ช่วงนี้กระแสของ Avengers: Endgame ช่างแรงเสียเหลือเกิน เปิดพันทิปทีไรต้องมีกระทู้ Endgame โผล่มาตลอด(สามารถพิสูจน์ได้ตอนนี้ https://ppantip.com/forum/chalermthai) เราเลยอยากจะแหวกกระแสความแรงของหนังซุเปอร์ฮีโร่สักหน่อย แล้วเข้าโรงไปดูหนังรักฟอร์มเล็กที่ตกค้างมาจากอาทิตย์ที่แล้ว นั่นก็คือเรื่อง "Five Feet Apart ขออีกฟุตให้หัวใจเราใกล้กัน"

เรื่องย่อ

    จะรักกันได้อย่างไรในเมื่อเราสัมผัสกันไม่ได้? สเตลล่า (เฮลีย์ ลู ริชาร์ดสัน) และ วิล (โคล สเปราส์) หนุ่มสาววัยสิบเจ็ดที่ตกหลุมรักกัน พวกเขาจีบกันเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แอบทำอะไรเมื่อพ้นสายตาผู้ใหญ่ แต่ความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานที่ว่าพวกเขาเป็นผู้ป่วยโรคซิสติก ไฟรโบรซิส ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเดียวกัน โดยมีกฏสำคัญว่าพวกเขาห้ามเข้าใกล้กันกว่าห้าฟุตโดยเด็ดขาด เมื่อความผูกพันระหว่างวิลและสเตลล่าเหนียวแน่นขึ้น แต่รักครั้งนี้จะสมบูรณ์แบบได้อย่างไรในเมื่อทั้งสองไม่สามารถสัมผัสกันได้ วิลและสเตลล่าจึงขอใช้ทุกวินาทีรวบรวมความเข้มแข็งในจิตใจของตัวเองเพื่อส่งผ่านความรักที่จะไม่มีวันยอมปล่อยให้ระยะทาง “5 ฟุต” เป็นอุปสรรค

รีวิว

     นี่อาจจะไม่ใช่หนังที่เพอร์เฟค 100% นะครับ เพราะมีบางช่วงที่หนังดูเรื่อยๆ ไปหน่อย แต่ปัญหาของหนังมันไม่ได้เยอะเลยครับ ทั้งเรื่องผมสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของทีมงานมากที่ใส่ใจเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของหนังมาก นี่คือหนังรักที่ดูแล้วรู้สึกบวก(Feel Good)สุดๆ ครับ ทั้งๆ ที่เนื้อเรื่องมันออกไปแนวเศร้าเลยด้วยซ้ำ แต่หนังนำเสนอออกมาได้บวกสุดๆ และให้กำลังใจตัวละคร(และคนดู)มากถึงมากที่สุด

     หนังทำให้เรารู้จักกับสเตลล่า สาวน้อยที่ป่วยเป็นโรค CF และกำลังหาทางรักษาอยู่ เธอมีเพื่อนเป็นพยาบาลที่ชื่อว่าบาร์บ มีเพื่อนชื่อโพ เธอชอบถ่าย Video Log ในห้องพักของเธอ และพอเธอได้รู้จักกับวิล หนุ่มที่ป่วยเป็นโรค CF เหมือนกับสเตลล่า เธอก็ได้สานสัมพันธ์กับเขาแบบห่างกัน 5 ฟุต จนไปถึงความสัมพันธ์ที่ห้ามไม่ได้

     หนังใช้เวลากับตัวละครทั้งสี่ค่อนข้างเยอะ และมีบทสนธนาที่ค่อนข้างเยอะ ฉะนั้นเราขอแนะนำคนที่ชอบหนังโรแมนติกเป็นชีวิตจิตใจให้หาเวลามาดูหนังเรื่องนี้ให้ได้ มากับเพื่อนหรือครอบครัวเลยยิ่งดี เพราะเป็นหนังที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยจริงๆ เนื้อหาไม่ได้เข้าใจยาก หนังอธิบายให้เรารู้จักโรค CF ผ่านบทพูดตัวละคร ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้หนังดูสนุกโดยไม่ต้องมีฉากพีค แต่มันสนุกเพราะตัวละคร(โดยเฉพาะตัวละคร"โพ") หรือใครที่ไม่ได้ชอบดูหนังโรแมนติก เราก็อยากให้เปิดใจลองไปดูหนังเรื่องนี้เหมือนเดิม เพราะเพื่อนผมที่ไปดูด้วยกันเขาก็ไม่ชอบดูหนังโรแมนติกเหมือนกัน ผมต้องเคี่ยวเข็นออดอ้อนมันนานมากกว่ามันจะมาดูด้วย และปรากฎว่ามันชอบเฉยเลย(และมีอะไรที่พีคกว่านั้นอีกนะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังท้ายรีวิว)

