[By Travelling As A Couple] เด็กน้อยขึ้นเครื่องครั้งแรก….เตรียมตัวไงดี


ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่กูรู กูรู้อะไรเลย นี่คือการพาลูกขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิตเรา เตรียมตัวเยอะมากจ้า ถามจากเพื่อนๆ ที่เคยพาลูกขึ้นเครื่องกันมา แต่ละคนมอบประสบการณ์ที่น่าหวาดกลัวให้เราอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลูกอ้วกบนเครื่อง ลูกกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งไม่หยุดร้อง ตั้งแต่เครื่องขึ้นยันเครื่องลง บางคนก็บอกสบายๆ ลูกไม่ร้องเลย

เออ….. แล้วจะยังไงดี มาสรุปได้ว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะเป็นไง ก็แล้วแต่บุญกรรมที่ทำมา ใช่ไหมนะ แต่การเตรียมตัวที่ดี เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นไง ก็ดีที่สุด ก็เลยเอามาสรุปคร่าวๆ จากประสบการณ์ที่เจอมา
เราพาลูกขึ้นเครื่องครั้งแรกตอนอายุ 1 ขวบ 4 เดือน เป็นวัยกำลังไม่อยากอยู่นิ่งเลยละจ้า หึหึ เลยแบบเลือกการเดินทางแบบไม่ไกลมาก เอา 2 ชั่วโมงพอ สิงคโปร์ใกล้ๆ หยั่งเชิงลูกดูก่อนว่าจะรอดไหม

ใช้เวลาเตรียมของให้ลูก 2 อาทิตย์ล่วงหน้าเลยจ้า ของพ่อกะแม่ก็จัดมันคืนก่อนไปนั่นแหละ เมื่อก่อนแม่จะมีชุดสำรอง 1 2 3 4 แต่พอมีลูกเราเลยต้องลดสัมภาระเราลง เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ลูกแทน

สัมภาระลูกต้องครบ

แพมเพิส ชุดเปลี่ยนเผื่อเลอะ เผื่อลูกอ้วก ผ้าเปียก ผ้าอ้อม
รถเข็นอันนี้สำหรับเราสำคัญ ช่วยเซฟแรงได้เยอะ ปกติแล้วรถเข็น เราจะเข็นไปถึงแค่หน้าประตูเครื่องเท่านั้นและต้องโหลดลงใต้เครื่อง แต่เราเลือกรถเข็นที่พับได้เท่ากับสัมภาระที่เอาขึ้นเครื่องได้ และมีผ้าคลุมรถเข็นให้เรียบร้อย (เช็คขนาดก่อนขึ้นเครื่องแล้วด้วย ว่าเอาขึ้นเครื่องได้แน่นอน) ในรูปเป็นรถเข็นยี่ห้อ Looping น้ำหนักของรถเข็นประมาณ 6 กิโล ไม่ได้เบามาก แต่พอพับแล้วเท่ากระเป๋าเดินทางใบเล็ก ข้อดีของการเอารถเข็นขึ้นเครื่องได้คือ พอลงเครื่องปุ๊บ สลัดรถเข็นกางได้ใน 1 นาที ไม่ต้องรอรถเข็นที่โหลดลงเครื่องไป เห็นล้อเล็กๆแบบนี้เข็นลื่นปรื๊ดๆเลย พื้นขรุขระก็เอาอยู่ เลยเป็นอีก 1 item ที่ต้องมีสำหรับการเดินทาง

อุปกรณ์กันหนาว


ในเครื่องมันหนาว ผู้ใหญ่อย่างเราอาจจะทนได้ แต่เด็กถ้าเจอหนาวๆ อาจจะไม่สบายเอา เที่ยวไม่สนุกอีก เสื้อกันหนาว ถุงเท้า เลยเป็นสิ่งที่ต้องมี

มื้ออาหารลูก

เรื่องกินเรื่องใหญ่ เด็กแต่ละคนกินอยากง่ายไม่เหมือนกัน แล้วเราก็ไม่มีทางรู้เลยว่า ลูกเราจะกินอาหารที่สายการบินเตรียมให้ไหม เพราะฉะนั้นควรเตรียมอาหารที่ลูกเรากินได้ขึ้นไป ของเราเตรียมอาหารถุงแบบดูดๆ แล้วก็ขนม นม ที่ลูกชอบกินไปด้วย

