ประสบการณ์นั่งเครื่อง 12 ชมกับลูกน้อยวัยเตาะแตะครั้งแรก (+รายละเอียดที่สำคัญ) แบบ no screen

แม่จะมาเล่าประสบการณ์และข้อมูลต่างๆ ของแม่ที่ต้องเดินทางไกล 12 ชม ครั้งแรกกับลูกอายุ 10 เดือน วัยกำลังเดินคะ  ว่าด้วยแม่อยากพาลูกไปหาปู่กับย่าก่อนอายุ 1 ขวบ แม่ค้นนี้หาข้อมูลทั้งไทยและเทศ เตรียมความพร้อมภายใน 2 อาทิตย์ เพราะบินกระทันหันหลังจากได้พาสปอรต์เยอรมันลูก ก็จองตั๋วเลย ราคาตั๋วถ้าจองผ่าน skyscanner จะคิด infant อายุตำกว่า 2 ขวบเป็นราคาเต็มเลยคะ เลยต้องจองกับเว็บสายการบินโดยตรงโ จากนั้นโทรหาออฟฟิตสายการบินเรื่องอาหารเพราะแม่และลูกเป็นมังสวิรัต จองเตียงเด็ก (หลายสายการบินให้ใช้ได้กับเด็กอายุไม่เกิน 8 เดือนเท่านั้นคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โทรถามดีกว่าคะ บางที่ฟรี บางที่เสียเงินคะ) ส่วนสายการที่แม่บินไปคือ Swiss ไม่ได้คะ จากนั้นเป็นเรื่องนมแม่ พกได้เท่าไร ต้องแช่ฟรีสอย่างเดียวใช่เปล่า เอาน้ำแข็งแห้ง/เจลน้ำแข็ง/น้ำแข็ง ขึ้นเครื่องได้มั้ย  ต่อมาแม่ก็เตรียมกิจกรรมเล่นกับลูกบนเครื่อง ปกติแม่ไม่ค่อยซื้อของเล่น เพราะลูกไม่เล่น แต่ทริปนี้แม่ซื้อหนังสือนิ้วมือ หนังสือที่มีลูกเล่น มีขนนุ่ม และแข็งๆ ปากกาด้ามใหญ่ หูฟัง ขวดน้ำ  ส่วนของกินแม่พกพวกแครกเกอร์ไร้น้ำตาล ข้าวพองรสจืด ขนมปังแผ่น (ของเล่นทุกชิ้นน้องยังไม่เคยเห็นคะ ไปเซอร์ไพรสบนเครื่องคะ)

คำถามแรกที่เป็นกังวัลกับพ่อแม่หรือผู้ปกครองทั้งหลายก็คือ เสียงร้องอาจเพราะการเจ็บหูหรือร้องเพราะเรื่องอื่นๆ ที่จะรบกวนผู้โดยสารท่านอื่นๆ  พ่อแม่อย่างเราสามารถเตรียมความพร้อมได้จากการหาข้อมูล หาของเล่น ขนม ของกิน ที่เราจะพกขึ้นเครื่องไปด้วย น้องหมอ (น้องสาวของแม่)บอกว่าให้น้องกลืนน้ำลายบ่อยๆ จากการจุกหลอก ดูดนม หรือเคี้ยวอาหาร เพื่อลดอาการเจ็บได้บ้าง พ่ออยากวางยาลูก (ดูแล้วน่ากลัว ก็น่ากลัวจริงแหละ น้องหมอไม่แนะนำเลย ถ้าจะทำจริงๆ ก็มียาแก้แพ้เป็นตัวเลือก) แต่อิแม่กลัวลูกจะเจอผลข้างเคียง แม่ไม่ให้ลูกใช้ยาใดๆ อีกเรื่องคือตอนเครื่องไต่ระดับขึ้นลงเพื่อไม่ให้น้องตกใจ น้องหมอแนะให้กอดน้องแน่นๆ ทั้งเครื่องขึ้นและลง (คิดในใจลูกไม่เคยอยุ่นิ่งเกิน 2 วิ อิแม่จะทำได้มั้ย) ปรากฎว่าได้ เพราะด้วยกฎของสายการบินที่ต้องรัดเข็มขัดลูกน้อยติดกับแม่ด้วยแหละ ทำให้แม่ได้กอดลูกแน่นๆ แม่ชอบทีสุด กอดจดสัญญาณรัดเข็มขัดดับลง ดูอาการลูกไม่เห็นจะตกใจอะไรเบย ผ่านไปได้แบบโอเคดี

