เมษาหน้าร้อนนี้เพื่อนๆ คอหนังคนไหนมองหาหนังรักชุ่มฉ่ำหัวใจไว้ดูช่วงวันหยุดยาว แวะมาอ่านรีวิวภาพยนตร์เรื่อง Five Feet Apart ขออีกฟุตให้หัวใจเราใกล้กัน กับเรากันสักหน่อยจ้าาา สำหรับเรื่องนี้บอกตรงๆ แค่อ่านเรื่องย่อก็พอจะเดาออกกันแล้วใช่ไหมเอ่ยว่าหนังต้องมาแนวรักปนซึ้งแน่ๆ เลย แต่นอกจากความซึ้งที่พวกเราจะได้สัมผัสกันแล้ว ยังมีอะไรให้น่าติดตามอีกนั้น ขอเวลา 5 ฟุต เอ้ย...5นาที แล้ววาร์ปไปอ่านรีวิวเบาๆ แบบโนสปอยด้านล่างนี้กันโลดดด~

เนื้อเรื่องเปิดมาก็เป็นการปูพื้นของตัวละครหลักอย่างสเตลล่า ที่ถึงแม้จะป่วยเป็นโรคซิสติก ไฟรโบรซิส แต่ก็มีความสดใสและเข้มแข็งไม่น้อย จากนั้นเนื้อเรื่องจึงค่อยๆ ดำเนินให้เรารู้จักกับตัวละครรอบๆ ตัวสเตลล่า ซึ่งแต่ละฉากก็สอดแทรกความรู้สึกให้เรารับรู้ได้ถึงความอึดอัดจากโรคซิสติก ไฟรโบรซิสที่ไม่สามารถเข้าใกล้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ด้วยกันได้เป็นอย่างดี

ซึ่งนอกจากการสร้างความรู้สึกให้คนดูรับรู้ความอึดอัดจากโรคนี้แล้ว หนังยังได้ใส่ความรู้เกี่ยวกับโรคซิสติก ไฟรโบรซิส เข้าไปในตัวบทเป็นระยะๆ ผ่านบทของนางเอก ซึ่งการทำความเข้าใจในโรคนี้นี่แหล่ะคือแก่นหลักของเรื่องที่จะส่งบทให้เราอินกับความสัมพันธ์ระหว่างสเตลล่าและวิลมากยิ่งขึ้น จากตอนแรกที่ไม่ค่อยมั่นใจว่าคนปกติแบบเราจะเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นโรคนี้มากน้อยแค่ไหน แต่พอได้ดูจริงๆ ก็แอบอินอยู่ไม่น้อย ตรงจุดนี้ต้องยกความดีงามให้กับความสามารถทางด้านการแสดงของสองนักแสดงอย่าง เฮลีย์ ลู ริชาร์ดสัน และโคล สเปราส์ ที่ถึงแม้จะส่งผ่านความรักทางร่างกายไม่ได้ แต่สายตาที่ส่งหากันนี่บอกความรู้สึกทั้งใจไปเต็มๆ ทำเราอินจนอยากวาร์ปไปผลักทั้งสองคนให้ใกล้กันไปซะรู้แล้วรู้รอดเลย > < #บอกแล้วว่าอินมากจ้า

ตรงจุดนี้หนังเลยทำให้เราคิดต่อได้อีกว่าต่อให้มีเงินมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อสุขภาพที่ดีได้ เป็นพาร์ทที่ให้ข้อคิดได้ดีว่าคนที่กำลังลำบาก หรือใช้ชีวิตให้ลำบากกันอยู่ควรจะมีความสุขและพอใจกับชีวิตของตัวเองได้แล้ว เพราะยังมีคน (ป่วย) อีกมากมายที่อยากจะแลกแลกชีวิตของเขากับคนสุขภาพดีแบบเรา

ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะเป็นหนังรักโรแมนติก แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนดูซึ้งกับความรักของพระเอกนางเอกเพียงอย่างเดียว หนังยังมีเรื่องราวที่ทำให้คนดูต้องน้ำตาซึมกับความรักและความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิท และคนในครอบครัวอีกด้วย แต่ใช่ว่าจะเป็นหนังรักหวานซึ้งน้ำตาซึมแล้วจะต้องเศร้าไปทั้งเรื่องนะ จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ยังมีความน่ารักที่สร้างสีสันให้หนังดูสดใสอยู่หลายฉาก ไม่ว่าจะเป็นฉากจีบกันตะมุตะมิระหว่างพระเอกกับนางเอก ฉากพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนสนิท ฉากน่ารักๆ ของผู้ป่วยและพยาบาลที่ดูแล รวมถึงฉากเซอร์ไพรส์คนรักที่เรียกได้ว่าน่ารักซะจนคนดูอย่างเรายิ้มไม่หุบ ดูไปดูมาก็แอบอิจฉาปนอยากเก็บไปใช้กับคนใกล้ชิดบ้างเลยล่ะ >___<

เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ชาวพันทิปคนไหนอยากรู้ว่าเรื่องราวน่ารักปนซึ้งของหนังเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร แนะนำให้ควงแขนคนข้างกายแล้วตีตั๋วไปดูด้วยกันเลยจ้า อ่ะๆ ใครจะไปคนเดียวก็ได้นะเราไม่ติด แต่แอบเตือนว่าหลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ อาจจะคิดถึงคนข้างๆ มากเข้าไปอีกกก (ไม่ได้หมายถึงคนแปลกหน้าที่นั่งข้างๆ ในโรงหนังเด้ออออ > <)