ้าไม่อยากให้เขาจับขโมยสัญญาณ (signal) ของเราได้ เขาส่งคลื่นข้างบน เราก็ส่งสัญญาณ (signal) ไปทางใต้น้ำหรือทางภาคพื้น อย่างนี้ก็ไม่โดนแฮก (hack) แล้ว
๓. ต้นตอของแม่ข่ายส่งสัญญาณ ต้องสัปปายะ เช่น วันนี้แม่ข่ายส่งสัญญาณติดประชุม แล้วเราจะเชื่อมต่อติดได้อย่างไร?
มีเหรอองค์เทพไม่ว่าง?
องค์เทพจะไม่ว่างที่สุดเลย เช่น พ่อเวสสุวรรณ ท่านจะไม่ว่าง องค์ที่มาติดต่อเมืองมนุษย์นั่นก็คือลูกน้อง บริวารของท่านทั้งนั้น องค์พ่อเวสสุวรรณต้องไปเฝ้าองค์พ่อพรหม คอยรับคำสั่งจากพ่อพรหม พ่อเวสสุวรรณสื่อใหญ่ต้องไปอยู่กับพ่อพรหม ต้องคอยรับคำสั่ง แล้วที่มาสื่อกับมนุษย์นั้นเป็นบริวารทั้งนั้น
แล้วมีเหตุการณ์อะไรไหม ที่องค์พ่อเวสสุวรรณท่านจะเสด็จมาเอง?
มีได้ถ้ามีการบวงสรวงใหญ่ เช่น การงานจัดไหว้ครู ๔ ธันวาคม องค์เทพต่างๆ ต้องมาหมด เพราะอะไร ก็เพราะว่าพ่อพรหมเสด็จ ก็เหมือนกับในหลวงเสด็จ รัฐมนตรี ข้าราชการจะต้องมาไหม?
บางคนบอกว่าพ่อศิวะมา บางคนเห็นเป็นร่างเลย เป็นลูกน้องของพ่อศิวะทั้งนั้น ลูกน้องยังไม่ว่า ยังปรากฏจิตให้เห็นเป็นภาพให้เห็น เป็นการลวงอยู่ เป็นภาพมายา สามมิติ แต่ถ้ามาแบบไม่ลวงก็ต้องมีองค์ตัวแทนมา ไม่มีแบบให้เห็นอะไรเป็นสื่อ แต่เป็นพลังอะไรต่างๆ มา
บางคนไม่รู้เรื่อง โม้ไปเรื่อย
คำว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าง หมายความว่า ท่านต้องมีคำสั่งให้ลูกน้องไปดูที่ตรงนั้น ตรงนี้ แล้วจังหวะที่ลูกน้องท่านไม่ว่างก็มีเช่นเดียวกัน อย่างเช่น เขาอัญเชิญไปนั่นนี่ ท่านก็ต้องให้ลูกน้องลดหลั่นกันไป
สมมติว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องมีส่วนสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เช่น กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) หรือส่วนป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เช่นกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ตำรวจภูธร ภาค ๑ (ภ.๑-๙) เป็นต้น ก็จะมีการลดลงไปเรื่อยๆ ไม่ต่างอะไรกับรูปธรรมข้างนอก
แล้วจะมีไหม ถ้าเขาประทับทรงแล้วพูดอะไรกัน แล้วเราก็สอดแนมรู้ว่าเขาพูดคุยอะไรกัน อย่างนี้รู้หมด ในธรรมมีบันทึกหมด อย่างนี้ไม่ถือว่าแฮก (hack) ถือว่าเป็นหน้าที่ธรรม ทุกสิ่งทุกอย่างหนีออกจากธรรมไม่ได้ ฉะนั้น ธรรมก็ย่อมมีคอมพิวเตอร์ใหญ่เพื่อสำหรับกักเก็บข้อมูล (Data) ทั้งหมด นี่แหละ เราหลอกใครก็หลอกได้แต่หลอกธรรมไม่ได้ แม้ว่าเราทรงแล้วเราคิดอะไร ธรรมก็ยังบันทึกไว้หมด เราไม่มีทางหนีความจริงจากธรรม เราไม่รู้แต่ธรรมรู้ ถ้าเรารู้เราต้องมีสิทธิ์คีย์ (Key)เข้าไปในธรรม แต่ถ้าแฮก ก็คือว่าผิดกฎหมายเหมือนกัน
ถ้าเราอยากจะแฮก อยากจะรู้ เราต้องมีสิทธิ์เหนือกว่า สมมติว่า เขามีสิทธิ์ เช่น เป็นกระทรวง สามารถดักฟังโทรศัพท์ได้เลย ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าเราไปทำเอง ผิดกฎหมาย เขาจับได้ แต่ถ้าหน่วยงานของกระทรวงทำไม่ผิดกฎหมาย อย่างเช่น ซีไอเอ สำนักข่าวกรองกลาง (Central Intelligence Agency : CIA) เขาดักฟังได้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าเราแอบไปฟังโดยพลการ CIAเขาจะจับเรา นี่แหละแต่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญคุ้ครองหน่วยงานCIA
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต