20 พ.ค. 2562 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมฯได้ประชุมกำหนดแนวทางการพัฒนาระบบ customs to home ที่จะใช้ในกระบวนงานศุลกากรไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยจะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ และป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์(อีคอมเมิร์ซ) และจัดส่งมาทางไปรษณีย์จากต่างประเทศ ตลอดจนการอำนวยความสะดวกในการชำระภาษีให้กับผู้สั่งสินค้าอีคอมเมิร์ซให้สะดวกยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในการหารือกับไปรษณีย์ กรมฯจะมีการสั่งซื้อเครื่องตรวจเอ็กซเรย์สินค้าอีคอมเมิร์ซ เพื่อไปติดตั้งที่ศูนย์ไปรษณีย์ หลักสี่เพิ่มเติม เพื่อให้รองรับการตรวจสินค้าอีคอมเมิร์ซ์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันเครื่องเอกซเรย์มีไม่เพียงพอทำให้ตรวจของที่ส่งมาทางไปรษณีย์จากต่างประเทศทำได้เพียง 40% แต่อนาคตเมื่อกรมฯ ซื้อเครื่องเอกซเรย์มาติดตั้งเสร็จ จะทำให้ตรวจสินค้าอีคอมเมิร์ซที่ส่งมาเป็นพัสดุตามกล่องได้ 100% รวมถึงยังสามารถตรวจสอบกล่องพัสดุที่ผิดกฎหมาย ยาเสพติด หรือสินค้าต้องห้ามว่าด้วยอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ได้ด้วย
“ทุกวันนี้คนไทยนิยมสั่งซื้อสินค้าอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศเข้ามามาก วันหนึ่งเพิ่มขึ้นมาเป็นแสนชิ้น และพบว่ามีความพยายามหลบเลี่ยงภาษีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยแจ้งสำแดงราคาหน้ากล่องไม่ถึง 1.5 พันบาทเพื่อเลี่ยงเสียภาษี เพราะตามกฎหมายมีการยกเว้นเก็บภาษีขาเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่เมื่อตรวจแล้วพบว่าสินค้าที่ส่งมาส่วนใหญ่มีราคาเกินด้วยกันทั้งนั้น บางครั้งพบสินค้าแบรนด์เนม เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า รองเท้าซึ่งมีราคาสูงกว่าหลายเท่า” นายกฤษฎา กล่าว
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ต่อไปเมื่อกรมศุลฯ ซื้อเครื่องเอกซเรย์มาติดตั้งเพิ่ม มั่นใจว่าจะช่วยแก้ปัญหาการหลบเลี่ยง เพราะเครื่องนี้จะสามารถสแกนเห็นรายละเอียดสินค้าที่อยู่ในกล่องพัสดุ ทำให้รู้ทันทีว่าสินค้าเป็นไปตามที่แจ้งสำแดงไว้หรือไม่ และหากพบผิดสังเกตก็จะมีการแจ้งให้มาตรวจค้นเพื่อให้เสียภาษีอย่างถูกต้อง ซึ่งคาดว่าจะสามารถติดตั้งและสแกนพัสดุอีคอมเมิร์ซได้ครบทั้ง 100% ภายใน 3 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ กรมศุลฯ ยังได้หารือกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อจัดทำระบบให้สามารถชำระภาษีสินค้าอีคอมเมิร์ซได้ล่วงหน้า โดยต่อไปหากใครสั่งซื้อสินค้าเข้ามาและรู้ว่าจะต้องเสียภาษีเท่าไรก็สามารถมาติดต่อชำระภาษีล่วงหน้าได้เลย จากนั้นเมื่อสินค้าถูกจัดส่งมาถึงก็จะถูกจัดกลุ่มให้มีความเสี่ยงต่ำ และจะส่งต่อไปถึงมือผู้รับทันที โดยวิธีนี้เพียงนำใบชำระเงิน มาแจ้งกรมศุลฯ เพื่อคิดคำนวนการเสียภาษีและสามารถชำระเงินผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้
“การนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีปี 2562 คาดว่าจะเก็บภาษีได้ 1.06 แสนล้านบาท ซึ่งเกินกว่าเป็นเป้าหมายที่แจ้งไว้ถึง 6 พันล้านบาท และยังเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการจัดเก็บภาษีปีก่อนด้วย” นายกฤษฎา กล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า กรมศุลกากรอยู่ระหว่างทำโครงการจัดหาเครื่องเอ็กซเรย์ค่อมสายสะพานลำเลียงกระเป๋ามาใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด 23 สายพาน เพื่อทำการตรวจสแกนสิ่งของในกระเป๋าโหลดทุกใบที่โหลดมาใต้ท้องเครื่องบิน เพื่อป้องกันหลบเลี่ยงภาษี เพราะเครื่องจะสแกนเห็นของทั้งหมดภายในกระเป๋า โดยหากพบเป็นกระเป๋าน่าสงสัยเครื่องจะติดสัญลักษณ์ทันที เมื่อถูกนำลำเลียงผ่านสายพานถึงมือเจ้าของและเดินผ่านจุดตรวจ หากเลี่ยงไม่ผ่านช่องสีแดงก็จะถูกจับตรวจเพื่อเสียภาษีโดยทันที