อีกอย่างหนึงที่แม่ๆ สายเลี้ยงด้วยนมแม่กังวลคือการพกนมแม่ขึ้นเครื่อง ผ่านเครื่องสแกน security สนามบิน อิแม่กังวลมากเลยคะ  แม่ไม่อยากทิ้งนมแม่แต่นิดเดียว แม่ต้องพกนมที่ปั้มไปด้วย 4-5 ถุง แม่เช็คล่วงหน้าแล้วทั้งกับทางสายการบิน และสนามบินสุวรรณภูมิ สายการบินเครือ lufthansa บอกว่าพกเท่าไรก็ได้ตามที่น้องกิน ส่วนสนามบินบอกว่าไม่เกิน 1000มล และแบ่งเป็นถุงไม่เกิน 100มล หรือ 4 ออน  แล้วอิแม่มีมั้ยละถุงนม 4 ออน ไม่มีหรอก แต่แม่ใส่ถุง6 ออนที่แม่มี ใส่ไม่เต็ม แล้วก็วางเรียงเป็นชั้นๆ พกน้ำแข็งเจลรูปทรงแบนๆคล้ายถุงนม ใส่กระเป๋าเก็บอุณหภูมิ วินาที่นั้นก็มาถึง...แต๊นๆๆๆๆๆ คือกระเป๋าผ่านชลุยเลย และก็มีนมที่อยุ่ในขวดนมลูก เพราะกินไม่หมดก็ผ่านค๊าา   ความกังวลด้านนมแม่หมดไปแล้วหนึ่ง   (นมที่ปั้มเพิ่มเติมระหว่างเดินทางสามารถฝากแอร์แชร์ได้นะคะ) 

ต่อมาเป็นด่านตม. ขาออก  มีตั๋ว business เจ้าหน้าที่เลยบอกให้ไป ช่อง priority ประตู 3  ซึ่งแบบเดินใกล้หน่อยจากเคาวเตอร์เช็คอิน แต่ว่าาาาาาา ไม่มีคนเลยค๊าาา   แม่วางแผนเดินทางไปสนามบินก่อนตั้ง 3 ชม   ถ้าช่องทั่วไปในช่วงที่แม่บินเดือน กค 65 ที่ผ่านมาก็ถือว่าคนเยอะอยุ่นะคะ น่าจะเผื่อเวลาดีกว่าคะ  ถีงเคาเตอร์แม่ก็ยื่นพาสของเราทั้งสองให้เจ้าหน้าที่ แล้วก็ต้องยื่นใบเกิดด้วยคะ เจ้าหน้าที่ขอดู เจ้าหน้าที่เช็คอยุ่สักพักประมาณ 3-4 นาที ต่อมาก็ถอดหน้ากากถ่ายรูปและสแกนนิ้วมือแม่ และก็ถ่ายรูปน้อง เป็นอันเสร็จไปอีกหนึ่ง

เรามีเวลาเหลือเกือบ2ชม เราก็ไปอยุ่เลาวน์ของสายการบิน กินไปกินมา เล่นไปเล่นมา น้องก็หลับ ช่วงที่เราต้องขึ้นเครื่องพอดีเลย เพราะเลยเวลานอนกลางวันมา2-3 ชม  แม่ก็อุ้มขึ้นเครื่องอย่างหลับๆ ห่อตัวด้วยผ้าห่มสุดที่รัก ได้ปิดแสงไม่ให้เข้าตาด้วย แม่เดินพลางวิ่ง ขึ้นเครื่องสักพักก็ตื่น  ตื่นมาพร้อมกับความงงงวยว่าหนูอยุ่ไหนอะแม่  คราวนี้อิแม่ก็พยายามทำไงก็ได้ให้ลูกหลับต่อ ด้วยการเขย่าเบาๆ  ลูกหลับต่อสักพัก  จนแอร์มาแนะนำการรัดเข็มขัดให้ลูก แอร์ก็ช่วยอย่างดิบดี  ลูกก็ยังหลับ ตื่นอีกที่ตอนเครื่องขึ้นแล้วสักพัก 

