เรื่องที่ 20 : Toy Story 4 ที่ตรงนั้น มีของเล่นบ้างมั้ย


เป็นเรื่องที่ดูก่อน แต่ดันมารีวิวทีหลังเนี่ยนะ55555 จริง ๆ กะจะรีวิวเรื่องนี้ก่อน แต่ดันไปจมอยู่กับหนังเรื่องนึง (ไม่บอกนะว่าเรื่องอะไร หาอ่านดู555)
ส่วนตัว ผมไม่รู้นะว่าผมเป็นเเฟนคลับของทอย สตอรี่มั้ย แต่ผมจำตอนที่ได้ดูผ่านวีซีดี ของซีวีดีอินเตอร์เน็ตชั่นแนลได้อยู่นะ ภาคแรก ภาคที่ภาพยัง
ดูประหลาด ๆ แต่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก แล้วก็ได้ดูภาคสอง จนภาคที่จบอย่างสมบูรณ์แบบอย่าง ภาค 3 พิกซาร์นับวันฝีมือพัฒนามากขึ้นจนน่ากลัว 
พอ ๆ กับหนังแต่ละเรื่องที่อ่านมา ล้วนมีอะไรแฝงให้ขบคิด มากกว่าหนังการ์ตูนเด็กทั่วไป บางครั้งมันก็ทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราสะอึกได้เหมือนกัน พอรู้ว่า
จะมีภาค 4 ก็ยี้เล็กน้อย ตัวอย่างก็ไม่ได้ดึงดูดอะไรเท่าไหร่ เลยไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดี แต่ก็ดูมาสามภาคแล้ว อีกภาคจะเป็นไรไปล่ะ แล้วมันเป็นยังไง
น่ะเหรอ ก็ดูไปเรื่อย ๆ

"สองปีหลังจากลาจากเเอนดี้ เจ้าของที่รัก วู้ดดี้ หุ่นคาวบอยทำหน้าที่เป็นของเล่นใหม่ของบอนนี่ เด็กสาวผู้กำลังเข้าสู่วัยเรียน ร่วมกับผองเพื่อนของเล่นทุกชิ้นเป็นอย่างดี บอนนี่ได้สร้างของเล่นขึ้นใหม่ชื่อว่า "ฟอร์คกี้" ส้อมหน้าตาเห่ยขึ้นมา วู้ดดี้ผู้มีเป้าหมายที่จะทำให้เจ้าของมีความสุขจึงต้องใช้แรงทุกอย่างที่มีดูแลเจ้าฟอร์คกี้ไม่ให้เป็นอันตราย แต่เรื่องยุ่งมันเเก้ยาก เมื่อการเดินทางโร้ดทริปครั้งนี้ กำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นการเดินทางที่จะทำให้วู้ดดี้ต้องจดจำไปตลอดกาล"

หนังเล่าเรื่องเหมือนภาพยนตร์มากกว่าที่จะเป็นอนิเมชั่นอย่างภาคก่อน ๆ มีการใช้ฉากสภาพเเวดล้อมสื่ออารมณ์ร่วมกับตัวละคร ไม่ได้มีฉากเเอ็คชั่นผจญภัยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเหมือนภาคก่อน ๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือมิติของตัวละครในเชิงลึก และ สมเหตุสมผล มีมุขตลกที่ทำให้เราอมยิ้มได้เหมือนเดิม แต่ส่วนเส้นเรื่อง ต้องยอมรับว่าค่อนข้างจะบางเบากว่าภาคอื่น ๆ ที่ผ่านมา เพราะหนังให้มุมมองตัวละครต่าง ๆ ได้น้อยกว่าภาคก่อน ๆ บางตัวละครก็บทหาย อาจเพราะตัวละครเหล่านั้น ไม่ได้มีเส้นเรื่องสำคัญอีกต่อไป ทั้งสเกลของเเวดล้อมมันก็ดูธรรมดา จับต้องได้ แถมดันใส่ความเป็นหนังสยองขวัญและ ดราม่าได้อย่างพอดิบพอดี ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านดนตรีประกอบที่ช่วยส่งอารมณ์ของหนัง งานภาพที่สมจริง งานอนิเมชั่นที่ผ่านกระบวนการอย่างเอาใจใส่ ช่วยส่งเสริมให้เหล่าตัวละครมีชีวิตชีวา อีกทั้งประเด็นต่าง ๆ ที่มีในหนัง มันก็ทั้งตลกและเจ็บปวดไปพร้อม ๆ กัน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

