เป็นเรื่องที่ดูก่อน แต่ดันมารีวิวทีหลังเนี่ยนะ55555 จริง ๆ กะจะรีวิวเรื่องนี้ก่อน แต่ดันไปจมอยู่กับหนังเรื่องนึง (ไม่บอกนะว่าเรื่องอะไร หาอ่านดู555)
ส่วนตัว ผมไม่รู้นะว่าผมเป็นเเฟนคลับของทอย สตอรี่มั้ย แต่ผมจำตอนที่ได้ดูผ่านวีซีดี ของซีวีดีอินเตอร์เน็ตชั่นแนลได้อยู่นะ ภาคแรก ภาคที่ภาพยัง
ดูประหลาด ๆ แต่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก แล้วก็ได้ดูภาคสอง จนภาคที่จบอย่างสมบูรณ์แบบอย่าง ภาค 3 พิกซาร์นับวันฝีมือพัฒนามากขึ้นจนน่ากลัว
พอ ๆ กับหนังแต่ละเรื่องที่อ่านมา ล้วนมีอะไรแฝงให้ขบคิด มากกว่าหนังการ์ตูนเด็กทั่วไป บางครั้งมันก็ทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราสะอึกได้เหมือนกัน พอรู้ว่า
จะมีภาค 4 ก็ยี้เล็กน้อย ตัวอย่างก็ไม่ได้ดึงดูดอะไรเท่าไหร่ เลยไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดี แต่ก็ดูมาสามภาคแล้ว อีกภาคจะเป็นไรไปล่ะ แล้วมันเป็นยังไง
น่ะเหรอ ก็ดูไปเรื่อย ๆ
"สองปีหลังจากลาจากเเอนดี้ เจ้าของที่รัก วู้ดดี้ หุ่นคาวบอยทำหน้าที่เป็นของเล่นใหม่ของบอนนี่ เด็กสาวผู้กำลังเข้าสู่วัยเรียน ร่วมกับผองเพื่อนของเล่นทุกชิ้นเป็นอย่างดี บอนนี่ได้สร้างของเล่นขึ้นใหม่ชื่อว่า "ฟอร์คกี้" ส้อมหน้าตาเห่ยขึ้นมา วู้ดดี้ผู้มีเป้าหมายที่จะทำให้เจ้าของมีความสุขจึงต้องใช้แรงทุกอย่างที่มีดูแลเจ้าฟอร์คกี้ไม่ให้เป็นอันตราย แต่เรื่องยุ่งมันเเก้ยาก เมื่อการเดินทางโร้ดทริปครั้งนี้ กำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นการเดินทางที่จะทำให้วู้ดดี้ต้องจดจำไปตลอดกาล"
หนังเล่าเรื่องเหมือนภาพยนตร์มากกว่าที่จะเป็นอนิเมชั่นอย่างภาคก่อน ๆ มีการใช้ฉากสภาพเเวดล้อมสื่ออารมณ์ร่วมกับตัวละคร ไม่ได้มีฉากเเอ็คชั่นผจญภัยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเหมือนภาคก่อน ๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือมิติของตัวละครในเชิงลึก และ สมเหตุสมผล มีมุขตลกที่ทำให้เราอมยิ้มได้เหมือนเดิม แต่ส่วนเส้นเรื่อง ต้องยอมรับว่าค่อนข้างจะบางเบากว่าภาคอื่น ๆ ที่ผ่านมา เพราะหนังให้มุมมองตัวละครต่าง ๆ ได้น้อยกว่าภาคก่อน ๆ บางตัวละครก็บทหาย อาจเพราะตัวละครเหล่านั้น ไม่ได้มีเส้นเรื่องสำคัญอีกต่อไป ทั้งสเกลของเเวดล้อมมันก็ดูธรรมดา จับต้องได้ แถมดันใส่ความเป็นหนังสยองขวัญและ ดราม่าได้อย่างพอดิบพอดี ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านดนตรีประกอบที่ช่วยส่งอารมณ์ของหนัง งานภาพที่สมจริง งานอนิเมชั่นที่ผ่านกระบวนการอย่างเอาใจใส่ ช่วยส่งเสริมให้เหล่าตัวละครมีชีวิตชีวา อีกทั้งประเด็นต่าง ๆ ที่มีในหนัง มันก็ทั้งตลกและเจ็บปวดไปพร้อม ๆ กัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้วู้ดดี้ เป็นของเล่นของบอนนี่ที่กำลังจะถูกหลงลืม เมื่อเทียบกับของเล่นชิ้นอื่น ๆ วู้ดดี้พยายามจะยอมรับความจริงว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็นกับแอนดี้ แต่เเผลในใจทั้งคำพูดของ โบ ปีป ที่บอกไว้ว่า "ของเล่นทุกชิ้นต่างก็หลงทาง" วู้ดดี้แคร์ว่าบอนนี่จะเสียใจที่ต้องไปโรงเรียนวันแรก จนบางครั้งก็ทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายเพื่อเจ้าของ ทั้งยังช่วยให้บอนนี่ได้สร้างของเล่นอย่างฟอร์คกี้ ที่ยอมรับฐานะตัวเองเป็นขยะอย่างดี ไม่ได้ทะเยอทะยานจะเป็นของเล่น แต่ก็ยังสามารถปรับตัวเองตามสภาพแวดล้อม มากกว่าวู้ดดี้ที่ตอนแรกไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ตัวเองกำลังหลงทาง ไม่ได้หลงทางจากเจ้าของหรอก แต่เป็นตัวเอง จิตสำนึกของวู้ดดี้บอกว่าอะไรดีที่สุด แต่มันก็ยากเหลือเกิน วู้ดดี้ หนุ่มคาวบอยผู้ต้องการความรักจนต้องเล่นงานของเล่นใหม่อย่างบัซในภาคแรก ตอนนี้กลายเป็นเหมือนชายวัยกลางคนที่ปลงกับชีวิต และเดินหน้าทำตัวเป็นของเล่นที่ดี เพื่อให้เจ้าของหันกลับมาสนใจ การทุ่มเทต่าง ๆ ทั้งหาทางให้ฟอร์คกี้เป็นของเล่นของบอนนี่ ทั้งกลับไปช่วยฟอร์คกี้ที่ร้านค้าของเก่าแม้กระทั่งหยิบยื่นกล่องเสียงให้กับ แกบบี้ แกบบี้ ผู้เปรียบเสมือนตัวร้ายของภาคนี้ จนในที่สุดวู้ดดี้ก็รู้แล้วว่า ตัวเองทำเพื่อคนอื่นมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่เขาต้องทำเพื่อตัวเอง กับสิ่งที่เขารัก นั่นก็คือโบ ปีป และเลือกที่จะกลายเป็นของเล่นที่ผลัดหลงจากเจ้าของ แต่ไม่ผลัดหลงจากตัวเองอีกต่อไป