พอมาต่อเครื่องที่ Zurich  ความกังวลอิแม่กลับมาอีกแล้วเรื่องเดิมเลย แล้วตอนนี้แม่ก็มีนมที่ไม่ได้แช่แข็งอีกต่างหาก 2 ถุง บวกกับที่พกมาละลายยังไม่หมดอีก 3 ถุง และก็นมในขวด 5-7 ออน =2 ขวด   ลูกไม่ค่อยกินเลย ไม่รู้ทำไมคะ แม้แม่คอยเสนอทุกชมเลย ช่วงรอต่อคิวผ่านเครื่องสแกน อีแม่เดินสำรวจ โป๊ะเช๊ะ มีครอบครัวที่พกนมแม่แบบเราด้วยก่อนหน้าเราที่เดินผ่านเครื่องสแกนร่างกายไปแล้ว อิแม่เดินสแกนตาม และเข้าไปถามเลยว่า ไม่ต้องทิ้งนมใช่มั้ย โอ้แม่เจ้า แม่โล่งอกไปแล้วหนึ่ง ไม่ต้องทิ้งนมใดๆ แต่ต้องเอานมในขวดไปสแกนในเครื่อง เครื่องสแกนนม เกิดมาไม่รู้ว่ามันมีอยุ่ หรือว่ามันสแกนอย่างอื่นได้ด้วยไม่แน่ใจนะ เอาเป็นว่าผ่านไปได้ด้วยดี

เอาละต่อเครื่องอีก ชม ก็ถึงที่หมายแล้ว อิแม่คิดในใจ มันไม่ใช่นิ เราต้องนั่งรถไปบ้านปู่กับย่าอีก 2.5 ชม  เที่ยวบินรอบนี้นี้นั่งแบบ economy แต่มีที่วางช่องกลางให้ เพิ่มเติมคือมีของเล่นให้หนึ่งชื้น ส่วนพ่อซื้อตั๋วแบบ economy เพื่อประหยัดเงิน แม่ก็ให้พ่อช่วยดูลูกเวลาที่ต้องปั้มนม ก็ไปนั่งที่ของพ่อแทน

ตอนเช็คอินโหลดกระเป๋า
ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่สนามบิน มีน้ำใจมากจริงๆคะ ที่หาที่นั่งให้เรากับลูก แบบนั่งเดี่ยว เพราะ business มีทั้งแบบนั่งคู่ และเดี่ยว แบบไม่ไกลห้องน้ำ แล้วก็หาที่นั่งให้พ่ออยู่ใกล้โซนแม่ที่สุด ใช่เวลาสักพัก 

กระเป๋าขึ้นเครื่องก็มีแต่ของลูก เจ้าหน้าที่ถามว่าจะโหลดใต้เครื่องมั้ย (เค้าคงคิดว่ามันใหญ่อยุ่นะแม่)  แม่บอกของลูกที่จำเป็นและอาจต้องใช้ทั้งนั้นคะ มันสำคัญคะคุณค๊า   ทางสายการบินมีบริการโหลดรถเข็นได้ น่าจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มคะ แม่ไม่ได้เอาไป ไม่แน่ใจ

