ดิฉันมีกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินร่วมกับ นาง ก (ดิฉันก็ให้นาง ก มีกรรมสิทธิ์ร่วมโดยเสน่หา มิได้ซิ้อขาย)
นาง ก มีคดีที่ 1 ไปค้ำประกันรถ ทำให้บ้านเดี่ยวและที่ดินราคาประเมิน 4 ล้าน ถูกยึดขายทอดตลาด แต่ตอนนี้ทำเรื่องถอนการยึดที่กรมบังคับคดีเรียบร้อยแล้ว
คดีที่ 2 ยังอยู่ในกระบวนการของศาลเกี่ยวกับโจทก์ฟ้องหมอที่อยู่ในคลีนิคของนาง ก และนาง ก ได้เซ็นรับผิดไปแล้ว ทั้งหมด 6 แสน ชำระไป 2 แสนเมื่อปลายปี 61 เหลือชำระอีก 4 แสน
ก่อนหน้านี้ นาง ก ต้องการคืนกรรมสิทธิ์ส่วนของนาง ก คืนให้ดิฉัน แต่ยังทำไม่ได้เนื่องจาก บ้านและที่ดินถูกกรมบังคับดคีอายัดไว้เหตุจากคดีที่ 1 ดิฉันจึงไปเคลียเงินกับโจทก์เพื่อจะได้ปิดคดี และเพื่อให้นาง ก ทำธุรกรรมคืนที่ดินให้ดิฉันโดยเร็วเพื่อไม่ให้ดิฉันต้องติดร่างแหไปอีก แต่ก็ไม่ทัน เพราะ
หลังจากเคลียกับโจทก์คดีที่ 1 ไปแล้ว นาง ก เพิ่งบอกว่า ตอนนี้ยังไปทำเรื่องคืนบ้านและที่ดินคืนให้ดินฉันยังไม่ได้ เนื่องจาก ยังมีอีก 1 คดีที่ยังอยู่ในกระบวนการของศาล หากมีการให้หรือคืนที่ดินกันในระหว่างที่คดีที่ 2 ยังไม่จบ จะผิดกฏหมาย ติดคุก และ คดีใหม่นี้ต้องรีบเคลียภายใน พค.62 นี้ ไม่เช่นนั้น บ้านและที่ดินที่ถอนการยึดไปแล้ว จะถูกยึดอีกครั้งหนึ่งเพราะยังมีชื่อนาง ก มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับดิฉันอยู่ ดิฉันจึงแนะนำให้นาง ก นำรถที่ไม่มีภาระอีกคันที่จอดไว้ไปขายเพื่อนำเงินมาเคลียกับโจทก์ แต่นาง ก บอกว่า ขายไม่ได้เพราะยังมีคดีอยู่ ผิดคำสั่งศาล
นาง ก ต้องการยืมเงินดิฉัน เพื่อไปเคลียกับโจทก์โดยเอารถที่ไม่มีภาระผูกพันของตัวมาค้ำประกันไว้ก่อน เมื่อได้เงินจากดิฉันไปปิดคดีแล้ว จึงจะทำการขายรถนำเงินมาคืนให้ดิฉันได้ และ ไปทำเรื่องคืนที่ดินคืนที่กรมที่ดินให้ได้ หลังจากปิดคดีที่ 2
(ทั้งหมดนี้ นาง ก กล่าวไว้กับดิฉัน แต่ดิฉันคิดว่า นาง ก มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ตั้งแต่ที่ไม่แจ้งให้ดิฉันทราบว่า หากเคลียคดีที่ 1 แล้ว ก็ยังทำธุรกรรมคืนบ้านให้ไม่ได้ ดิฉันจึ่งเกรงว่า นางก จะพูดไปเองโดยอ้างคำสั่งศาล จึงอยากเรียนถามว่า