โบ ปีป เธอเป็นตัวเเทนของผู้ใหญ่ที่ยอมรับความจริง และเลือกที่จะเดินหน้าใช้ชีวิตต่ออย่างเข้มเเข็ง แม้ว่าความเป็นจริงจะเคยทำร้ายเธอ แต่เธอก็เก็บมันไว้เป็นความทรงจำของตัวเอง เธอไม่เอาตัวไปผูกติดกับที่ใดที่หนึ่ง เธอมีอิสระ เธอเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่แม้จะเเขนขาด ก็ยังยิ้มได้ แต่เธอก็ยังเป็นโบ ปีปคนเดิมที่คอยสนับสนุนวู้ดดี้มาตลอด แม้ว่าตุ๊กตากิ๊กเกิ้ลที่เป็นเพื่อนเธอจะไม่เห็นด้วย แต่ไม่ว่าจะมีเรื่องไม่ลงรอยกัน สุดท้ายแล้วเธอก็เชื่อใจวู้ดดี้อยู่ดี ถ้าเป็นคู่ชีวิต ทั้งคู่ก็อยู่กันรอดแหล่ะนะ5555
ฟอร์คกี้ ตอนเห็นตัวอย่าง ผมคิดในใจเลย ตัวน่ารำคาญมาเเล้ว55555 แต่พอดูจริง ๆ ไม่ใช่เลย ฟอร์คกี้เป็นเส้นขนานของวู้ดดี้ เป็นสิ่งที่สะท้อนความจริง และความโลกสวยเวลาเดียวกัน เพราะเขาทั้งรับฟังเรื่องวู้ดดี้พูด และให้คำปรึกษา ในขณะเดียวกันก็ปลอบโยนเเกบบี้ เเกบบี้ตอนที่เห็นเธอเศร้า โดยที่ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเธอดีหรือไม่ แต่การจับมือเธอก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าฟอร์คกี้น่ายกย่องขนาดไหน แถมไม่เคยก่อปัญหาอะไรเพิ่มอีกเลย หลังจากที่เข้าใจฐานะของตัวเอง มีที่ของตัวเอง ฟอร์คกี้ก็ยังสนับสนุนทุกคนเป็นอย่างดี
แกบบี้ แกบบี้ เธอเป็นตัวแทนของคนที่ไม่สมบูรณ์แบบ และมองว่าความสมบูรณ์แบบจะทำให้เธอมีความสุข (กล่องเสียงของวู้ดดี้เพื่อจะได้พูดให้คนอยากเอาไปเลี้ยง) เธอพยายามเยียวยาตัวเองด้วยการอ่านคู่มือ ทำทุกอย่างที่คิดว่าเด็กจะสนใจ แต่ไม่เลย เธอหลงทาง เธอคิดว่าตัวเองไม่ใช่สำหรับใคร แม้จะมีบริวารเพื่อน ๆ คอยช่วยเหลือ แต่สิ่งที่เธอต้องการแท้จริง คือ การมีเจ้าของอันเป็นเกียรติในชีวิตครั้งนึงของเธอ เธออาจดูเป็นตัวร้ายที่น่ากลัว แต่เธอดูเป็นคนที่ใช้เหตุผลอย่างไม่มีอารมณ์ขุ่นเคืองอะไรเลย เมื่อเทียบกับตัวร้ายอื่น ๆ ที่ทำให้วู้ดดี้เข้าใจเธอ เพราะเธอก็หลงทางไม่ต่างกับเขา เธออาจจะมีสมุนคอยช่วย หรือเอาแต่ใจในช่วงเเรก ๆ แต่พอได้ฟังเรื่องของวู้ดดี้ เธอก็เห็นอกเห็นใจเขา และนั่นทำให้เธอ มีที่ที่อยากอยู่ในที่สุด เมื่อเธอได้พบกับเด็กที่หลงทางอย่างเธอ เเละเข้าไปอยู่ด้วยในเวลาที่เหมาะสม ทำให้เธอรู้แล้วว่า การทำอะไรสักอย่าง มันไม่มีผลตายตัว เธอแค่ต้องยอมรับมัน
ดุ๊ค คาบูม เป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ที่ยังมีไฟ และมีความฝัน ที่อยากจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ขาดแรงจูงใจ และเเรงผลักดัน คนแบบนี้มีความสามารถ แต่ถูกคำสบประมาทต่าง ๆ ทำให้เขาไม่กล้าพอที่จะทำ แต่เมื่อมีความมั่นใจ การขี่มอเตอร์ไซค์ล้ออีที ก็เป็นไปได้55555 พี่คีฟพี่เเกทุ่มจริง ๆ
