เคยคุยกับนักจิตวิทยาจนรู้สึกว่าหมดหนทางแก้ปัญหาแล้วกันมั้ยคะ ยังควรไปพบเขาต่อหรือเปล่า

ไม่เล่าเยอะนะคะ เอาเป็นว่า เรามาเรียนโทที่ต่างประเทศแล้วมีปัญหา เครียด ไม่พอใจตัวเอง ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ สาเหตุหลักๆหลังจากการคุยกับนักจิตวิทยาก็คือมาจากความเครียดที่เรียนยาก ความคาดหวังสูง (เราลาออกจากงานประจำที่ดีมากงานหนึ่งในไทย เพื่อมาเรียนต่อ ตปท และแพลนว่าจะหางานทำใน ตปท เลย) กลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้ อะไรประมานนี้

ก็คุยกับนักจิตวิทยามาประมาน 5 เดือนแล้ว เรารู้ว่าเราเครียดเกินไป แต่มันทำยังไงก็ลดความเครียดไม่ได้ พยายามปล่อยวาง ไม่คิดมาก เข้าคลาส mindfulness พยายามไม่คาดหวังมาก(แต่ก็ทำไม่ค่อยได้อะนะคะ เพราะสาเหตุหลักที่ลาออกมาดิ้นรนอยู่นอกบ้านเกิดเมืองนอนก็เพื่ออนาคตที่ดีล้วนๆ) เราก็เจอกับนักจิตวิทยา เจอกับนักให้คำปรึกษาด้านการเรียน เขาก็ช่วยให้เราคิดว่าวิธีไหนที่มันจะลดความเครียดได้ เราก็ลองวิธีลดความเครียดมาหมดทุกวิธีที่คิดออก เดินเล่น ออกกำลัง ไปเที่ยว แฮงเอาท์กับเพื่อน กินอาหารดีๆ นั่งสมาธิ จัดตารางเวลา เปลี่ยนวิธีเรียน หาหนังสืออ่านเพิ่มเติม ฯลฯ

ลองทุกอย่างที่คิดออกจริงๆ แต่เราไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรที่มันดีขึ้นเลย มีแต่ความเครียดที่เพิ่มขึ้น ปัญหาก็ไม่ได้ถูกแก้ซักที เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ เราไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ตัวเองมีความสุขแล้ว เราอิจฉาคนอื่นๆที่เขามีความสุขกันได้ อิจฉาที่คนอื่นๆเขาทำอะไรให้สำเร็จได้ นี่ก็สองสามครั้งแล้วที่คุยกับนุกจิตวิทยาแล้วเรารู้สึกว่าเขาพูดเรื่องเดิมๆ แล้วพูดประมานว่าเราลองมาหลายอย่างแล้วก็ไม่สำเร็จ เรารู้สึกเหมือนเขาหมดวิธีจะแนะนำแล้วอะ

นักจิตวิทยาแนะนำให้เราไปเจอจิตแพทย์ ส่วนที่เหลือก็ไม่ได้พูดอะไรแล้ว สองสามครั้งหลังที่เจอกัน เขาไม่ได้แนะนำอะไรให้เราเลย มีแต่ถามว่าวีคที่ผ่านมาเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้นบ้าง เรายังควรไปเจอเขาต่อมั้ยคะ รอเจอหมออย่างเดียวไปเลย หรือยังควรไปคุยกับเขาอยู่ (ไปเจอทีนึงก็เสียตังค์อะนะ ประกันสุขภาพก็ไม่ cover แต่ถ้ามันจะช่วยเราก็ยินดีจ่ายค่ะ)

ใครเป็นนักจิตวิทยาหรือมีประสบการณ์ ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
เราแนะนำให้คุณ จขกท. พบจิตแพทย์ค่ะเพื่อวินิจฉัยว่าต้องทานยาเพื่อการรักษาไหม บางอาการอาจจะต้องใช้การแพทย์เข้าช่วยเพื่อให้ผลที่มีประสิทธิภาพ

และอยากให้คุณปล่อยวางความกดดันที่มีอยู่แล้วมุ่งเน้นไปในการใช้ชีวิตที่ปัจจุบัน ปล่อยวางอดีตว่าเราเคยเป็นที่หนึ่งเคยเป็นคนที่เก่งมากมาจากมหาลัยในเมืองไทย ปล่อยวางว่าเรียนจบเราจะต้องหางานทำที่นั่นให้ได้ ต้องอยู่ที่นั่นให้ได้

ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอนมีขึ้นและมีลงเสมอ พยายามเปลี่ยนมุมมองในการใช้ชีวิต เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เริ่มเรียนใหม่ ทำความเข้าใจใหม่ ได้คะแนนน้อยก็ไม่เป็นไร เอาวะ เราทำดีที่สุดแล้ว เริ่มใหม่ ออกไปเจอผู้คนหาเพื่อใหม่ ใช้ชีวิต เรียนให้สนุก

สมัยเรียนเราเคยเป็นแบบคุณนะคะ อาจจะหนักยิ่งกว่าเสียด้วยซ้ำ ต้องได้คะแนนเต็ม หายไปหนึ่งหรือสองคะแนนเราปิดประตูล๊อคห้องนอนร้องห่มร้องไห้เหมือนคนบ้าเลยค่ะ แต่คุณรู้ไหม สุดท้ายแล้วมันไม่ใช่ค่ะ ชีวิตมันมีอะไรมากกว่านั้น คุณต้องมีความสุขในการใช้ชีวิตด้วย และมองโลกแบบกลางๆว่าไม่มีอะไรที่จะได้ดั่งใจเราต้องการไปเสียทุกอย่าง เมื่อเราทำดีที่สุดแล้วผลจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยเราก็ได้ลองพยายามทำมัน อย่างน้อยเราได้ใช้โอกาสที่เรามี ทางนี้เราทำไม่ได้ เราลองมองทางเลือกอื่น ทำแพลนเอ บี ซี ไปเรื่อยๆ มันจะต้องมีสักทางสิที่เป็นของเรา

อดีตเป็นสิ่งที่กลับไปแก้ไขไม่ได้ และอนาคต คือ สิ่งที่ยังไม่เกิด การใช้ชีวิตกับปัจจุบันและทำให้ดีที่สุด คือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ถ้าปัจจุบันดีอนาคตไม่ว่าผลจะออกมาในทางไหนก็มักจะดีตามไปด้วยเสมอ เราขอเอาใจช่วย จขกท. นะคะ  สู้ๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่