ในรูปเป็นอาหารเด็กที่สายการบินเตรียมให้ แต่ลูกเราไม่กินซักอย่างเลยจ้า ได้อาหารถุงที่เตรียมมาช่วยชีวิตไว้ พร้อมกับขนมปังที่มาเสิร์ฟอาหารของแม่ ลองชิมอาหารของสายการบิน มันแหยะๆ ไงไม่รู้บอกไม่ถูก เราเองยังว่าไม่อร่อยเลย เตรียมอาหารไปหลายแบบหน่อย ถ้าบินยาว แต่เราบินสั้นๆ แค่ 2 ชั่วโมงเลยเตรียมไปแค่ 2 ถุง ส่วนนมนั้นตอนผ่าน security เราก็แจ้งเค้าว่าเป็นอาหารเด็ก ก็สามารถเอาขึ้นเครื่องได้ แต่ต้องในปริมาณที่เหมาะสมนะ ไม่ใช่ ไฟล์ทบิน 2 ชั่วโมง พกนมขึ่นเครื่องไป 2 โหล อันนี้ก็อาจจะไม่ผ่านเอา

เรื่องนอนเรื่องใหญ่




เรื่องกินว่าใหญ่แล้ว เรื่องนอนนี่ใหญ่กว่า การที่ลูกงอแงบนเครื่องถือว่าเป็นมหากาพย์เลยจ้า เด็กร้องเพราะง่วงนอนนี่เอาลงให้เงียบได้ยากมาก ถึงมากที่สุด เพราะฉะนั้นควรเลือกเวลาเครื่องออก ที่ใกล้เคียงกับเวลานอนลูกมากที่สุด ถ้าทำไม่ได้ แบบเราเครื่องออกตอนเช้าประมาณ 9:30 น. ก็ต้องให้เค้านอนให้เต็มที่ จะได้ไม่งอแง

สภาพในรูปนี่คือก่อนเครื่องออกมาเกือบ 2 ชั่วโมง มาตื่นตอนเครื่องออกพอดี ถ้าลูกติดตุ๊กตา หรือ หมอนเน่าก็ควรพกขึ้นเครื่องไปด้วย อย่างพี่ควินน์จะมีหมาเน่าอิเกียคู่ใจอยู่ ที่ไปไหนต้องไปด้วยกัน ก็ต้องแบกขึ้นเครื่องไปด้วยกัน เผื่อพี่เค้าจะนอนเราจะได้มีพี่หมาให้เค้ากอดไม่งอแง

ของเล่นอย่าให้ขาด


งาน Entertain เราต้องมา ของเล่นเราต้องมีพร้อม หนังสือเล่มไหน เล่มโปรดลูก ก็ควรพกไป เราเลือกของเล่นที่เค้ายังไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วเป็นสิ่งที่เค้าชอบ อย่างพี่ควินน์จะชอบเล่นรถ เล่นโมเดลสัตว์ แนะนำว่าอย่างเพิ่งเอาออกมาให้เค้าเห็นทั้งหมด ค่อยๆ หยิบออกมาตอนที่เค้างอแงทีละอย่าง จะได้พอดึงเวลาไว้ได้
ถุงขาวๆ ข้างหน้าคือของเล่นทั้งหมดที่เอาไว้ล่อหลอกลูกบนเครื่อง เพราะเป็นเด็กน้อย เราเลยได้ที่นั่งแบบ long leg เลยมีพื้นที่ข้างหน้าให้พี่ควินน์ได้นั่งเล่นแบบสบายๆ แต่ในรูปที่เห็นเป็นก่อนเครื่องออกนะ แต่พอเครื่องออกแล้วเราต้องจับเข้ามานั่งตัก ถุงของเล่นต้องเก็บไว้ที่เก็บสัมภาระเหนือหัว เพราะฉะนั้นต้องเลือกของเล่นที่แบบพีคๆ ออกมาเตรียมตัวไว้ก่อนเครื่องขึ้น

Multimedia ช่วยได้


Multimedia ช่วยได้ โหลดเพลงที่ลูกชอบฟังใน Youtube ใส่ไว้ในโทรศัพท์แบบ Offline ไว้ แล้วมาเปิดให้เค้าฟังบนเครื่อง ก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้เค้าสงบลงได้ ถ้าใครเคร่งครัดเรื่องไม่ให้ดูจอ ก็ให้ฟังแต่เสียงก็ได้ อย่างตอนเครื่องขึ้นลง หูฟังนี้ก็ช่วยได้เยอะเลย เพราะให้เค้าใส่หูฟังไว้