ที่มา
https://www.thaipost.net/main/detail/36269
“ศุลกากร”เอาจริงซื้อเครื่องเอ็กซเรย์ตรวจยิบสินค้าต่างแดนเข้าไทย ต่อไปตรวจกระเป๋า 100%
ทั้งนี้ ในการหารือกับไปรษณีย์ กรมฯจะมีการสั่งซื้อเครื่องตรวจเอ็กซเรย์สินค้าอีคอมเมิร์ซ เพื่อไปติดตั้งที่ศูนย์ไปรษณีย์ หลักสี่เพิ่มเติม เพื่อให้รองรับการตรวจสินค้าอีคอมเมิร์ซ์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันเครื่องเอกซเรย์มีไม่เพียงพอทำให้ตรวจของที่ส่งมาทางไปรษณีย์จากต่างประเทศทำได้เพียง 40% แต่อนาคตเมื่อกรมฯ ซื้อเครื่องเอกซเรย์มาติดตั้งเสร็จ จะทำให้ตรวจสินค้าอีคอมเมิร์ซที่ส่งมาเป็นพัสดุตามกล่องได้ 100% รวมถึงยังสามารถตรวจสอบกล่องพัสดุที่ผิดกฎหมาย ยาเสพติด หรือสินค้าต้องห้ามว่าด้วยอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ได้ด้วย
“ทุกวันนี้คนไทยนิยมสั่งซื้อสินค้าอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศเข้ามามาก วันหนึ่งเพิ่มขึ้นมาเป็นแสนชิ้น และพบว่ามีความพยายามหลบเลี่ยงภาษีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยแจ้งสำแดงราคาหน้ากล่องไม่ถึง 1.5 พันบาทเพื่อเลี่ยงเสียภาษี เพราะตามกฎหมายมีการยกเว้นเก็บภาษีขาเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่เมื่อตรวจแล้วพบว่าสินค้าที่ส่งมาส่วนใหญ่มีราคาเกินด้วยกันทั้งนั้น บางครั้งพบสินค้าแบรนด์เนม เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า รองเท้าซึ่งมีราคาสูงกว่าหลายเท่า” นายกฤษฎา กล่าว
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ต่อไปเมื่อกรมศุลฯ ซื้อเครื่องเอกซเรย์มาติดตั้งเพิ่ม มั่นใจว่าจะช่วยแก้ปัญหาการหลบเลี่ยง เพราะเครื่องนี้จะสามารถสแกนเห็นรายละเอียดสินค้าที่อยู่ในกล่องพัสดุ ทำให้รู้ทันทีว่าสินค้าเป็นไปตามที่แจ้งสำแดงไว้หรือไม่ และหากพบผิดสังเกตก็จะมีการแจ้งให้มาตรวจค้นเพื่อให้เสียภาษีอย่างถูกต้อง ซึ่งคาดว่าจะสามารถติดตั้งและสแกนพัสดุอีคอมเมิร์ซได้ครบทั้ง 100% ภายใน 3 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ กรมศุลฯ ยังได้หารือกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อจัดทำระบบให้สามารถชำระภาษีสินค้าอีคอมเมิร์ซได้ล่วงหน้า โดยต่อไปหากใครสั่งซื้อสินค้าเข้ามาและรู้ว่าจะต้องเสียภาษีเท่าไรก็สามารถมาติดต่อชำระภาษีล่วงหน้าได้เลย จากนั้นเมื่อสินค้าถูกจัดส่งมาถึงก็จะถูกจัดกลุ่มให้มีความเสี่ยงต่ำ และจะส่งต่อไปถึงมือผู้รับทันที โดยวิธีนี้เพียงนำใบชำระเงิน มาแจ้งกรมศุลฯ เพื่อคิดคำนวนการเสียภาษีและสามารถชำระเงินผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้
“การนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีปี 2562 คาดว่าจะเก็บภาษีได้ 1.06 แสนล้านบาท ซึ่งเกินกว่าเป็นเป้าหมายที่แจ้งไว้ถึง 6 พันล้านบาท และยังเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการจัดเก็บภาษีปีก่อนด้วย” นายกฤษฎา กล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า กรมศุลกากรอยู่ระหว่างทำโครงการจัดหาเครื่องเอ็กซเรย์ค่อมสายสะพานลำเลียงกระเป๋ามาใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด 23 สายพาน เพื่อทำการตรวจสแกนสิ่งของในกระเป๋าโหลดทุกใบที่โหลดมาใต้ท้องเครื่องบิน เพื่อป้องกันหลบเลี่ยงภาษี เพราะเครื่องจะสแกนเห็นของทั้งหมดภายในกระเป๋า โดยหากพบเป็นกระเป๋าน่าสงสัยเครื่องจะติดสัญลักษณ์ทันที เมื่อถูกนำลำเลียงผ่านสายพานถึงมือเจ้าของและเดินผ่านจุดตรวจ หากเลี่ยงไม่ผ่านช่องสีแดงก็จะถูกจับตรวจเพื่อเสียภาษีโดยทันที
ที่มา https://www.thaipost.net/main/detail/36269