ของในกระเป๋ามีอะไรบ้าง  =ของเล่นที่เขียนไปก่อนหน้า  ขนมของกินแม่และลูก (เหลือเยอะเพราะสายการบินก็มีอาหารและขนมเลี้ยงเกือบตลอดเบย) เสื้อผ้าลูกกันหนาว อันนี้จำเป็นมากเลยคะแม่ (ทั้งๆ ที่แม่บินไปช่วงหน้าร้อน อย่างน้อยตั้งใส่ 2-3 ชั้นและมีถุงเท้า เริ่มหนาวตั้งแต่อยุ่สนามบิน และก็เสื้อผ้าเผื่อเปลี่ยนบนเเครื่อง เพราะอาจกินหกเลอะ เเพมเพิสเอาไปเกินจำเป็น กระเป๋าของใช้พวกแปรงสีฟัน ครีมทาจมูกลูก(เป็นมอยเจอไรเซอร์เข้มข้นทั่วไป หรือวาสลีนก็ได้คะ) กันแห้งอันนี้สำคัญอีกหนึ่งคะแม่ เพราะอากาศข้างบนมันแห็งและเย็น แม่ซื้อบาล์มหัวหอมเพิ่มเติมด้วย ทาให้ลูกสองสามครั้ง ลูกไม่มีอากาศจมูกแห้งหรือขัดจมูกเลยคะ  

มาถึงเรื่องของเล่นที่แม่เตรียมไป  น้องชอบหนังสือที่เสียบนิ้วได้ เล่นกับชิ้นนี้อยุ่นาน รองลงมาเป็นหนังสือภาพสีสันสดใส เบื่อก็เปลี่ยนชิ้นแล้วค่อยกลับมาเล่นใหม่ ต่อมาเป็นขนมขมเคี้ยว ปากกา กระเป๋าตัง แล้วก็โผวหน้าไปเล่นกับผู้โดยสารข้างหลัง เอาของเล่นไปให้เขาบ้างละ ส่วนลุงก็ใจดีเล่นด้วย แม่หายห่วง   แม่พาน้องเดินบ้างไม่บ่อย 

อาหารการกินบนเครื่องสำหรับลูกน้อยจะมีเป็นแบบซองสำเร็จรูปอย่างเดียวแบบฝาเกรียวคะ  แม่ก็เตรียมมันนึ่งผลไม้ให้ลูกอยู่ แต่พอดีลูกกินของสายการบินได้ ก็ไม่เป็นไร แม่เตรียมทุกอย่างเพื่อเผื่อ (คนเป็นแม่ก็งี้ล่ะ)  แม่พกทิชชูไปเผื่ิอไว้ในลูกดึงเล่านด้วยละ เพราะลูกชอบ แต่เอาจริงไม่ได้ใช้ ทุกอย่างดูราบรื่นเหลือความคาดหมายมาก

การนอนบนเครื่อง ชั้น business มีที่ไม่อึดอัด และมีที่เก็บของจุกจิกเยอะมาก น้องนอนอยุ่ข้างแม่ แม่ก็ใช้ผ้าห่มและหมอนที่สายการบินมีให้และปูให้นอน  แต่ไม่นอนหรอก ห่วงเล่น ตื่นสถานที่ ก็งี้ละ แต่มีเรื่องที่ตามมาคือง้อแงที่ไม่ได้นอน 

มีปัญหาอยุ่อย่างหนึ่งคือลูกไม่นอน ต้องพาเดินเพื่อสงบจิตสงบใจ เพราะน่าจะตื่นเต้น และบินช่วงกลางวันด้วยละ ชั้น business สว่างตลอด ไม่เหมือนชึ้น economy มืดมาก  น้องชอบนอนที่มืด เลยมีอาการร้องล่ะ ไม่อยากนอน แต่ต้องนอน เพราะเลยเวลานอนมามากแล้ว ร้องอยุ่ 2-3 นาทีก็หลับ  ช่วงพีคก็มีแค่นี้เอง ส่วนอีแม่ก็ไม่ได้นอน พอลูกหลับก็ดูหนัง กินขนมไป ดูได้เกือบจบแหนะ ดีใจได้พักอยุ่นะ 


มันก็จะยาวๆ หน่อยนะคะ  อยากใส่รายละเอียดให้เยอะที่สุด
ยินดีตอบคำถามแม่ๆ พ่อๆ ผู้ปกครองที่ต้องเดินทางกับเด็กน้อยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่