เนื่องจากจขกทอยากพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศพร้อมหน้าพร้อมตาสักครั้งในชีวิตจึงเลือกทัวร์ราคาถูกปกติเคยไปหลายทัวร์มาแล้วเช่นที่เวียดนามซาปาฮาลองเบย์ราคา9,900 บาทก็ไปมาแล้วค่ะทริปนั้นประทับใจมากๆค่ะเกินคาดจริงๆ  แต่แล้วครั้งนี้จึงตัดสินใจเลือกทัวร์เชจูเพราะยังไม่เคยไปเกาะเชจูเลยเห็นรีวิวมาบ้างว่าสวยว่าดีคุ้มจึงกล้าจ่ายเงินไปเกือบแสนสำหรับ8คนมีผู้สูงอายุไปด้วย2คนครั้งนี้จึงขอรีวิวบ้าง
รอขึ้นเครื่องในเวลาตี2 กว่าจะบินถึงเกาะเชจูประมาณ9โมงเช้าคะที่นั่งแบ่งแถว3-3 ไม่แคบจนเกินไปนั่งหลังตรงห้องโดยสารสภาพใหม่แอร์เกาหลีหน้าตาสะสวย

เมื่อถึงเกาะเชจูโปรแกรมทัวร์ระบุสถานที่เที่ยวในแต่ละที่แต่ให้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นแค่เดินลงมาเข้าห้องน้ำก็เสียเวลาไปแล้ว10 นาทีค่ะดังนั้นมันคือชะโงกทัวร์อาหารเที่ยงในวันแรกเรารู้สึกโอเคค่ะไก่ตุ๋น(เติมได้)ข้าวกิมจิและสาหร่าย  ส่วนตอนเย็นพาไปร้านอาหารที่ให้เฉพาะทัวร์คนไทยเข้าเท่านั้นเป็นห้องด้านบนชั้นสองเล็กๆทุกโต๊ะตั้งเตาปิ้งรมควันกันอยู่ในห้องหมูสามชั้นเติมได้แต่ผักไม่สามารถเติมได้ครอบครัวเราได้กินคนละใบเท่านั้นค่ะด้านล่างของร้านอาหารมีของขายอยู่ด้วยแต่เราดูสภาพสินค้าแล้วมันดูเก่าๆหม้อที่เราตัดสินใจซื้อสุดท้ายตอนนี้มันบุบสะแล้วสตอเบอร์รี่แพ็คละ15,000 วอนเราไม่ซื้อเพราะว่ามันยังแพงอยู่ค่ะกลับเข้าที่พักโรงแรมSea&hotel คืนแรกเรานอนสลบค่ะ