1. ถ้านาง ก ไปทำธุรกรรมคืนที่ดินส่วนของนาง ก คืนให้ดิฉัน ในระหว่างที่คดีที่ 2 ยังอยู่ในกระบวนการของศาล จะผิดค่ำสั่งศาล หรือ ผิด กฏหมายตามที่ นาง ก บอกหรือไม่ ทั้งที่ถอนการยึดจากคดีที่ 1 ไปแล้ว)
2. นาง ก สามารถทำธุรกรรมเกี่ยวกับการซื้อ ขาย หรือ เงินติดล้อ รถของนาง ก ที่ไม่มีภาระผูกพันได้หรือไม่ (ในเมื่อยังไม่มีคำสั่งห้ามจำหน่าย จ่าย โอนทรัพย์สิน) จะได้นำเงินที่ขายได้ปิดคดี ไม่ต้องมายืมดิฉัน
3. ถ้านาง ก บอกว่า ขายรถไม่ได้ เพราะมีคำสั่งศาล แสดงว่า ต้องมีหมายศาลมาว่า ห้ามจำหน่าย ถ่าย โอน รถหรือทรัพย์สินอื่นๆก่อน ใช่หรือไม่
ดิฉันจะได้ขอดู เอกสารจากศาล
4. สมมติถ้าดิฉันให้เงินยืมไปปิดคดี ดิฉัน ให้นาง ก เซ็นเอกสารเกี่ยวกับการโอนลอยรถไว้ และ เซ็นต์หนังสือมอบอำนาจ ทด 21 เกี่ยวกับการคืนกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินไว้ก่อน พอปิดคดี ดิฉันก็ไปทำเรื่องขายรถ กับ โอนที่ดิน เอง จะพอช่วยได้หรือไม่ ทำได้หรือไม่
ดิฉันจะทำอย่างไรดี ถึงแม้จะเอารถมาค้ำประกันไว้ก็ไม่อยากให้ยืมเลย แต่ถ้าไม่ให้ยืมเงินไป คดีที่ 2 ก็ยังปิดไม่ได้ นาง ก ก็ยังไม่สามารถทำธุรกรรมคืนบ้านให้ดิฉัน ไม่เช่นนั้นก็ต้องปล่อยให้ถูกขายทอดตลาดไปอีก
จริงหรือที่ทำธุรกรรมให้ที่ดินคืนกันและซื้อขายรถ ยังไม่ได้ เนื่องจากยังอยู่ในกระบวนการของศาล แต่ยังไม่มีหมายศาลสั่งอายัด
นาง ก มีคดีที่ 1 ไปค้ำประกันรถ ทำให้บ้านเดี่ยวและที่ดินราคาประเมิน 4 ล้าน ถูกยึดขายทอดตลาด แต่ตอนนี้ทำเรื่องถอนการยึดที่กรมบังคับคดีเรียบร้อยแล้ว
คดีที่ 2 ยังอยู่ในกระบวนการของศาลเกี่ยวกับโจทก์ฟ้องหมอที่อยู่ในคลีนิคของนาง ก และนาง ก ได้เซ็นรับผิดไปแล้ว ทั้งหมด 6 แสน ชำระไป 2 แสนเมื่อปลายปี 61 เหลือชำระอีก 4 แสน
ก่อนหน้านี้ นาง ก ต้องการคืนกรรมสิทธิ์ส่วนของนาง ก คืนให้ดิฉัน แต่ยังทำไม่ได้เนื่องจาก บ้านและที่ดินถูกกรมบังคับดคีอายัดไว้เหตุจากคดีที่ 1 ดิฉันจึงไปเคลียเงินกับโจทก์เพื่อจะได้ปิดคดี และเพื่อให้นาง ก ทำธุรกรรมคืนที่ดินให้ดิฉันโดยเร็วเพื่อไม่ให้ดิฉันต้องติดร่างแหไปอีก แต่ก็ไม่ทัน เพราะ