และด้วยประเด็นต่าง ๆ ที่หนังโยนใส่คนดูเป็นระยะ ๆ มันก็กลายเป็นสิ่งที่คลี่คลายในฉากในช่วงท้าย ๆ ที่ทำให้ผมเสียน้ำตาไม่หยุด คือบทพูดมันธรรมดามาก ๆ แต่มันช่างกินใจ มันทำให้เรารู้แล้วว่า แม้แต่ของเล่นยังมีที่ของเขา แล้วเราล่ะจะมีที่ให้ของเล่นเหล่านี้ให้อยู่กับเราอย่างมีความสุขได้หรือไม่

สำหรับผมแล้วภาคสี่นี้ มันเป็นบทสรุปของทอย สตอรี่จริง ๆ เพราะมันน่าจะเป็นการบอกลาเหล่าของเล่นที่สวยงามที่สุด และในขนาดเดียวกันมันก็เจ็บปวดและทำได้แค่ยอมรับว่าชีวิตมันไม่มีทางอยู่ที่เดิม มันต้องมีการก้าวไปข้างหน้า ต้องมีการเปลี่ยนวิธีคิดใหม่เพื่อให้ตัวเองสามารถอยู่บนโลกกว้างได้อย่างมีความสุข แต่ด้วยที่หนังอาจจะเรื่อย ๆ ไปในบางช่วง เลยอาจทำให้อารมณ์สะดุด หรือไม่คล้อยตามไปบ้าง แต่สุดท้ายแล้วนี่ก็ยังเป็นทอย สตอรี่ที่เราทุกคนรู้จักอยู่ดี ไม่ใช่ภาคต่อที่ออกมาทำลาย แต่เป็นภาคต่อที่สะท้อนความสวยงามของการเป็นของเล่นอันมีเกียรติผ่านแผ่นฟิลม์ตะหาก

"เพราะของเล่นล้วนหลงทาง" มันคือความจริงที่เกิดขึ้นทุก ๆ วัน ทุกครั้งที่เราไม่หันไปมองมัน

7.5/10 ดูซาวด์แทร็คก็สมบูรณ์แบบแล้ว แต่อยากไปดูเฮียสรพงษ์ กับ ลุงสันติสุขพากย์ไทยอยู่นะ 

ปล. ผมว่าถ้าผู้ใหญ่ไปดูน่าจะอินเรื่องนี้มากกว่าเด็ก จนอยากกลับไปหาของเล่นเก่า ๆ กลับมาเล่นอีกครั้งเลยได้นะครับ เห็นว่าจะมีภาคเสริมว่า ฟอร์คกี้อยู่กับบอนนี่แล้วเป็นอย่างไร และ โบ ปีป ใช้ชีวิตบนโลกกว้างหลังจากพรากจากวู้ดดี้อย่างไร ซึ่งจะฉายในระบบสตรีมของดิสนีย์ อย่าง Plus นั่นเอง ก็ต้องรอดูว่าจะได้ดูทันปีหน้าหรือเปล่านะ ไหนจะลุงทอม แฮงก์จะบอกว่า นี่จะเป็นบทสรุป แต่ทางผู้สร้างเขาก็ออกมาบอกอีกว่า ไม่ เราทำหนังเหมือนเป็นภาคแรกและภาคสุดท้ายในเวลาเดียวกัน ซึ่งหมายถึงอาจจะมีภาคห้าออกมาอีกก็ได้ ก็รอดูกันต่อไป
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่