สวัสดีครับ สืบเนื่องจากกระทู้บ่นๆเรื่องเด็กร้องงอแงบนเครื่องบินกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/30602920
ผมก็ได้เอาไป post ในเพจที่มีคุณพ่อคุณแม่อยู่เยอะ มีการแสดงความคิดเห็นมาหลากหลาย วันนี้เลยมานำเสนอข้อมูลการเตรียมตัว เพราะปัญหาทุกอย่างต้องมีทางออกสิครับ จริงมั้ย??? การพาเจ้าตัวเล็กขึ้นเครื่องบินก็เหมือนกันทางออกก็ต้องมี ว่าจะทำอย่างไรให้การเดินทางง่ายและสะดวกสบายทั้งต่อคุณพ่อคุณแม่และเจ้าตัวเล็กของเราที่สุด คงต้องยอมรับว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินกับเด็กเล็กๆไม่ใช่เรื่องสนุกเท่าไหร่แต่ก็คงมีหลายๆครั้งที่มีความจำเป็นต้องพาเค้าไปจริงๆ การเตรียมตัวและคาดเดาล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้างเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้การเดินทางราบรื่น
เรามาเริ่มตามลำดับตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบินกันเลย
1. ถ้าสามารถเลือกได้ให้เลือก flight กลางคืน ที่ตรงกับเวลานอนของลูกพอดี จะช่วยได้มาก เพราะเด็กจะหลับง่ายกว่าในช่วงเวลาอื่นๆ
โดยเฉพาะถ้าเป็น flight ไกลๆ ระหว่างประเทศ
2. การเลือกที่นั่ง ถ้าสามารถเลือกได้ ให้เลือกที่นั่งในชั้นที่คนไม่พลุกพล่านแออัดมาก เช่น business/first class เด็กจะไม่ตื่นคน
และมีพื้นที่ในการเดินการขยับตัวมากกว่า ถ้าเลือกนั่งในชั้นประหยัด ให้เลือกที่นั่งด้านหน้าสุดที่จะมีพื้นที่ขามากกว่าสำหรับการขยับตัว หรือการใช้พื้นที่ว่างนั้นในการเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือเตรียมนม และไม่ต้องกังวลว่าลูกจะไปถีบเบาะคนข้างหน้ารึป่าว(อีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่คนบ่นกันบ่อยๆ)
แล้วจำเป็นต้องซื้อตั๋วสำหรับเด็กมั้ย??? อันนี้คงต้องตามแต่ละสายการบินนะครับ บางสายการบินให้เด็กแบเบาะนั่งตักผู้ดูแลได้1คน ฟรี
บางสายการบินคิดราคาพิเศษ ต้องลองแจ้งว่าจะเดินทางกับเด็กอายุเท่าไหร่ ต้องซื้อตั๋วหรือไม่?
ถ้าต้องซื้อตั๋วสายการบินส่วนใหญ่สามารถให้ใช้ car seat ได้ ก็เอาขึ้นไปเลยครับแล้วรัดกับเก้าอี้ปกติจะช่วยให้คุณแม่สบายขึ้นไม่ต้องอุ้มเค้าบนตักตลอดทั้ง flight
3.เตรียมพร้อมอุปกรณ์ทุกสิ่งอย่างที่จำเป็น อันที่จริงคือเตรียมให้เหลือไว้ก่อน ทั้ง แพมเพอร์ส เสื้อผ้าสำรอง ผ้าอ้อมเปียกสำหรับทำความสะอาด ถุงพลาสติกใส่ของเปียก ขวดนมในกรณีที่ให้กินนมขวด (สามารถขอความช่วยเหลือจากพนักงานบนเครื่องบินได้ถ้าต้องการน้ำอุ่นชงนมนะครับ) จุกนมหลอก ขนมต่างๆเช่นอมยิ้ม ลูกอม(ดูตามอายุนะครับ เด็กเล็กมากห้ามให้ลูกอม ติดคอนะ!!!!)