ดั๊กกี้และบันนี่ สะท้อนถึงความมโน เพ้อฝันของคนตัวเล็ก ๆ ที่อยากทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ ทั้งการเล่นงานมนุษย์เพื่อเอากุญแจ ทั้งอยากกลายเป็นของเล่นมีเจ้าของ หรือยิงตาเลเซอร์ถล่มงานคาร์นิวัล แต่ก็ทำได้แค่มโน5555
ส่วนผองเพื่อนของเล่น ก็คือมิตรแท้ที่พร้อมทำทุกอย่างให้เพื่อนมีความสุข แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน
และด้วยประเด็นต่าง ๆ ที่หนังโยนใส่คนดูเป็นระยะ ๆ มันก็กลายเป็นสิ่งที่คลี่คลายในฉากในช่วงท้าย ๆ ที่ทำให้ผมเสียน้ำตาไม่หยุด คือบทพูดมันธรรมดามาก ๆ แต่มันช่างกินใจ มันทำให้เรารู้แล้วว่า แม้แต่ของเล่นยังมีที่ของเขา แล้วเราล่ะจะมีที่ให้ของเล่นเหล่านี้ให้อยู่กับเราอย่างมีความสุขได้หรือไม่
สำหรับผมแล้วภาคสี่นี้ มันเป็นบทสรุปของทอย สตอรี่จริง ๆ เพราะมันน่าจะเป็นการบอกลาเหล่าของเล่นที่สวยงามที่สุด และในขนาดเดียวกันมันก็เจ็บปวดและทำได้แค่ยอมรับว่าชีวิตมันไม่มีทางอยู่ที่เดิม มันต้องมีการก้าวไปข้างหน้า ต้องมีการเปลี่ยนวิธีคิดใหม่เพื่อให้ตัวเองสามารถอยู่บนโลกกว้างได้อย่างมีความสุข แต่ด้วยที่หนังอาจจะเรื่อย ๆ ไปในบางช่วง เลยอาจทำให้อารมณ์สะดุด หรือไม่คล้อยตามไปบ้าง แต่สุดท้ายแล้วนี่ก็ยังเป็นทอย สตอรี่ที่เราทุกคนรู้จักอยู่ดี ไม่ใช่ภาคต่อที่ออกมาทำลาย แต่เป็นภาคต่อที่สะท้อนความสวยงามของการเป็นของเล่นอันมีเกียรติผ่านแผ่นฟิลม์ตะหาก
"เพราะของเล่นล้วนหลงทาง" มันคือความจริงที่เกิดขึ้นทุก ๆ วัน ทุกครั้งที่เราไม่หันไปมองมัน
7.5/10 ดูซาวด์แทร็คก็สมบูรณ์แบบแล้ว แต่อยากไปดูเฮียสรพงษ์ กับ ลุงสันติสุขพากย์ไทยอยู่นะ
ปล. ผมว่าถ้าผู้ใหญ่ไปดูน่าจะอินเรื่องนี้มากกว่าเด็ก จนอยากกลับไปหาของเล่นเก่า ๆ กลับมาเล่นอีกครั้งเลยได้นะครับ เห็นว่าจะมีภาคเสริมว่า ฟอร์คกี้อยู่กับบอนนี่แล้วเป็นอย่างไร และ โบ ปีป ใช้ชีวิตบนโลกกว้างหลังจากพรากจากวู้ดดี้อย่างไร ซึ่งจะฉายในระบบสตรีมของดิสนีย์ อย่าง Plus นั่นเอง ก็ต้องรอดูว่าจะได้ดูทันปีหน้าหรือเปล่านะ ไหนจะลุงทอม แฮงก์จะบอกว่า นี่จะเป็นบทสรุป แต่ทางผู้สร้างเขาก็ออกมาบอกอีกว่า ไม่ เราทำหนังเหมือนเป็นภาคแรกและภาคสุดท้ายในเวลาเดียวกัน ซึ่งหมายถึงอาจจะมีภาคห้าออกมาอีกก็ได้ ก็รอดูกันต่อไป