หลังจากเคลียกับโจทก์คดีที่ 1 ไปแล้ว นาง ก เพิ่งบอกว่า ตอนนี้ยังไปทำเรื่องคืนบ้านและที่ดินคืนให้ดินฉันยังไม่ได้ เนื่องจาก ยังมีอีก 1 คดีที่ยังอยู่ในกระบวนการของศาล หากมีการให้หรือคืนที่ดินกันในระหว่างที่คดีที่ 2 ยังไม่จบ จะผิดกฏหมาย ติดคุก และ คดีใหม่นี้ต้องรีบเคลียภายใน พค.62 นี้ ไม่เช่นนั้น บ้านและที่ดินที่ถอนการยึดไปแล้ว จะถูกยึดอีกครั้งหนึ่งเพราะยังมีชื่อนาง ก มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับดิฉันอยู่ ดิฉันจึงแนะนำให้นาง ก นำรถที่ไม่มีภาระอีกคันที่จอดไว้ไปขายเพื่อนำเงินมาเคลียกับโจทก์ แต่นาง ก บอกว่า ขายไม่ได้เพราะยังมีคดีอยู่ ผิดคำสั่งศาล
นาง ก ต้องการยืมเงินดิฉัน เพื่อไปเคลียกับโจทก์โดยเอารถที่ไม่มีภาระผูกพันของตัวมาค้ำประกันไว้ก่อน เมื่อได้เงินจากดิฉันไปปิดคดีแล้ว จึงจะทำการขายรถนำเงินมาคืนให้ดิฉันได้ และ ไปทำเรื่องคืนที่ดินคืนที่กรมที่ดินให้ได้ หลังจากปิดคดีที่ 2
(ทั้งหมดนี้ นาง ก กล่าวไว้กับดิฉัน แต่ดิฉันคิดว่า นาง ก มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ตั้งแต่ที่ไม่แจ้งให้ดิฉันทราบว่า หากเคลียคดีที่ 1 แล้ว ก็ยังทำธุรกรรมคืนบ้านให้ไม่ได้ ดิฉันจึ่งเกรงว่า นางก จะพูดไปเองโดยอ้างคำสั่งศาล จึงอยากเรียนถามว่า
1. ถ้านาง ก ไปทำธุรกรรมคืนที่ดินส่วนของนาง ก คืนให้ดิฉัน ในระหว่างที่คดีที่ 2 ยังอยู่ในกระบวนการของศาล จะผิดค่ำสั่งศาล หรือ ผิด กฏหมายตามที่ นาง ก บอกหรือไม่ ทั้งที่ถอนการยึดจากคดีที่ 1 ไปแล้ว)
2. นาง ก สามารถทำธุรกรรมเกี่ยวกับการซื้อ ขาย หรือ เงินติดล้อ รถของนาง ก ที่ไม่มีภาระผูกพันได้หรือไม่ (ในเมื่อยังไม่มีคำสั่งห้ามจำหน่าย จ่าย โอนทรัพย์สิน) จะได้นำเงินที่ขายได้ปิดคดี ไม่ต้องมายืมดิฉัน
3. ถ้านาง ก บอกว่า ขายรถไม่ได้ เพราะมีคำสั่งศาล แสดงว่า ต้องมีหมายศาลมาว่า ห้ามจำหน่าย ถ่าย โอน รถหรือทรัพย์สินอื่นๆก่อน ใช่หรือไม่
ดิฉันจะได้ขอดู เอกสารจากศาล
4. สมมติถ้าดิฉันให้เงินยืมไปปิดคดี ดิฉัน ให้นาง ก เซ็นเอกสารเกี่ยวกับการโอนลอยรถไว้ และ เซ็นต์หนังสือมอบอำนาจ ทด 21 เกี่ยวกับการคืนกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินไว้ก่อน พอปิดคดี ดิฉันก็ไปทำเรื่องขายรถ กับ โอนที่ดิน เอง จะพอช่วยได้หรือไม่ ทำได้หรือไม่
ดิฉันจะทำอย่างไรดี ถึงแม้จะเอารถมาค้ำประกันไว้ก็ไม่อยากให้ยืมเลย แต่ถ้าไม่ให้ยืมเงินไป คดีที่ 2 ก็ยังปิดไม่ได้ นาง ก ก็ยังไม่สามารถทำธุรกรรมคืนบ้านให้ดิฉัน ไม่เช่นนั้นก็ต้องปล่อยให้ถูกขายทอดตลาดไปอีก