ของเล่นต่างๆที่เอาไว้หลอกล่อลูกตามอายุ จะ iPad,iPhone สีไม้ สีเทียน สมุดวาดรูป หุ่นยนต์ ตุ๊กตาอะไรเตรียมไปให้พร้อมครับ มีคำแนะนำให้ซื้อของเล่นใหม่ๆที่ลูกยังไม่เคยเห็นไปด้วย
แล้วเอาขึ้นมาตอนอยู่บนเครื่อง หรือตอนที่เริ่มงอแง เด็กจะตื่นเต้นดีใจกับของใหม่แล้วอยู่นิ่งได้นานขึ้น
4.เตรียมการแต่งตัวให้อบอุ่นเพียงพอ ตอนอยู่ที่สนามบินอาจจะอบๆหน่อยแต่พอขึ้นเครื่องยิ่งถ้าเป็น flight ยาวๆอากาศจะเย็นเกินไปเด็กจะรู้สึกไม่สบายตัว ดังนั้นก่อนขึ้นเครื่องใส่เสื้อผ้าให้ลูกหลายชั้นหน่อย
แล้วอย่าลืมเตรียมผ้าห่มส่วนตัวไป ถ้าลูกติดผ้าห่มเน่า หมีเน่า ปลาเน่า (ตุ๊กตานะครับเด็กทุกคนน่าจะมี ตอนเด็กๆผมติดปลาเน่าตัวนึง จนแม่ต้องบอกว่าเอามันไปปล่อยทะเลแล้ว5555+)
ก็เอาขึ้นไปด้วย กลิ่นและสัมผัสที่คุ้นเคยจะทำให้เค้ารู้สึกปลอดภัยและสงบมากขึ้น
5.เมื่ออยู่บนเครื่องทำอย่างไรให้เด็กสงบ??? ปัญหาที่ทำให้เด็กงอแงบนเครื่องจะมี 2-3 อย่าง คือ
- เด็กไม่สบายตัว หูอื้อ แน่นจมูกจากการที่ความดันอากาศเปลี่ยน แนะนำให้ให้นมช่วงเครื่องขึ้นและเครื่องลงเป็นการปรับความดันทำให้หูไม่อื้อ และระหว่างทางก็ให้ดูดหัวนมหลอกหรืออมยิ้มเค้าจะได้กลืนน้ำลายเพื่อปรับความดันได้ครับ
- เด็กตื่นเต้น ตื่นคน วิธีการดูแลคือสร้างความคุ้นเคยให้เด็ก เมื่อมีโอกาสอุ้มลูกเดินบนเครื่องบินซักรอบ2รอบให้เค้าคุ้นเคยกับสถานที่กับคน
- เด็กเบื่อ อันนี้เรื่องใหญ่เลยครับลองคิดดูผู้ใหญ่อย่างเรานั่ง flight ยาวๆก็เบื่อแล้ว แล้วเด็กล่ะจะไม่เบื่อได้ยังไง ข้อนี้แก้ได้ด้วยของเล่นต่างๆที่พ่อแม่เตรียมไว้อย่างดี สรรหาออกมาเล่นครับ เล่นของเล่นเล่นเกมส์จ๊ะเอ๋ ให้กินขนมกินโน่นกินนี่ที่ปกติไม่อนุญาตให้เด็กกิน (อันนี้ช่วยได้นะครับ) เด็กจะรู้สึกสนุกมากขึ้นและงอแงน้อยลง
นอกจากนี้ยังแนะนำให้เด็กเล่นสนุกให้เต็มที่ก่อนขึ้นเครื่องจะช่วยให้หมดแรงและหลับง่ายขึ้นบนเครื่องครับ
6. สุดท้ายแล้วเมื่อเอาไม่อยู่จริงๆ ลูกร้องงอแงตลอดทำยังไงดี ทีนี้คงเครียดกันบ้างแล้วละครับ มีจิตวิทยาอันนึงบอกว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่ยิ่งกระวนกระวายใจกับการร้องของลูก ลูกก็ยิ่งร้องไม่หยุดดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือสงบเข้าไว้ มีสติคอยปลอย อุ้มเดินหาอะไรให้กินให้ทำ อย่าสติแตกตามลุกหรือโวยวายดุจะยิ่งไปกันใหญ่(แน่นอน!!!!)แต่ควรจะแสดงออกให้เห็นว่าได้พยายามทำให้ลูกสงบแล้ว
ผู้โดยสารคนอื่นจะรู้สึกดีกว่าที่ไม่เห็นคุณพ่อคุณแม่พยายามทำอะไรเลย