เรื่องที่ 20 : Toy Story 4 ที่ตรงนั้น มีของเล่นบ้างมั้ย
เป็นเรื่องที่ดูก่อน แต่ดันมารีวิวทีหลังเนี่ยนะ55555 จริง ๆ กะจะรีวิวเรื่องนี้ก่อน แต่ดันไปจมอยู่กับหนังเรื่องนึง (ไม่บอกนะว่าเรื่องอะไร หาอ่านดู555)
ส่วนตัว ผมไม่รู้นะว่าผมเป็นเเฟนคลับของทอย สตอรี่มั้ย แต่ผมจำตอนที่ได้ดูผ่านวีซีดี ของซีวีดีอินเตอร์เน็ตชั่นแนลได้อยู่นะ ภาคแรก ภาคที่ภาพยัง
ดูประหลาด ๆ แต่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก แล้วก็ได้ดูภาคสอง จนภาคที่จบอย่างสมบูรณ์แบบอย่าง ภาค 3 พิกซาร์นับวันฝีมือพัฒนามากขึ้นจนน่ากลัว
พอ ๆ กับหนังแต่ละเรื่องที่อ่านมา ล้วนมีอะไรแฝงให้ขบคิด มากกว่าหนังการ์ตูนเด็กทั่วไป บางครั้งมันก็ทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราสะอึกได้เหมือนกัน พอรู้ว่า
จะมีภาค 4 ก็ยี้เล็กน้อย ตัวอย่างก็ไม่ได้ดึงดูดอะไรเท่าไหร่ เลยไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดี แต่ก็ดูมาสามภาคแล้ว อีกภาคจะเป็นไรไปล่ะ แล้วมันเป็นยังไง
น่ะเหรอ ก็ดูไปเรื่อย ๆ
"สองปีหลังจากลาจากเเอนดี้ เจ้าของที่รัก วู้ดดี้ หุ่นคาวบอยทำหน้าที่เป็นของเล่นใหม่ของบอนนี่ เด็กสาวผู้กำลังเข้าสู่วัยเรียน ร่วมกับผองเพื่อนของเล่นทุกชิ้นเป็นอย่างดี บอนนี่ได้สร้างของเล่นขึ้นใหม่ชื่อว่า "ฟอร์คกี้" ส้อมหน้าตาเห่ยขึ้นมา วู้ดดี้ผู้มีเป้าหมายที่จะทำให้เจ้าของมีความสุขจึงต้องใช้แรงทุกอย่างที่มีดูแลเจ้าฟอร์คกี้ไม่ให้เป็นอันตราย แต่เรื่องยุ่งมันเเก้ยาก เมื่อการเดินทางโร้ดทริปครั้งนี้ กำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นการเดินทางที่จะทำให้วู้ดดี้ต้องจดจำไปตลอดกาล"
หนังเล่าเรื่องเหมือนภาพยนตร์มากกว่าที่จะเป็นอนิเมชั่นอย่างภาคก่อน ๆ มีการใช้ฉากสภาพเเวดล้อมสื่ออารมณ์ร่วมกับตัวละคร ไม่ได้มีฉากเเอ็คชั่นผจญภัยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเหมือนภาคก่อน ๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือมิติของตัวละครในเชิงลึก และ สมเหตุสมผล มีมุขตลกที่ทำให้เราอมยิ้มได้เหมือนเดิม แต่ส่วนเส้นเรื่อง ต้องยอมรับว่าค่อนข้างจะบางเบากว่าภาคอื่น ๆ ที่ผ่านมา เพราะหนังให้มุมมองตัวละครต่าง ๆ ได้น้อยกว่าภาคก่อน ๆ บางตัวละครก็บทหาย อาจเพราะตัวละครเหล่านั้น ไม่ได้มีเส้นเรื่องสำคัญอีกต่อไป