วันที่สองกินข้าวที่โรงแรมอาหารง่ายๆหมูสามชั้นผัดน้ำมันหอยข้าวกิมจิซุปขนมปังแถวไม่มีเนยมีแค่แยม 
หัวหน้าไกด์ให้เราแวะจุดที่เที่ยวต่างๆเช่นทุ่งดอกยูเชปั่นจักรยานให้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นก็พาเราไปศูนย์โสม(ราคากล่องนึงหลักหมื่นกันเลยทีเดียว)ลูกทัวร์ถูกส่งต่อเข้าห้องเมื่อเราอยากเข้าห้องน้ำเราถูกห้ามเข้ารอฟังให้จบประตูถูกปิดล็อกตอนนั้นต้องอั้นไว้ทนฟังต่อไป(เราเคยไปหลายทัวร์ไม่เคยเจอะเจอแบบนี้เลยค่ะทำหน้าดุใส่และไม่พอใจ) จริงๆเรารับได้กับการยืนฟังสรรพคุณหรือสาธิตต่างๆนะคะแต่ที่รับไม่ได้มากๆคือไกด์คนไทยพยายามพูดตั้งแต่อยู่บนรถไม่หยุดหย่อนตลอด3วันว่าสรรพคุณนั้นดีเหลือล้นพ่อเค้าเคยเป็นอัมพฤกษ์ใช้แล้วดีบลาบลาบลา.. พยายามดึงดราม่าตลอดถ้าเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของเกาะเชจูจะน่าฟังมากกว่านี้ค่ะแต่ก็โอเคไม่ว่ากันเขาจะขายของ
ถัดจากร้านโสมแวะทานมื้อเที่ยง"แทจีพลูแบ็ก" หมูสามชั้นหมักซอสมีข้าวผักมีกิมจิและซุป(เติมได้รอบเดียวผักเติมไม่ได้เราต้องหยิบของโต๊ะที่ไม่กินผักมากินแทน)กินให้เร็วต้องรีบลุกให้กรุ๊ปทัวร์ถัดไปที่ร้านอาหารมีสตอเบอร์รี่ขายแพ็คละ7,000 วอนค่ะได้ซื้อกินสมใจแล้ว
ต่อมาไกด์พยายามพูดถึงเรื่องหมู่บ้านวัฒนธรรมซองอึบหมู่บ้านที่เราคิดว่าเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ของที่นี่คิดว่าเป็นไฮไลท์แน่ๆวินาทีนั้นแดจังกึมลอยมา
แต่เมื่อลงรถมีเจ้าหน้าที่ลงมาบรรยายถึงสรรพคุณต่างๆของแบล็คเบอร์รี่หมักน้ำผึ้งและผงกระดูกม้าต้อนลูกทัวร์ทุกคนเข้าห้องในบ้านที่เราคิดว่ามันคือบ้านเก่าแก่เสียเวลาไปเป็นชั่วโมงสำหรับนั่งฟังและชิมน้ำหมักทุกทีห้ามถ่ายรูปประตูถูกปิดล็อกห้ามออกมาจนกว่าจะฟังจบคุณแม่อยากเข้าห้องน้ำก็ต้องทนฟังคะและตึ๋งโป๊ะมากเมื่อเราเดินออกมาเพื่อถ่ายรูปก็พบว่าหมู่บ้านนี้ถูกสร้างขึ้นมาในแบบเดียวกันมีที่นั่งฟังสำหรับทัวร์มีห้องรับรองสำหรับทัวร์นับสิบกลุ่มให้เข้าไปนั่งฟังบ้านทุกหลังที่เราเห็นเป็นแบบนี้หมดความรู้สึกดีๆหายไปทันทีเหมือนโดนจกตาทุกอย่างถูกจัดฉากเพื่อขายของนี่เอง...รู้สึกไม่อินอีกต่อไป
เที่ยวหลายที่ในเวลาอันสั้นก่อนกลับไกด์ขอเก็บเงินค่าทิปสำหรับไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถ800บาทที่มีระบุในใบโปรแกรมค่ะถึงที่โรงแรมSea&hotel เพื่อทานอาหารเย็นในใบโปรแกรมระบุ"เมนูซีฟู๊ดนึ่งสไตล์เกาะเชจูเมนูปิ้งย่างประกอบไปด้วยหอยและกุ้ง" สิ่งที่เราได้รับคือตามรูปสำหรับ4ท่านไม่สามารถเติมได้
แล้วคุณแม่ไม่อิ่มเลยรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้กลางทางเพราะเมื่อท้องไม่อิ่มเราก็ออกไปหาอะไรเติมเต็มออกหากินข้างนอกก็แล้วกันแต่ที่พักนี้มีแค่มินิมาร์ทเล็กๆพวกเรามากันหลายคนเลยเดินไปเรื่อยๆไกลพอสมควรกว่าจะเจอร้านอาหารที่สำคัญถ้าคุณมากันแค่สองคนไม่เหมาะแน่ๆค่ะถ้าจะเดินออกนอกโรงแรมกันสองคนโรงแรมนี้เหมาะแต่มานอนพักเท่านั้นห่างไกลชุมชน 

วันสุดท้ายอาหารเช้าเหมือนเดิมหมูสามชั้นผัดซีอิ๊วข้าวซุปในวันสุดท้ายใบโปรแกรมคือวันช็อปเดย์ถูกอัดแน่นไปด้วยการเข้าศูนย์โสมศูนย์สมุนไพรสาธิตกาแฟสลายไขมันเครื่องนอนเซ็ตละเกือบหมื่นร้านละลายเงินวอนศูนย์เครื่องสำอางยี่ห้อไม่เคยได้ยินใครชอบก็ซื้อกันไปค่ะ
อาหารกลางวันที่เขียนว่า"ชาบูชาบู" คือหมูสามชั้นต้มข้าวกิมจิสาหร่าย(อาหารเติมได้รอบเดียวไม่มีผัก)
ช่วงบ่ายเป็นช่วงที่เรารอคอยอิสระที่ล่ะ1ชั่วโมงได้เข้าร้านดิ้วตี้ฟรีและเดินช็อปที่ดาวน์ทาวน์เชจู1ชั่วโมงอารมณ์ประมาณแพตตินั่มบ้านเลยเราค่ะมีเสื้อผ้าแฟชั่นรองเท้าถูกๆให้เลือกมากมาย