มีคำแนะนำขำๆ(แต่อาจจะทำได้จริง)ว่า ให้ติด earplug แบบโฟมไว้กับตัวซัก 4-5 คู่ ไม่ได้อุดหูตัวเองตอนลูกร้องนะครับ แต่ยื่นให้ผู้โดยสารที่นั่งติดๆกัน ด้วยยิ้มละไม แสดงความห่วงใยเล็กน้อยเมื่อลูกร้องงอแงไม่หยุดอาจจะช่วยลดความขุ่นข้องหมองใจกันไปได้บ้าง
ป.ล. สำหรับตัวช่วยเรื่องยา จริงๆก็มีประโยชน์มาก เพราะยาในกลุ่ม antihistamine หรือยาแก้แพ้พวก CPM/Actifed นอกจากช่วยให้ไม่แน่นจมูกไม่หูอื้อแล้ว ยังทำให้เด็กสงบ/หลับได้ด้วย
อย่างไรก็ตามยาทุกชนิดมีข้อบ่งชี้มีผลข้างเคียง ปรึกษาหมอเด็กก่อนใช้ละกันนนะครับ (เอาจริงๆ เราคงไม่อยากมอมมยาลูกเราอะนะใช่มั้ยครับ)
หวังว่าบทความนี้ จะเป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวก่อนพาลูกน้อยขึ้นเครื่องบินในครั้งต่อไปครับ
ขึ้นเครื่องบินพร้อมเจ้าตัวเล็กอย่างไรให้หายห่วง
ผมก็ได้เอาไป post ในเพจที่มีคุณพ่อคุณแม่อยู่เยอะ มีการแสดงความคิดเห็นมาหลากหลาย วันนี้เลยมานำเสนอข้อมูลการเตรียมตัว เพราะปัญหาทุกอย่างต้องมีทางออกสิครับ จริงมั้ย??? การพาเจ้าตัวเล็กขึ้นเครื่องบินก็เหมือนกันทางออกก็ต้องมี ว่าจะทำอย่างไรให้การเดินทางง่ายและสะดวกสบายทั้งต่อคุณพ่อคุณแม่และเจ้าตัวเล็กของเราที่สุด คงต้องยอมรับว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินกับเด็กเล็กๆไม่ใช่เรื่องสนุกเท่าไหร่แต่ก็คงมีหลายๆครั้งที่มีความจำเป็นต้องพาเค้าไปจริงๆ การเตรียมตัวและคาดเดาล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้างเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้การเดินทางราบรื่น
เรามาเริ่มตามลำดับตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบินกันเลย
1. ถ้าสามารถเลือกได้ให้เลือก flight กลางคืน ที่ตรงกับเวลานอนของลูกพอดี จะช่วยได้มาก เพราะเด็กจะหลับง่ายกว่าในช่วงเวลาอื่นๆ
โดยเฉพาะถ้าเป็น flight ไกลๆ ระหว่างประเทศ
2. การเลือกที่นั่ง ถ้าสามารถเลือกได้ ให้เลือกที่นั่งในชั้นที่คนไม่พลุกพล่านแออัดมาก เช่น business/first class เด็กจะไม่ตื่นคน
และมีพื้นที่ในการเดินการขยับตัวมากกว่า ถ้าเลือกนั่งในชั้นประหยัด ให้เลือกที่นั่งด้านหน้าสุดที่จะมีพื้นที่ขามากกว่าสำหรับการขยับตัว หรือการใช้พื้นที่ว่างนั้นในการเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือเตรียมนม และไม่ต้องกังวลว่าลูกจะไปถีบเบาะคนข้างหน้ารึป่าว(อีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่คนบ่นกันบ่อยๆ)
แล้วจำเป็นต้องซื้อตั๋วสำหรับเด็กมั้ย??? อันนี้คงต้องตามแต่ละสายการบินนะครับ บางสายการบินให้เด็กแบเบาะนั่งตักผู้ดูแลได้1คน ฟรี
บางสายการบินคิดราคาพิเศษ ต้องลองแจ้งว่าจะเดินทางกับเด็กอายุเท่าไหร่ ต้องซื้อตั๋วหรือไม่?
