Moana 2: โมอาน่า 2

กำกับโดย David G. Derrick Jr., Jason Hand, และ Dana Ledoux Miller

ยอมรับว่า ไม่ได้คาดหวังอะไรมากจาก Moana 2 (2024) เพราะรู้สึกว่าภาค 1 ทำไว้มาตรฐานสูง แต่พอดูจบดันรู้สึกเพลินจนอยากดูอีกรอบ 😂

เรื่องย่อ
หลังจากที่ "โมอาน่า" (Auli'i Cravalho) นำความสงบกลับมาสู่ท้องทะเล ในครั้งนี้เธอเตรียมรับบทบาทใหม่ในการเป็น "ทาวไท" (ผู้นำทางแห่งท้องทะเล)

อย่างไรก็ตาม เธอพบว่า จริง ๆ แล้วมีมนุษย์ที่อยู่บนเกาะแห่งอื่น เธอจึงพยายามหาทางเชื่อมต่อกับทุกคนในท้องทะเลให้ได้ท่ามกลางอุปสรรคที่ขัดขวางให้เธอไม่สามารถเชื่อมต่อกับทุกคนได้

ความรู้สึกหลังชม
- หากกล่าวตามจริง Moana 2 อาจไม่มีอะไรใหม่ทั้งในแง่เนื้อเรื่อง ตัวละคร และดนตรีประกอบ นั่นทำให้ Moana 2 อาจไม่ได้น่าจดจำเมื่อเทียบกับภาคแรก

แต่ไม่ได้หมายความว่า หนังเรื่องนี้จะไม่สนุก !

แม้ว่าสตอรี่ในเรื่องจะดูไม่ได้น่าดึงดูดใจ แต่การร้อยเรียงส่วนต่าง ๆ ที่กระชับ เทคนิคและจังหวะหนังที่ดี ช่วยให้หนังที่ดูจะไม่มีอะไรกลับสนุกบันเทิงจนน่าแปลกใจ ส่วนตัวรู้สึกว่าหนังดำเนินเรื่องได้สนุกน่าติดตามตลอดเรื่อง

นอกจากนี้ยังค่อนข้างชอบการเปลี่ยนผ่านแต่ละซีนที่ทำได้แนบเนียน รวมถึงตัวเนื้อเรื่องที่ลีนเป็นพิเศษทำให้ไม่ได้มีส่วนที่เวิ่นเว้อ ยืดเยื้อเท่าไรในเรื่อง (อาจจะห้วนไปด้วยซ้ำ 😂)

Moana 2 เป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เห็นว่า "พลังของการเล่าเรื่อง" เป็นสิ่งสำคัญ หนังที่ดูไม่มีอะไรก็สามารถกลายเป็นหนังที่ซื้อใจผู้ชมได้ เมื่อมีการเล่าเรื่องที่ดี

- ชอบ "จินตนาการ" ของแอนิเมชั่นที่ถูกขับขานออกมาได้อย่างสร้างสรรค์ผ่านเรื่องราว งานภาพ มิวสิคัล และดนตรีประกอบ

-- จินตนาการกับแก่นหลักของเรื่อง เช่น เรื่องราวสุดแฟนตาซีของหญิงสาวที่หวังจะเชื่อมทุกผู้คนในมหาสมุทรให้เป็นหนึ่งเดียวอันนำมาสู่การผจญภัยสุดท้าทายที่ต้องอาศัยความกล้าหาญและความเสียสละ

-- จินตนาการและความเป็นมิวสิคัล ซีนมิวสิคัลทำได้บันเทิง โดยซีนที่ชอบที่สุด รู้สึกชอบ "ซีนมิวสิคัลมาวอิปลุกกำลังใจให้กับโมอาน่า" (Can I Get A Chee Hoo? - บันเทิงบ้ามาก 😂) และ "ซีนการต่อสู้ในช่วงท้ายเรื่อง" หนังทำได้สวยและจินตนาการดี

