สวัสดีครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตื่นเต้นมาก ๆ ตอนรู้ว่า “ทอยสตอรี่” จะสร้างภาคต่อหลังจากเดินทางมาไกลถึงสามภาคแล้ว เอาจริง ๆ ไตรภาคที่จบไปนั้นก็นับเป็นความทรงจำที่สมบูรณ์แบบ และปิดฉากได้สวยงามในฐานะภาพยนตร์แอนิเมชั่นของดิสนีย์พิกซาร์ แต่ แต่ แต่…เมื่อพิกซาร์ประกาศว่าจะมีภาคต่อ เราก็ไว้วางใจและเชื่อว่าต้องมี “ของ” หรือมี “สาร” ที่อยากจะส่งอยากจะสื่อสารมาถึงคนดู เลยทำให้เป็นอีกเรื่องในปีนี้ที่คิดว่าต้องดูให้ได้ (และต้องบอกว่าผมชื่นชมและชื่นชอบในสิ่งที่เขาต้องการสื่อสารออกมาจริง ๆ)
“เรื่องราวของเล่นเด็ก ๆ ที่คุ้นเคย แต่บทไม่ใช่เด็ก ๆ”
สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้เมื่อหนังเริ่มเข้าเนื้อหา เห้ย! คือถึงกับอุทานออกมา (ในใจ) เพราะผมรับรู้ “บางสิ่ง” บางสิ่งที่ภาคก่อน ๆ ไม่เคยพูดถึงเราจะคุ้นเคยกับใจความต่าง ๆ ที่หนังกำลังจะกล่าวถึงความสำคัญของของเล่นความรู้สึกของของเล่นและความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าของกับของเล่น แต่ภาคนี้นอกจากจะสอดแทรกสิ่งเหล่านี้เช่นเคย ยังมีสิ่งที่เพิ่มเข้ามากและแทบจะเป็น “เนื้อความหลัก” กลับต่างไป หากจะพูดว่าเป้าหมายส่วนหนึ่งของแอนิเมชั่นที่คนเข้าใจคือให้เด็ก ๆ ดูเรื่องราวในทอยสตอรี่ 4 จะให้ดูเพลินก็ทำให้ดูเพลินอยู่แล้ว แต่สิ่งที่มากไปกว่าการดูเพลิน คือทำให้เราได้ขบคิดภาคนี้ก็จะคิดได้อย่างสนุกสนาน การตัดสินใจ การกระทำของตัวละครเติบโตขึ้น เนื้อเรื่องดำเนินเรื่องไปอย่างมี “ความเป็นจริง” มากขึ้นความเป็นจริงที่กล่าวในที่นี้หมายถึง แม้ความจริงมันอาจไม่ได้สวยงามอย่างที่ใครคาดหวังแต่เมื่อมันถึงเวลาที่ต้องทำสิ่งอื่นใด (ที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อน) เราอาจจะพบว่ามันเป็นความสุขและเรายิ้มให้กับความจริงนั้นได้
“ถึงเวลาฮา…ก็ฮามาก ๆ ฉากชวนซึ้ง…ก็ทำได้สวยงาม”
โดยส่วนตัวจะชื่นชอบมาก ๆ เวลาภาพยนตร์ที่ไม่ใช่ประเภท (Genre) คอมเมดี้โดยตรง แต่บททำได้กลมกล่อม เมื่อถึงเวลาสอดแทรกมุขตลกต่าง ๆ ก็ฮาชนิดที่เรียกว่าขำกลิ้ง สำหรับเรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงเยอะ คือใส่แก๊กฮา ๆ มาตลอดเป็นระยะ ๆ ทำให้หนังไหลลื่นและดูเพลินมาก พอจะถึงจุดที่ชวนซึ้งหนังก็ไม่ได้บีบให้เค้นน้ำตาขนาดนั้นนะ แต่เป็นน้ำตาที่เอ่อเต็มสองข้างตาที่อาจไม่ใช่การไหลอบ่างพรั่งพรู แต่รู้สึกประทับใจ กินใจบางอย่างอย่างบอกไม่ถูก (แม้จะมีบางส่วนที่แอบไม่เห็นด้วยก็ตาม)
“เพราะหน้าที่ คือสิ่งที่สำคัญ”