ความดันอากาศ

เวลาเครื่องขึ้นลงบางที ผู้ใหญ่อย่างเรายังมีปวดหูเลย แล้วจะประสาอะไรกับเด็ก ต้องมีอยู่แล้ว ถ้าเป็นเด็กเล็ก ก็มีคนบอกมาว่าให้เข้าเต้า แต่คือพี่ควินน์ไม่เข้าเต้าตั้งแต่ 2 เดือนปั๊มล้วนมาตลอดจนขวบนึง ตอนนี้ก็เลิกขวดนมแล้ว เราเลยต้องเลือกวิธีให้พี่เค้าดูดน้ำบ้าง เคี้ยวขนมบ้าง แล้วก็ฟังเพลงบ้าง ให้คลายอาการปวดหูไป
ลูกเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน



ลูกเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน ประโยคนี้เราว่าคนเป็นพ่อแม่ทุกคนจะได้ยินบ่อยๆ มันเป็นสิ่งที่เราควรเอามาเตือนใจตัวเอง เวลาที่เราพาลูกออกไปสู่สังคมภายนอก ถ้าลูกเราไปรบกวนคนอื่น ก็อาจจะต้องหาวิธีมาป้องกัน หรือว่ารู้จักที่จะขอโทษ

เราเป็นแม่คนนึง เข้าใจว่าเด็กควบคุมไม่ได้ แต่เราก็สามารถที่จะพยายามแก้ไข เบี่ยงเบนความสนใจ และบรรเทาให้มันดีขึ้นได้ และรู้จักเอ่ยคำว่าขอโทษ ถ้ามันเป็นการไปรบกวนสังคมรอบข้าง ยิ่งเวลาขึ้นเครื่องในที่แคบๆ ไม่ใช่เวลาที่จะมาฝึกลูก ปล่อยให้ลูกร้องไปเหอะ เดี๋ยวก็เงียบ อันนี้ไม่แนะนำจากใจจริง เด็กร้องไห้นานๆ คนเป็นพ่อเป็นแม่ยังจะประสาทเสียเลย แล้วคนอื่นจะเป็นยังไง

ขากลับมีตอนที่ลูกเราร้องแปปนึง แต่ไม่นานแค่ 1-2 นาที สิ่งที่เราทำคือเบียงเบนความสนใจ หาของเล่นให้เค้าเล่น แล้วพยายามทำให้เค้าสงบเร็วที่สุด เข้าใจว่ายาก แต่ถ้าเราลองพยายามแล้ว และคนรอบข้างเห็น เค้าจะเข้าใจเราเอง ควบคุมให้ลูกเล่นอยู่ในโซนของเรา ไม่ให้ไปวิ่งข้างนอก ในพื้นที่คนอื่น
การขึ้นเครื่องครั้งแรกสำหรับพี่ควินน์ ไม่ถือว่าเลวร้ายมาก นางไม่งอแงเท่าไหร่ มีโวยวายนิดหน่อยตอนเครื่องขึ้นลง ที่ต้องนั่งอยู่เฉยๆ บนตักแม่นานๆ แต่ของเล่นที่เตรียมมาก็เอาอยู่ ขากลับมามีร้องไห้นิดหน่อย เพราะว่าง่วง แต่พี่หมาเน่าก็เข้ามาช่วงให้พี่ควินน์เค้าสงบลงอย่างรวดเร็ว

ลูกให้ความร่วมมือกับแม่แบบนี้ทำให้แม่ใจชื้น อยากจะหาทริปต่อไปในทันที ทริปหน้าไปไหนดีนะ ที่เหมาะกับเด็กน้อย
สำหรับเราเลยคิดว่าการเตรียมตัวก่อนที่จะพาลูกขึ้นเครื่องเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม แต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน วิธีการของเราอาจจะเป็นแค่แนวทางที่เราใช้กับบ้านเรา แต่คนเป็นพ่อแม่เป็นคนที่รู้จักลูกมากที่สุด ลองเอาวิธีเราไปปรับใช้ได้นะ ไม่หวง



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่