-- จินตนาการผ่านดีไซน์ตัวละครและฉาก เช่น "มาวอิ" (Dwayne Johnson) ลูกครึ่งเทพที่มีอิทธิฤทธิ์ในการแปลงกาย (Transformation) ไอเดียในการใช้ฤทธิ์ในแต่ละฉาก รวมถึงซีนความตลกของรอยสักมาวอิ ถือว่ามีไอเดียลูกเล่นสร้างสรรค์ทีเดียว

ดีไซน์ตัวละครอย่าง "คากาโมร่า" และไก่หน้างง "เฮเฮย์" ที่แย่งซีนสร้างความสนุกสนานให้กับเรื่อง

(ชอบดีไซน์เรือของคากาโมร่านึกว่าขบวนรถ Mad Max 😂)

-- จินตนาการงานภาพผ่านเทคนิค CG / VFX ที่เนรมิตธรรมชาติได้อย่างงดงาม เช่น "น้ำทะเล" ในแอนิเมชั่นให้เนียนสวยงามราวกับของจริง, "แสง" อันนุ่มนวลที่ตกกระทบบนผิวตัวละคร, เมฆ รวมถึงฉากธรรมชาติต่าง ๆ ในเรื่อง

สิ่งที่หนังถ่ายทอด จึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างจินตนาการให้กับผู้ชม พาให้เราได้เห็นถึงโลกเหนือจริงที่ไม่ได้แค่อยู่ในความนึกคิด แต่ถูกถ่ายทอดให้เห็นผ่านองค์ประกอบภาพยนตร์อันงดงาม

- พาร์ทด้านดนตรีประกอบ ผู้ประพันธ์ดนตรียังคงเป็นผู้ประพันธ์จากภาคแรกอย่าง Mark Mancina และ Opetaia Foaʻi 

ดนตรีโดยรวมค่อนข้างน่าประทับใจเหมาะสมกับบรรยากาศ เช่น การใช้เสียงกู้ร้อง เครื่องประกอบจังหวะสไตล์ชาวเกาะ

ขณะที่ธีมดนตรีหลักและเพลงประกอบหลัก "Beyond" มีทำนองที่เพราะและเข้ากับเรื่องดี แต่ถ้าเทียบกับธีมในภาคแรก เช่น ทำนองเพลง How Far I'll Go หรือ We Know The Way ก็ต้องยอมรับว่า ดนตรีจากภาคแรกสร้างมาตรฐานไว้สูงและดีกว่ามาก

(งวดนี้ Lin-Manuel Miranda ผู้แต่งเพลงจาก Moana 1 ไม่ได้ตามมาโปรเจคนี้ด้วย)

- ด้วยความที่หนังอาศัยการเล่าเรื่องผ่านภาพ มิวสิคัล และเสียง ส่วนตัวยังคงแนะนำว่า "โรงภาพยนตร์" เป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดในการรับชมหนังเรื่องนี้

- หนังมีฉาก End-credit เตรียมตัวเปิดทางภาคถัดไปสบาย ๆ

- ข้อเสียนอกจากที่กล่าวมาเบื้องต้นแล้ว ด้วยความที่หนังกระชับก็อาจทำให้บางช็อตห้วนไปบ้าง

อีกส่วนหนึ่ง รู้สึกว่าทรัพยากรที่มีในเรื่อง (รวมถึงตัวละครสมทบ) ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ได้ได้อย่างคุ้มค่า 

สรุป

อาจจะไมได้เพอร์เฟคลงตัวอย่างภาคแรก แต่จินตนาการและการเล่าเรื่องที่ดีก็ทำให้ Moana 2 จากค่าย Disney สนุกบันเทิง คุ้มค่าน่าประทับใจ

เหมาะแก่การดูผ่อนคลายความเครียดในห้วงเวลาที่เราต้องการสีสันสดใสในชีวิตบ้าง

ตัวหนังดูได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก... ใครสนใจดูได้ที่ Major Cineplex !

ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