อะแฮร่ม ! สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเกร็ดความรู้ดีๆสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเครื่องบินมาแชร์ให้ฟังกันครับ ซึ่งเรื่องที่ผมจะขออธิบายในกระทู้นี้จะเป็นเรื่องของ
Take-off Speed นั่นเองครับ
> Take-off Speed เป็นหนึ่งในค่าความเร็วอากาศ (V-Speed) นั่นเองครับ
> V-Speed คืออะไร ?
V-Speed คือ ค่าความเร็วของอากาศ มีหน่วยเป็น ''น็อต'' (Knots) นั่นเองครับ โดย V-Speed ที่ทางการบินใช้กันมีหลายตัวมากครับ
''ถ้าให้อธิบายหมดคงจะปวดหัวตายกันก่อนแน่นอนครับ'
' แต่วันนี้จะขอยกมาแค่ 3 ความเร็วหลักที่เป็นปัจจัยที่ใช้ในการ Take-off และเราจะได้ยินบ่อยที่สุด ตามภาพยนต์หรือการ์ตูนครับ ซึ่งก็คือ
V1,Vr และ V2 ครับ
1. V1 อ่านว่า วี-วัน (Decision Speed) หรือ ความเร็วย่านตัดสินใจนั่นเองครับ
ความเร็วนี้เป็นความเร็วที่มีความสำคัญมากนะครับเพราะเป็นความเร็วที่จะให้นักบิน Take Action กับตัวเองว่า
จะให้เครื่องบินหยุดหรือบินต่อไป
ในกรณีที่เกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์ (Engine Failure) นั่นเองครับ โดยความเร็ว V1 เกิดจากการคำนวนบาลานซ์ของน้ำหนักเครื่อง,ความเร็วลม และปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อการ Take-off มาแล้วครับ
ซึ่งระหว่างความเร็ว V1 จะมีอีกหนึ่งความเร็วที่เป็นปัจจัยส่งผลต่อ V1 ครับ นั่นก็คือ
Vef หรือ V-Engine failure ครับ ซึ่งก็คือ ความเร็วที่เครื่องยนต์เกิดการชำรุด/เสียหายนั่นระหว่างTake-offนั่นเองครับ
ยกตัวอย่างเช่น : ถ้าเครื่อยนต์เกิด Vef ก่อน V1 นักบินก็สามารถตัดสินใจให้เครื่องบิน RTO ได้ทันใช่ไหมครับ เพราะความเร็วก่อน V1 ยังเป็นความเร็วที่ไม่สูงมาก ซึ่งในช่วงระหว่าง Vef > V1 เป็นช่วงเวลาที่นักบินเริ่มดึง Speed break , เปิด Thrust Reverser ให้ได้ทันเวลาก่อนจะหมดระยะรันเวย์ครับ
ปล. RTO (Reject Take-off หรือ ยกเลิกการบินขึ้น)
แต่ถ้าเครื่องบินเกิดสภาวะ Vef หลัง V1 นักบินจะต้อง Go-Around ต่อทันทีครับ เพราะหลังจาก V1 ไปแล้วระยะรันเวย์ที่เหลือจะไม่เพียงพอให้เครื่อง RTO แล้วครับ หากนักบินยังดื้อดึงจะหยุดเครื่องบินอาจจะทำให้เกิด Accident เครื่องบินทะลุรันเวย์ได้ครับ
2. Vr อ่านว่า วี-อาร์ / Rotate อ่านว่า โร-เทจ (Rotation Speed) หรือ ความเร็วในการเชิดหัวเครื่องขึ้นนั่นเองครับ
ความเร็วนี้เป็นความเร็วที่ต่อมาจาก V1 ครับ
ในความเร็วนี้จะเป็นความเร็วที่นักบินเริ่มดึง Control Colum (คันบังคับของ Boeing)
หรือ Side Stick (คันบังคับของ Airbus) เข้าหาตัวเพื่อ Pitch Up เครื่องบินให้ลอยขึ้นจากพื้นครับ ในความเร็วนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด
หลังจาก Vr เครื่องบินจะค่อยๆลอยตัวขึ้นช้าๆ และทำมุมปะทะประมาณ 10 -15 องศาครับ
> อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Vr (Rotation Speed)
หลายๆคนจะเข้าใจผิดกันนะครับว่า ความเร็วที่เครื่องบินเริ่มยกตัวขึ้นคือ Vr แต่! จริงๆแล้ว
ความเร็วที่เครื่องบินเริ่มลอยตัวขึ้นไม่ใช่ Vr นะครับ
Vr เป็นเพียงความเร็วที่ถูกการคำนวนเพื่อให้นักบินเริ่มเชิดหัวเครื่องบินขึ้นเท่านั้น
ซึ่งความเร็วที่เครื่องบินเริ่มยกหัวขึ้นจริงๆคือความเร็วที่เรียกว่า ''Vlof'' (Lift-off Speed) นั่นเองครับ
แต่ที่ผู้ช่วยนักบินไม่นิยมขานกันก็เพราะว่า ความเร็ว Vr และ Vlof อยู่ในช่วงที่ใกล้เคียงกันมากครับ คือให้เห็นภาพนะครับช่วงที่ขาน Vr แล้วยกคันบังคับขึ้นเครื่องบินก็แทบจะลอยขึ้นเลยใช่ไหมครับ.... เพราะเหตุนี้และครับเขาจึงนิยมขาน Vr มากกว่าเพราะ Vr เป็นความเร็วที่สำคัญและเป็นจุดที่ทำให้นักบินเริ่มเชิดหัวขึ้นด้วยครับ ส่วน Vlof นั่นต่อให้เราไม่ขานเราก็ทราบกันอยู่แล้วครับเพราะ Vlof มันก็คือช่วงที่เครื่องบินเริ่มลอยนั่นเอง...
