21พ.ค.56 กรุงโซล – ศูนย์โสมเกาหลี – ช้อปปิ้งเครื่องสำอางค์ – ฮ๊อกเก็ตนามู – หมู่บ้านพื้นเมืองพูซอนฮันนก– ตลาดเมียงดง - ย่านแฟชั่นฮงแด(ม.ฮงอิก)
8.00มุ่งหน้าสู่กรุงโซล รถติดเล็กน้อยเพราะเป็นช่วงเวลาเดินทางไปทำงานของคนเกาหลี ที่แรกที่ไปลงคือ
ศูนย์โสม เขาไม่ให้ถ่ายรูปข้างใน ก็ฟังเขาบรรยายไปด้วยความสนใจ โสมมีทั้งโสมปลูก ที่จะมีรูปร่างเหมือนคนสวยงาม จึงเรียกว่าโสมคน และโสมภูเขาหรือโสมป่า รูปร่างไม่สวยแต่มีสารอาหารเยอะกว่า โสมที่ดีต้องอายุ6ปีค่ะ คนเกาหลีจะให้ลูกหลานกินโสมตั้งแต่อายุ8เดือนโดยการเอาผงโสมผสมกับนม และอาหาร แม่ย่าจะซื้อโสมให้สะใภ้กินบำรุงเวลามีลูก อยากจะซื้อโสมแช่น้ำผึ้งนะ เขาบอกช่วยเรื่องเลือดลมสุภาพสตรีอย่างเราๆ แต่กล่องละ6000บาท ไม่ไหวอะ แต่ได้ชาผสมโสมมา1กล่องเพราะเล่นเกมตอบคำถามได้ มีอยู่2ข้อที่เขาจะถามคือ โสมป่ามีสารอาหารกี่ชนิด และ โสมที่ด้านนอกเป็นสีขาวด้านในเนื้อเป็นสีเข้ม สื่อถึงอะไร (หาคำตอบได้จากไกด์นะจ๊ะ) ส่วนคนอื่นๆก็มีคนซื้อบ้างตามกำลังที่มีอะนะ
ด้านหน้าศูนย์โสม
ชาโสม
ต่อไปก็ไป
ที่ขายเครื่องสำอางที่ตอนนี้กำลังฮิตในไทยก็คือครีมสกัดจากเมือกหอยทาก Dr.MJ ซื้อ2แถม1 ราคากล่องละ 35000 วอน ส่วนครีมน้ำแตกยี่ห้อ Closee DR ก็เช่นเดียวกันกล่องละ 35000วอน พอดีไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก็เลยไม่กล้าซื้อใช้ คิดๆอยู่ว่าจะซื้อมาขายต่อดีไม๊ แต่ก็กลัวขายไม่ได้เลยไม่เอาดีกว่า นอกจากนี้ที่นี่ยังขายแป้งโรตรี รูจูคิสอีกด้วยนะ
Midam Cosmetic Center
คนขาย
ครีมน้ำแตกทาที่มือกลายเป็นหยดน้ำ
ต่อกันที่
ศูนย์ฮ๊อกเก็ตนามู เป็นสมุนไพรที่เขาบอกว่าช่วยบำรุงดูแลตับ เริ่มดังมาได้2-3ปี รองจากโสมเพราะเริ่มมีการวิจัย ปลูก20ปีถึงเก็บเกี่ยวได้ กินหมด2กล่องสามารถดูแลตับได้ถึง2ปี เขาสาธิตด้วยการเอาผงฮ๊อกเก็ตนามูไปใส่ในขวดน้ำโค้ก และน้ำกาแฟ ผลก็คือ เกิดการตกตะกอน ซึ่งคนขายก็อ้างว่าสิ่งนี้ล่ะจะช่วยดักจับน้ำตาลและไขมันให้ออกมาพร้อมกับอุจจาระและปัสสาวะได้ โดยสังเกตได้จาก จะมีเมือกไขมันออกมากับอุจจาระ และเป็นฝุ่นลอยๆในปัสสาวะ เราก็ไม่รู้ว่ามันดีจริงหรือเปล่าหรอกนะ แต่เห็นบอกว่ารัฐบาลเกาหลีส่งเสริมให้กิน เพราะคนเกาหลีชอบดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ มีการบอกว่าถ้ารักจะดื่มและสูบต้องรักตัวเองด้วย โดยการกินเจ้าตัวนี้ (คิดในใจถ้ารักตัวเองก็อย่าดื่มอย่าสูบสิคะ แหม่) ก็แล้วแต่ใครจะสนใจนะคะ กล่องเล็ก12000บาท กล่องกลาง14000บาท กล่องใหญ่18000บาท แต่เรากับเพื่อนขอบายจ้าาา
ด้านหน้าตึก
และก็ถึงเวลากินอีกแล้ว มื้อเที่ยงวันนี้ชื่อว่า โอซัม คล้ายๆกับบลูโกกิ
ทางเข้าร้าน
ในร้าน
โอซัม
เครื่องเคียง สาหร่ายอร่อย
พอกินเสร็จไกด์ก็พาไปซื้อพวกเครื่องสำอาง Etudy, Skin food, The face shop เพราะบอกว่าซื้อที่นี่จะได้sampleมากกว่าไปซื้อที่เมียงดง ก็เลยจัดไป หมดไปเป็นแสน(วอน)
Skin food ผู้ชายหน้าร้านคือจิน ช่างภาพนั่นเอง
จากนั้นก็ไปกันที่หมู่บ้านโบราณ