ช่วงเวลาสุดท้ายมาถึงเมื่อไกด์ท้องถิ่นพยายามดึงดราม่าร้องไห้น้ำตาไหลให้ช่วยซื้อรูปถ่ายที่น้องผู้ช่วยคนเกาหลีเป็นคนถ่าย   เราอัดวิดิโอไว้คะมีหลายคำพูดที่พวกเรารู้สึกถูกมัดมือชกว่าต้องซื้อ บอกว่าถ้าไม่ซื้อรูปครั้งนี้คราวหน้าทิปไกด์จะไม่ใช่ราคา800บาทอีกต่อไปอาจจะขึ้นเป็น2,000บาทนะ ถ้าลูกหลานของคุณมาทำงานที่ต่างประเทศแบบนี้คุณจะช่วยซื้อไหม มีการร้องไห้ด้วยคะทำให้เราหดหู่กับการเที่ยวครั้งนี้มากอยากมาสนุกแต่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ แล้วพูดให้คนอื่นรู้สึกผิดทั้งๆที่ก่อนหน้านี้  เมื่อเขามาขอถ่ายรูปเราพยายามบอกว่าเราไม่ถ่ายเราจะไม่ซื้อเรามีกล้องใหญ่แล้วเราจะถ่ายกันเองแต่ไกด์บอกว่าไม่เป็นไรไม่ซื้อก็ได้ไม่ว่ากันเราจึงยอมถ่ายกันรูปครอบครัวและรูปเดี่ยวบางคนคุยกันว่าถ้าเขาเอารูปมาขายราคาไม่เกิน500 บาท(ไทย) จะช่วยซื้อ(ตอนไปเที่ยวทัวร์เวียดนามไกด์น่ารักมากคะเราช่วยซื้อ4-5ใบเลย) น้องเกาหลีคนนั้นแจกรูปของทุกคนๆยังไม่บอกราคานะคะพยายามถามราคาก็ยังไม่บอกแจกรูปใส่มือเราทุกคนจากนั้นประกาศในไมค์ว่าต้องยื่นหมูยื่นแมวถึงค่อยแจ้งราคาตกภาพละ900 บาทเป็นภาพปริ้นใส่ผ้าบางๆใหญ่กว่าA4ม้วนได้ประมาณเอาห้อยฝาบ้านค่ะแต่บ้านเราตกใจมากเพราะจะซื้อไปห้อยฝาบ้านทำไมหลายอันเลยคิดว่าช่วยซื้อ1อันละกันแต่น้องเกาหลีกลับไม่พอใจชี้หน้าและนับ"1 2 3 4 5 6 7 8 คนเอาอันเดียวเนี้ยนะงั้นไม่ต้องเอา"แล้วคืนเงินดึงรูปกลับไปเราทุกคนอึ้งกันมากไม่คิดว่าจะโดนอะไรแบบนี้เลยค่ะที่จริงเป็นสิทธิของเราจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ใช่ไหมคะหลังจากนั้นน้องเกาหลีคนนี้ก็ทำหน้าตึงใส่ครอบครัวเราตลอดแสดงอาการไม่พอใจให้เห็นซุปซิปกันเป็นภาษาเกาหลีเรียกพรรคพวกมายืนจ้องหน้าจนกระทั่งส่งเราถึงที่สนามบินช่วงต้องเช็คอินโหลดกระเป๋าน้องคนนี้ชี้นิ้วสั่งอีกคนว่าอย่าช่วยยกกระเป๋ากลุ่มของเราคะเราเข้าใจว่าเราไม่ได้ช่วยซื้อรูปเลยไม่ช่วยเราไม่เป็นไรคะ...

ประสบการณ์ครั้งนี้
1.โปรแกรมเที่ยวสำหรับจขกท.คิดว่าไม่คุ้มในเรื่องของอาหารสถานที่เที่ยว
2.เน้นขายของเกินไปไปมาหลายทัวร์แล้วที่นี่อัดแน่นสุดค่ะ
3.ถ้าไม่คิดจะซื้อรูปอย่าให้เขาถ่ายรูปเราค่ะเดียวเจอดราม่าแบบนี้
4.เที่ยวที่ไหนก็ชั่งถ้าเจอไกด์ดีน่ารักคุยสนุกในเชิงมีสาระความรู้ทริปนั้นจะเป็นความทรงจำที่พิเศษมากมายค่ะ
5.ทริปนี้ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุค่ะแวะแต่ละที่แค่เข้าห้องน้ำก็ปาไป5-10 นาทีแล้ว 
6.สถานที่เที่ยวให้เวลาที่ละครึ่งชั่วโมงพาเข้าศูนย์ต่างๆอยู่นานเป็นชั่วโมงทริปนี้จึงเหมาะสำหรับขาช็อปเท่านั้นจริงๆ