สรุปง่ายๆนะครับ : Vr (Rotation Speed) คือ ความเร็วที่นักบินเริ่มเชิดหัวขึ้น
Vlof (Lift-off Speed ) คือ ความเร็วที่เครื่องบินเริ่มลอยขึ้น
#แยกกันให้ออกนะครับอิอิ ^^
3. V2 อ่านว่า วี-ทู (Take-off Safety Speed) หรือ ความเร็วที่ต้องรักษาไว้หลังจากเครื่องบินเริ่มเชิดหัวขึ้นครับ
ความเร็ว V2 นี้จะขานหรือไม่ต้องขานก็ได้ครับ
แต่เป็นความเร็วที่ต้องรักษาไว้ขณะไต่ระดับที่ความสูงจากพื้นดิน 35 ft. หรือที่เรียกว่า
(Screen height) นั่นเองครับ
โดยปกติแล้ว V2 จะเพิ่มจากความเร็วปกติไปอีก 10 - 25 knots แล้วแต่บาลานซ์ในวันนั้นครับ
อย่างเช่น : ถ้าความเร็ว V2 คือ 140 > เราควรจะเพิ่มความเร็วไต่เป็น 150 - 165 knots ครับ
> เป็นไงกันบ้างครับสำหรับเรื่องราวที่ผมนำมาแชร์ให้ความรู้กัน ถ้าผิดพลาดประการใดสามารถติชมกันได้เลยนะครับ ยินดีรับฟังทุกคำติชมและคำเสนอแนะครับ
เกร็ดความรู้เรื่อง Take-off Speed (V1,Vr และ V2)
Take-off Speed นั่นเองครับ
> Take-off Speed เป็นหนึ่งในค่าความเร็วอากาศ (V-Speed) นั่นเองครับ
> V-Speed คืออะไร ?
V-Speed คือ ค่าความเร็วของอากาศ มีหน่วยเป็น ''น็อต'' (Knots) นั่นเองครับ โดย V-Speed ที่ทางการบินใช้กันมีหลายตัวมากครับ
''ถ้าให้อธิบายหมดคงจะปวดหัวตายกันก่อนแน่นอนครับ'' แต่วันนี้จะขอยกมาแค่ 3 ความเร็วหลักที่เป็นปัจจัยที่ใช้ในการ Take-off และเราจะได้ยินบ่อยที่สุด ตามภาพยนต์หรือการ์ตูนครับ ซึ่งก็คือ V1,Vr และ V2 ครับ
1. V1 อ่านว่า วี-วัน (Decision Speed) หรือ ความเร็วย่านตัดสินใจนั่นเองครับ
ความเร็วนี้เป็นความเร็วที่มีความสำคัญมากนะครับเพราะเป็นความเร็วที่จะให้นักบิน Take Action กับตัวเองว่า จะให้เครื่องบินหยุดหรือบินต่อไป
ในกรณีที่เกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์ (Engine Failure) นั่นเองครับ โดยความเร็ว V1 เกิดจากการคำนวนบาลานซ์ของน้ำหนักเครื่อง,ความเร็วลม และปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อการ Take-off มาแล้วครับ
ซึ่งระหว่างความเร็ว V1 จะมีอีกหนึ่งความเร็วที่เป็นปัจจัยส่งผลต่อ V1 ครับ นั่นก็คือ Vef หรือ V-Engine failure ครับ ซึ่งก็คือ ความเร็วที่เครื่องยนต์เกิดการชำรุด/เสียหายนั่นระหว่างTake-offนั่นเองครับ
ยกตัวอย่างเช่น : ถ้าเครื่อยนต์เกิด Vef ก่อน V1 นักบินก็สามารถตัดสินใจให้เครื่องบิน RTO ได้ทันใช่ไหมครับ เพราะความเร็วก่อน V1 ยังเป็นความเร็วที่ไม่สูงมาก ซึ่งในช่วงระหว่าง Vef > V1 เป็นช่วงเวลาที่นักบินเริ่มดึง Speed break , เปิด Thrust Reverser ให้ได้ทันเวลาก่อนจะหมดระยะรันเวย์ครับ
ปล. RTO (Reject Take-off หรือ ยกเลิกการบินขึ้น)