ทั้งสเกลของเเวดล้อมมันก็ดูธรรมดา จับต้องได้ แถมดันใส่ความเป็นหนังสยองขวัญและ ดราม่าได้อย่างพอดิบพอดี ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านดนตรีประกอบที่ช่วยส่งอารมณ์ของหนัง งานภาพที่สมจริง งานอนิเมชั่นที่ผ่านกระบวนการอย่างเอาใจใส่ ช่วยส่งเสริมให้เหล่าตัวละครมีชีวิตชีวา อีกทั้งประเด็นต่าง ๆ ที่มีในหนัง มันก็ทั้งตลกและเจ็บปวดไปพร้อม ๆ กัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และด้วยประเด็นต่าง ๆ ที่หนังโยนใส่คนดูเป็นระยะ ๆ มันก็กลายเป็นสิ่งที่คลี่คลายในฉากในช่วงท้าย ๆ ที่ทำให้ผมเสียน้ำตาไม่หยุด คือบทพูดมันธรรมดามาก ๆ แต่มันช่างกินใจ มันทำให้เรารู้แล้วว่า แม้แต่ของเล่นยังมีที่ของเขา แล้วเราล่ะจะมีที่ให้ของเล่นเหล่านี้ให้อยู่กับเราอย่างมีความสุขได้หรือไม่
สำหรับผมแล้วภาคสี่นี้ มันเป็นบทสรุปของทอย สตอรี่จริง ๆ เพราะมันน่าจะเป็นการบอกลาเหล่าของเล่นที่สวยงามที่สุด และในขนาดเดียวกันมันก็เจ็บปวดและทำได้แค่ยอมรับว่าชีวิตมันไม่มีทางอยู่ที่เดิม มันต้องมีการก้าวไปข้างหน้า ต้องมีการเปลี่ยนวิธีคิดใหม่เพื่อให้ตัวเองสามารถอยู่บนโลกกว้างได้อย่างมีความสุข แต่ด้วยที่หนังอาจจะเรื่อย ๆ ไปในบางช่วง เลยอาจทำให้อารมณ์สะดุด หรือไม่คล้อยตามไปบ้าง แต่สุดท้ายแล้วนี่ก็ยังเป็นทอย สตอรี่ที่เราทุกคนรู้จักอยู่ดี ไม่ใช่ภาคต่อที่ออกมาทำลาย แต่เป็นภาคต่อที่สะท้อนความสวยงามของการเป็นของเล่นอันมีเกียรติผ่านแผ่นฟิลม์ตะหาก
"เพราะของเล่นล้วนหลงทาง" มันคือความจริงที่เกิดขึ้นทุก ๆ วัน ทุกครั้งที่เราไม่หันไปมองมัน
7.5/10 ดูซาวด์แทร็คก็สมบูรณ์แบบแล้ว แต่อยากไปดูเฮียสรพงษ์ กับ ลุงสันติสุขพากย์ไทยอยู่นะ
ปล. ผมว่าถ้าผู้ใหญ่ไปดูน่าจะอินเรื่องนี้มากกว่าเด็ก จนอยากกลับไปหาของเล่นเก่า ๆ กลับมาเล่นอีกครั้งเลยได้นะครับ เห็นว่าจะมีภาคเสริมว่า ฟอร์คกี้อยู่กับบอนนี่แล้วเป็นอย่างไร และ โบ ปีป ใช้ชีวิตบนโลกกว้างหลังจากพรากจากวู้ดดี้อย่างไร ซึ่งจะฉายในระบบสตรีมของดิสนีย์ อย่าง Plus นั่นเอง ก็ต้องรอดูว่าจะได้ดูทันปีหน้าหรือเปล่านะ ไหนจะลุงทอม แฮงก์จะบอกว่า นี่จะเป็นบทสรุป แต่ทางผู้สร้างเขาก็ออกมาบอกอีกว่า ไม่ เราทำหนังเหมือนเป็นภาคแรกและภาคสุดท้ายในเวลาเดียวกัน ซึ่งหมายถึงอาจจะมีภาคห้าออกมาอีกก็ได้ ก็รอดูกันต่อไป