ถ้าต้องซื้อตั๋วสายการบินส่วนใหญ่สามารถให้ใช้ car seat ได้ ก็เอาขึ้นไปเลยครับแล้วรัดกับเก้าอี้ปกติจะช่วยให้คุณแม่สบายขึ้นไม่ต้องอุ้มเค้าบนตักตลอดทั้ง flight
3.เตรียมพร้อมอุปกรณ์ทุกสิ่งอย่างที่จำเป็น อันที่จริงคือเตรียมให้เหลือไว้ก่อน ทั้ง แพมเพอร์ส เสื้อผ้าสำรอง ผ้าอ้อมเปียกสำหรับทำความสะอาด ถุงพลาสติกใส่ของเปียก ขวดนมในกรณีที่ให้กินนมขวด (สามารถขอความช่วยเหลือจากพนักงานบนเครื่องบินได้ถ้าต้องการน้ำอุ่นชงนมนะครับ) จุกนมหลอก ขนมต่างๆเช่นอมยิ้ม ลูกอม(ดูตามอายุนะครับ เด็กเล็กมากห้ามให้ลูกอม ติดคอนะ!!!!)
ของเล่นต่างๆที่เอาไว้หลอกล่อลูกตามอายุ จะ iPad,iPhone สีไม้ สีเทียน สมุดวาดรูป หุ่นยนต์ ตุ๊กตาอะไรเตรียมไปให้พร้อมครับ มีคำแนะนำให้ซื้อของเล่นใหม่ๆที่ลูกยังไม่เคยเห็นไปด้วย
แล้วเอาขึ้นมาตอนอยู่บนเครื่อง หรือตอนที่เริ่มงอแง เด็กจะตื่นเต้นดีใจกับของใหม่แล้วอยู่นิ่งได้นานขึ้น
4.เตรียมการแต่งตัวให้อบอุ่นเพียงพอ ตอนอยู่ที่สนามบินอาจจะอบๆหน่อยแต่พอขึ้นเครื่องยิ่งถ้าเป็น flight ยาวๆอากาศจะเย็นเกินไปเด็กจะรู้สึกไม่สบายตัว ดังนั้นก่อนขึ้นเครื่องใส่เสื้อผ้าให้ลูกหลายชั้นหน่อย
แล้วอย่าลืมเตรียมผ้าห่มส่วนตัวไป ถ้าลูกติดผ้าห่มเน่า หมีเน่า ปลาเน่า (ตุ๊กตานะครับเด็กทุกคนน่าจะมี ตอนเด็กๆผมติดปลาเน่าตัวนึง จนแม่ต้องบอกว่าเอามันไปปล่อยทะเลแล้ว5555+)
ก็เอาขึ้นไปด้วย กลิ่นและสัมผัสที่คุ้นเคยจะทำให้เค้ารู้สึกปลอดภัยและสงบมากขึ้น
5.เมื่ออยู่บนเครื่องทำอย่างไรให้เด็กสงบ??? ปัญหาที่ทำให้เด็กงอแงบนเครื่องจะมี 2-3 อย่าง คือ
- เด็กไม่สบายตัว หูอื้อ แน่นจมูกจากการที่ความดันอากาศเปลี่ยน แนะนำให้ให้นมช่วงเครื่องขึ้นและเครื่องลงเป็นการปรับความดันทำให้หูไม่อื้อ และระหว่างทางก็ให้ดูดหัวนมหลอกหรืออมยิ้มเค้าจะได้กลืนน้ำลายเพื่อปรับความดันได้ครับ
- เด็กตื่นเต้น ตื่นคน วิธีการดูแลคือสร้างความคุ้นเคยให้เด็ก เมื่อมีโอกาสอุ้มลูกเดินบนเครื่องบินซักรอบ2รอบให้เค้าคุ้นเคยกับสถานที่กับคน