แต่ถ้าเครื่องบินเกิดสภาวะ Vef หลัง V1 นักบินจะต้อง Go-Around ต่อทันทีครับ เพราะหลังจาก V1 ไปแล้วระยะรันเวย์ที่เหลือจะไม่เพียงพอให้เครื่อง RTO แล้วครับ หากนักบินยังดื้อดึงจะหยุดเครื่องบินอาจจะทำให้เกิด Accident เครื่องบินทะลุรันเวย์ได้ครับ
2. Vr อ่านว่า วี-อาร์ / Rotate อ่านว่า โร-เทจ (Rotation Speed) หรือ ความเร็วในการเชิดหัวเครื่องขึ้นนั่นเองครับ
ความเร็วนี้เป็นความเร็วที่ต่อมาจาก V1 ครับ ในความเร็วนี้จะเป็นความเร็วที่นักบินเริ่มดึง Control Colum (คันบังคับของ Boeing)
หรือ Side Stick (คันบังคับของ Airbus) เข้าหาตัวเพื่อ Pitch Up เครื่องบินให้ลอยขึ้นจากพื้นครับ ในความเร็วนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด
หลังจาก Vr เครื่องบินจะค่อยๆลอยตัวขึ้นช้าๆ และทำมุมปะทะประมาณ 10 -15 องศาครับ
> อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Vr (Rotation Speed)
หลายๆคนจะเข้าใจผิดกันนะครับว่า ความเร็วที่เครื่องบินเริ่มยกตัวขึ้นคือ Vr แต่! จริงๆแล้ว ความเร็วที่เครื่องบินเริ่มลอยตัวขึ้นไม่ใช่ Vr นะครับ
Vr เป็นเพียงความเร็วที่ถูกการคำนวนเพื่อให้นักบินเริ่มเชิดหัวเครื่องบินขึ้นเท่านั้น ซึ่งความเร็วที่เครื่องบินเริ่มยกหัวขึ้นจริงๆคือความเร็วที่เรียกว่า ''Vlof'' (Lift-off Speed) นั่นเองครับ
แต่ที่ผู้ช่วยนักบินไม่นิยมขานกันก็เพราะว่า ความเร็ว Vr และ Vlof อยู่ในช่วงที่ใกล้เคียงกันมากครับ คือให้เห็นภาพนะครับช่วงที่ขาน Vr แล้วยกคันบังคับขึ้นเครื่องบินก็แทบจะลอยขึ้นเลยใช่ไหมครับ.... เพราะเหตุนี้และครับเขาจึงนิยมขาน Vr มากกว่าเพราะ Vr เป็นความเร็วที่สำคัญและเป็นจุดที่ทำให้นักบินเริ่มเชิดหัวขึ้นด้วยครับ ส่วน Vlof นั่นต่อให้เราไม่ขานเราก็ทราบกันอยู่แล้วครับเพราะ Vlof มันก็คือช่วงที่เครื่องบินเริ่มลอยนั่นเอง...
สรุปง่ายๆนะครับ : Vr (Rotation Speed) คือ ความเร็วที่นักบินเริ่มเชิดหัวขึ้น
Vlof (Lift-off Speed ) คือ ความเร็วที่เครื่องบินเริ่มลอยขึ้น
#แยกกันให้ออกนะครับอิอิ ^^
3. V2 อ่านว่า วี-ทู (Take-off Safety Speed) หรือ ความเร็วที่ต้องรักษาไว้หลังจากเครื่องบินเริ่มเชิดหัวขึ้นครับ
ความเร็ว V2 นี้จะขานหรือไม่ต้องขานก็ได้ครับ แต่เป็นความเร็วที่ต้องรักษาไว้ขณะไต่ระดับที่ความสูงจากพื้นดิน 35 ft. หรือที่เรียกว่า
(Screen height) นั่นเองครับ
โดยปกติแล้ว V2 จะเพิ่มจากความเร็วปกติไปอีก 10 - 25 knots แล้วแต่บาลานซ์ในวันนั้นครับ
อย่างเช่น : ถ้าความเร็ว V2 คือ 140 > เราควรจะเพิ่มความเร็วไต่เป็น 150 - 165 knots ครับ
> เป็นไงกันบ้างครับสำหรับเรื่องราวที่ผมนำมาแชร์ให้ความรู้กัน ถ้าผิดพลาดประการใดสามารถติชมกันได้เลยนะครับ ยินดีรับฟังทุกคำติชมและคำเสนอแนะครับ