เดินก้มหน้าน้ำตาพราก ออกมาจากโรงฉาย Five Feet Apart

ขอแชร์ความรู้สึก เล่าสู่กันฟังจากการได้ดูหนังเรื่องนี้นะคะ ไม่ใช่การรีวิวหรือให้คะแนนอะไร เป็นความรู้สึกและความเห็นส่วนตัวล้วนๆ เลย

ตอนเห็นใบปิดหนัง เดาไว้ว่าต้องเป็นหนังรักวัยรุ่น ใสๆ โรแมนติกเบาๆ โปสเตอร์หนังทำออกมาสวยมาก ไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้มาก่อน  รู้คร่าวๆ แค่ว่าพระเอกและนางเอกมีโรคประจำตัวบางอย่างที่ไม่สามารถอยู่ใกล้กันได้ แต่ชอบหนังรักและอยากดู ตีตั๋วเลือกที่นั่งริม ดูคนเดียวเลยค่ะ

ชอบความเจ้ากี้เจ้าการที่ดูมีเสน่ห์ ของนางเอกมาก แต่ที่ชอบที่สุดคือ การมองโลกในแง่ดี สดใส ไม่ยอมแพ้ ดูจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคน มันบังเอิญว่าลูกสาวของ จขกท เป็นยูทูบเบอร์น้อยๆ พอเห็นฉากที่น้องนางเอกถ่ายวีดีโอ ที่ตัวเองใส่เครื่องมือแพทย์ และ เตรียมรับการรักษาด้วยนั้น ก็เลยน้ำตาคลอขึ้นมา และที่สำคัญ ลูกสาวมีโรคประจำตัวด้านทางเดินหายใจ เวลาอาการกำเริบ คุณหมอที่โรงพยาบาลจะพาไปใส่ท่อพลาสติกคล้ายๆ แบบนั้นเลย เพื่อให้น้องหายใจได้สะดวกขึ้น เหมือนช่วยการทำงานของปอดและหลอดลม 

คุณแม่เลยน้ำตาพรากมันตั้งแต่ฉากนี้ Facepalm

ความสัมพันธ์ของพระนางในเรื่องต่างจาก Puppy Love หรือ รักใสวัยทีน ที่เคยเห็นในหนังวัยรุ่น เนื่องจากปัจจัยเรื่องโรคประจำตัวของเขาและเธอ แต่ให้ตายเถอะค่ะ มันทำให้รู้สึกว่า Love finds the way หรือ ความรักจะหาหนทางของมันจริงๆ ไม่ว่าจะมีข้อจำกัดอะไร หรือ อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน เราก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงความรักได้ โรแมนติกไปอีก

แล้วรักของสองคนนี้ยิ่งใหญ่มาก เกินกว่าระดับผิวเผิน เพราะมันเป็นรักเพื่อรัก รักเพื่อให้อีกคนได้มีชีวิตอยู่ แม้จะหมายความว่าสองคนจะไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้กัน สายตาและคำพูดของสองคนนี้คือดีทะลุเพดาน

ตอนหัวหน้าพยาบาลบอกว่าเคยมีคนไข้สองคนรักกันแบบนี้ แล้วท้ายสุดก็เสียชีวิต เลยต้องห้ามให้พระเอกนางเอกอยู่ใกล้กัน เดี๋ยวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย.. โห อันนี้สะเทือนใจเบาๆ เหมือนรู้แก่ใจว่า ถ้าเข้าใกล้กันแล้วต้องตาย แต่ก็ยังจะทำ เพราะรักกันงิ ..น้ำตาเอ่อจ้า

ฉากเดทที่นางเอกถือไม้คิวมา แล้วสองคนจับปลายไม้คนละข้าง เดินผ่านประตูกระจกนั่น คือ ทั้งน่ารัก ทั้งสะเทือนใจ น้ำตาไหลพรากออกมาอีก 

พอมานั่งคุยกันข้างสระน้ำ แล้วได้เห็น "บาดแผล" จากการรักษา ของทั้งสองคนนี่ เริ่มรู้สึกหายใจไม่ออกแล้วค่ะ ต้องยกมือปิดปากตัวเอง ไม่อยากสะอึกสะอื้นออกมา เกรงใจคนนั่งแถวเดียวกัน

จนฉากใกล้จบที่คุณพระเอกเขาวาดรูปมาให้น้อง และ To Do List ว่าจะรักนางตลอดไป คือ คำบรรยายไทยไม่ต้องนะ แต่ภาพวาดการ์ตูนบอกแทนได้เยอะมาก ฉากที่พระเอกมายืนข้างกระจกอีก

หนังเปิดและปิดด้วยการเล่าถึงความสำคัญของการสัมผัส ว่ามีความหมายและมีผลกับคนเรามากขนาดไหน และ เราอาจไม่ได้เห็นค่าจนเราไม่อาจได้รับมันจากคนที่เรารัก โอ้โห ทิชชูกี่กล่องถึงจะพอ 

แต่แล้วเราก็ยังได้เห็นพลังความสดใส คิดบวกของนางเอก ที่นางยังสู้ต่อไป เหมือนกับ ที่ความรักจะหาหนทางไปให้รอดในทุกเงื่อนไขของชีวิต แม้จะไม่มีโอกาสได้สัมผัส กอดหรือใกล้ชิดกัน แต่ความรักนั้นจะยังอยู่ในรูปแบบของมัน ในใจของพวกเขาสองคน

จริงๆ เจ้าของกระทู้ไปดูตั้งแต่ฉายรอบพิเศษเมื่อ กลางเดือนเมษายน ได้โปสเตอร์น้องโคลและตลับเมตรมา พอมีคนถามว่าหนังดีไหม ให้เล่าให้ฟังหน่อย เล่าทีไร น้ำตาคลอทุกที ไม่รู้ทำไม ผ่านมาเกือบเดือน ยังเห็นมีโรงฉายอยู่ ก็รู้สึกดีใจค่ะ แต่ไม่กล้าไปดูอีก เพราะคราวนี้ ตาบวมออกมาหนักกว่าเดิมแน่นอน
พระเอกและนางเอกนั้น แสดงได้น่ารักน่าเอ็นดู มีเสน่ห์ทั้งคู่เลยทีเดียวค่ะ น้องผู้ชายนี่พลังทำลายล้างสูงแม้จะออกมาในสภาพคนป่วย ส่วนน้องผู้หญิง รอยยิ้มน้องทำให้โลกสว่างไสว หนังถ่ายภาพได้สวยมาก เป็นหนังรักวัยรุ่นที่ "ตราตรึงใจ" เกินความคาดหมาย น้ำตาพรากแล้วพรากอีก หลายฉากจุกแน่น สะเทือนใจ 

กลับมากอดลูกสาวแน่นเลยค่ะ 

มีใครดูเรื่องนี้แล้วไม่ร้องไห้บ้างไหมคะ ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่