- เด็กเบื่อ อันนี้เรื่องใหญ่เลยครับลองคิดดูผู้ใหญ่อย่างเรานั่ง flight ยาวๆก็เบื่อแล้ว แล้วเด็กล่ะจะไม่เบื่อได้ยังไง ข้อนี้แก้ได้ด้วยของเล่นต่างๆที่พ่อแม่เตรียมไว้อย่างดี สรรหาออกมาเล่นครับ เล่นของเล่นเล่นเกมส์จ๊ะเอ๋ ให้กินขนมกินโน่นกินนี่ที่ปกติไม่อนุญาตให้เด็กกิน (อันนี้ช่วยได้นะครับ) เด็กจะรู้สึกสนุกมากขึ้นและงอแงน้อยลง
นอกจากนี้ยังแนะนำให้เด็กเล่นสนุกให้เต็มที่ก่อนขึ้นเครื่องจะช่วยให้หมดแรงและหลับง่ายขึ้นบนเครื่องครับ
6. สุดท้ายแล้วเมื่อเอาไม่อยู่จริงๆ ลูกร้องงอแงตลอดทำยังไงดี ทีนี้คงเครียดกันบ้างแล้วละครับ มีจิตวิทยาอันนึงบอกว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่ยิ่งกระวนกระวายใจกับการร้องของลูก ลูกก็ยิ่งร้องไม่หยุดดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือสงบเข้าไว้ มีสติคอยปลอย อุ้มเดินหาอะไรให้กินให้ทำ อย่าสติแตกตามลุกหรือโวยวายดุจะยิ่งไปกันใหญ่(แน่นอน!!!!)แต่ควรจะแสดงออกให้เห็นว่าได้พยายามทำให้ลูกสงบแล้ว
ผู้โดยสารคนอื่นจะรู้สึกดีกว่าที่ไม่เห็นคุณพ่อคุณแม่พยายามทำอะไรเลย
มีคำแนะนำขำๆ(แต่อาจจะทำได้จริง)ว่า ให้ติด earplug แบบโฟมไว้กับตัวซัก 4-5 คู่ ไม่ได้อุดหูตัวเองตอนลูกร้องนะครับ แต่ยื่นให้ผู้โดยสารที่นั่งติดๆกัน ด้วยยิ้มละไม แสดงความห่วงใยเล็กน้อยเมื่อลูกร้องงอแงไม่หยุดอาจจะช่วยลดความขุ่นข้องหมองใจกันไปได้บ้าง
ป.ล. สำหรับตัวช่วยเรื่องยา จริงๆก็มีประโยชน์มาก เพราะยาในกลุ่ม antihistamine หรือยาแก้แพ้พวก CPM/Actifed นอกจากช่วยให้ไม่แน่นจมูกไม่หูอื้อแล้ว ยังทำให้เด็กสงบ/หลับได้ด้วย
อย่างไรก็ตามยาทุกชนิดมีข้อบ่งชี้มีผลข้างเคียง ปรึกษาหมอเด็กก่อนใช้ละกันนนะครับ (เอาจริงๆ เราคงไม่อยากมอมมยาลูกเราอะนะใช่มั้ยครับ)
หวังว่าบทความนี้ จะเป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวก่อนพาลูกน้อยขึ้นเครื่องบินในครั้งต่อไปครับ