     ดาราเล่นดีครับ Ricardson ปล่อยของเต็มที่จริงๆ ปกติผมชอบเธอมาตั้งแต่เธอเล่น The Edge of Seventeen กับเฮลี่ย์แล้วล่ะ มาเรื่องนี้ฝีมือเธอพัฒนาขึ้นเยอะเลยครับ ส่วน Sprouse ก็เล่นดีเกินคาดเลยครับ เคมีสองคนนี้ถือว่าเข้ากันดีมาก หลายฉากที่เราก็มีอาการเขินเหมือนกันนะ555

     ดาราเด่น เนื้อเรื่องก็ไม่มีช่วงง่วงเลยครับ ผมว่าคนที่ดูหนังปกตินี่ก็ดูเรรื่องนี้สนุกได้นะ เพราะเนื้อเรื่องมันกระชับมากภายในเวลาแค่ 2 ชั่วโมง(ส่วนตัวเราเพลินกับหนังจนลืมเวลาเลย) ด้วยความที่ผมชอบดูหนังแนวนี้ด้วยมั้งครับ ทำให้ตอนดูไม่มีง่วงเลยสักนิด

     ส่วนเรื่องความเซอร์ไพร์สที่ผมได้ไปเจอมาในโรงพารากอนคือแบบนี้ครับ

     ผมกับเพื่อนผู้ชายได้ไปหาหนังดูที่พารากอน แต่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าผมจะพามันดูเรื่องนี้ พอไปถึงหน้าตู้ E-Tickets ผมรีบเลื่อนๆๆๆๆๆๆๆ หน้าจอจนเจอรอบเรื่องนี้ เป็นรอบ 22:30 น. มันหันมาพูดว่า "ไม่ดูเรื่องอื่นก่อนหรอ" ผมหันไปบอกแบบหน้าตายว่า "กูจะพาดูหนังรัก" มันก็เงียบไปสักพัก พอจองตั๋วเสร็จ ซื้อขนมเสร็จ ผมก็พามันเข้าไปดู ปกติเพื่อนผมมันไม่ชอบดูหนังรัก คือดูได้แต่อาจจะไม่ถูกจริต พอดูไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนถึงฉาก"แสงไฟของสเตลล่า" ผมก็น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มเลย แต่ไม่ร้องนะ สักพักผมก็ได้เสียง "ฟืด...ฟืด..." ข้างๆ ผม พอหันไปเท่านั้นแหละ ภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าคือ เพื่อนผมครับ มันร้องไห้แบบสะอึกสะอื้นเลย จากอารมณ์ซึ้งของผมกลับกลายเป็นขำมันแทน555 พอออกมาจากโรง ผมก็ถามมัน "ร้องไห้อ่อ" มันหันมาตอบหน้าตายมากว่า "ร้องอะไร" แต่ตานี่แดงเลยนะ เขียนไปก็ขำ555

สรุป

     อยากให้ทุกคนได้ไปดูหนังเรื่องนี้จริงๆ นะ มันเป็นหนังอีกเรื่องที่มอบรอยยิ้มให้เราทั้งเรื่องอ่ะ นานๆ ทีจะมีหนัง Feel Good แบบนี้เข้าโรงบ้านเรา ฉะนั้นถ้าใครมีเวลาว่างกับตังค์ในกระเป๋าซัก 160 บาท ผมอยากแนะนำให้ไปดูครับ #หนังดีบอกต่อ

คะแนนเฉลี่ยรวม : 9.5/10 (ผมให้ 10 เพื่อนผมให้ 9)

เรตหนัง : หนังดีที่ควรดู