วู้ดดี้เป็นคนที่รู้หน้าที่ และเขารู้ดีว่าหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของเหล่าของเล่นก็คือ การทำให้เจ้าของมีความสุขและเติบโตเคียงข้างเจ้าของ ดังที่เขาเติบโตและผูกพันกับแอนดี้ (เจ้าของเก่า) เมื่อมาอยู่กับเจ้าของใหม่ (บอนนี่) เขาก็ยังคงรักษาหน้าที่และทำได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่อย่างไรล่ะ เมื่อหน้าที่ของเขาหมดแล้ว? อย่างไรล่ะถ้าเขาทำได้ดีที่สุดแต่เจ้าของได้ลืมเขาไปแล้ว เมื่อการทำหน้าที่ของเขาได้สิ้นสุดลง หน้าที่เป็นสิ่งที่ลื่นไหลและไม่ใช่สิ่งที่คงที่ มันเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเวลาและโอกาสมาถึง หน้าที่ในครั้งนี้ของวู้ดดี้คือการต่อสู้กับความจริง เพราะ “เด็กทำของเล่นหล่นหายทุกวัน” การยอมรับความจริงจะทำให้คุณเข้าใจว่าหน้าที่ (สิ่งที่คุณต้องทำ) คืออะไร
“สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น… วู้ดดี้”
ภาพยนตร์เลือกให้ “วู้ดดี้” ทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ การตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่กล้าหาญ (ถ้าไม่นับรวมว่าจะเป็นเส้นเรื่องให้สร้างภาคต่อได้อีก55555 ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีไหมนะ) ก็เรียกได้ว่าเดาไม่ถูกเลยว่าหนังจะวางเส้นเรื่องมาแนวนี้ เพราะที่ผ่าน ๆ มาหนังจะจบในแบบที่เรา“คาดหวัง” เสมอแต่ครั้งนี้อาจไม่ใช่ทุกการเปลี่ยนแปลงสวยงามเสมอและเพิ่งเข้าใจจริง ๆ ว่าวลีที่กล่าวข้างต้นนั้นได้ถูก “เลือก” ใช้อย่างถูกที่ถูกเวลาในครั้งนี้ภาคนี้นี่แหละ
ทอยสตอรี่4 เป็นทอยสตอรี่ภาคที่ได้พาเราไปสำรวจความคิด ความสัมพันธ์ของของเล่นอีกครั้ง แต่ลงไปในระดับที่ลึกมาก ลึกจนกระทั่งเราเชื่อว่าของเล่น “มีชีวิตชีวา” มากกว่าจะเป็นเพียงแค่จินตนาการของเด็ก และเชื่อแล้วจริง ๆ ถ้าถามว่าหนังสอนเด็กหรือผู้ใหญ่ คงตอบได้แต่เพียงว่า “เราล้วนเป็นเด็กมาก่อนจะรู้จักความเป็นผู้ใหญ่เสมอ”
ขอบคุณครับ
#ToyStory4 | To infinity and beyond! “สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น” เมื่อของเล่น ไม่ใช่ของ (เด็ก) เล่นอีกต่อไป
ทอยสตอรี่4 เป็นทอยสตอรี่ภาคที่ได้พาเราไปสำรวจความคิด ความสัมพันธ์ของของเล่นอีกครั้ง แต่ลงไปในระดับที่ลึกมาก ลึกจนกระทั่งเราเชื่อว่าของเล่น “มีชีวิตชีวา” มากกว่าจะเป็นเพียงแค่จินตนาการของเด็ก และเชื่อแล้วจริง ๆ ถ้าถามว่าหนังสอนเด็กหรือผู้ใหญ่ คงตอบได้แต่เพียงว่า “เราล้วนเป็นเด็กมาก่อนจะรู้จักความเป็นผู้ใหญ่เสมอ”
ขอบคุณครับ