พูซอนฮันอก ระหว่างที่นั่งรถก็ผ่านประตูวังเคียงบก(วันนี้ปิด) มหาลัยวิทยาลัยยอนเซ อากาศตอนนี้ค่อนข้างร้อนเลยทีเดียว บริเวณหมู่บ้านนี้ก็จะเป็นบ้านคนอยู่จริงๆ แต่ดูได้แต่ข้างนอกประตูเท่านั้น มีบางหลังก็เปิดให้เข้าไปแต่เสียค่าเข้า ถ้าเราเดินขึ้นเนินไปจนสุดทางมองกลับมาจะเห็นภูเขานัมซานด้วย
นั่งผ่านประตูวังเคียงบก
มหาวิทยาลัยยอนเซ
หมู่บ้านโบราณ
ไปต่อกันที่
N Seoul Tower
รถบัสไปจอดจุดลง แล้วก็เดินไปด้วยความชัน45องศา ประมาณ10นาทีก็ถึง ณ จุดนี้ร้อนมาก วันนี้มีการแสดงด้วย ส่วนที่คล้องกุญแจพี่ไกด์แนะนำว่าให้ไปซื้อปากกาแล้วไปเขียนที่ลูกกุญแจที่มันเลือนแล้ว ประหยัดตังค์
มีคนเอาเคสมือถือไปแขวนด้วยนะ ลูกกุญแจมีจำนวนเยอะมาก เต็มรั้ว เต็มต้นคริสมาสต์ไปหมด อากาศร้อนมากจริงๆ วันนี้
N Seoul Tower
การแสดงกลอง
เล่นเคสกันเลย
ต้นคริสมาสต์
ตู้ทิ้งลูกกุญแจ ห้ามโยนลงไปนะ
แล้วเราก็เหลือเวลา2ชม.ที่จะเดิน
เมียงดง ตอนแรกก็ไม่มีorderหรอกนะ จะเอากระเป๋าขนาด20นิ้วมาด้วยซ้ำ พอcheck-in เท่านั้นแหละ เพื่อนก็มาฝากซื้อทันที ดีนะที่เอากระเป๋าขนาด24นิ้วมา ไม่งั้นล่ะแย่เลย เป้าหมายที่เมียงดงของเรามีแค่ Laniege เท่านั้น ส่วนเพื่อนเราต้องไปซื้อรองเท้า NB ด้วย ก็เลยเดินหารุ่นที่ฝากซื้อ แต่ก็ไม่มี สุดท้ายก็เลยซื้อสีที่ใกล้เคียงแทน แล้วก็แทบวิ่งกลับมาที่จุดนัดพบคือคริสปี้ครีม เพราะต้องไปกินข้าวต่อ จริงๆร้านข้าวก็อยู่ใกล้ๆคริสปี้ครีมนี่ล่ะ
จุดนัดพบ คริสปี้ครีม
บรรยากาศเมียงดง หรือสยามแสควร์เกาหลี
ร้านอาหารเย็นนี้ ไก่พะโล้จิมทัค มันไก่พะโล้ใส่วุ้นเส้นนั่นเอง
หน้าร้านอาหาร
เดินที่เมียงดงยังไม่พอ ต่อกันที่
ตลาดฮงแด แถวมหาลัยฮงอิก เป็นตลาดที่เด็กมหาลัยชอบมาเดินกัน เสื้อผ้าราคาเริ่มต้นที่10000วอน แล้วก็มีร้านอาหารบ้าง ถ้าใครอยากไปดู ภาพ3D Trick eye ก็ไปดูได้นะ เปิดถึง21.00น. ส่วนเรากับเพื่อนเดินวน2รอบ เราอยากได้เคสใส่S3ใหม่ซักอัน แต่หาที่ถูกใจไม่ได้ เคสใส่iphoneมีเยอะกว่าsamsungซะอีก ราคาก็ไม่น้อย 20000 วอนทั้งนั้น แต่ข้อดีของที่นี่ก็คือ เด็กมหาลัยหน้าตาดีกันทั้งนั้นเลย ^^ เดินไปมองแต่คนไม่มองของเลยซักนิด 555 ส่วนใหญ่ก็มาเป็นคู่แฟนกัน หรือไม่ก็เป็นกลุ่มผู้ชาย เดินไปเดินมาก็สองทุ่มซะแล้วก็ต้องกลับที่พัก
ที่พักคืนนี้อยู่ในโซล ชื่อว่าโรงแรม
FLOWER TOURIST HOTEL
ในห้อง
ห้องน้ำ
นามบัตรโรงแรม
จัดการกระจายของที่ซื้อมากับเพื่อน และเคลียร์เรื่องเงินเรียบร้อย ก็ออกไปตะลุย
ทงแดมุน ทีแรกจะไปกับพี่อีกสองคน จะนั่งแท็กซี่ไปด้วยกัน พอมาถึงโรงแรมก็บอกว่าเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว ก็เหลือแต่เราสองคนก็เลยคิดว่าจะไปดีไม๊ ถ้าไปคงไปใต้ดิน สรุปก็ไปกัน ขาไปนั่งใต้ดินไปจากสถานีCheongyangni ไปลงที่สถานี Dongdaemun ค่าตั๋ว 1150วอน มีค่ามัดจำตั๋ว 500วอน พอจะออกจากประตูเพื่อนสแกนตั๋วไม่ผ่าน ก็เลยมุดออกมาเลย ดีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่
หน้าตาตั๋ว
เพื่อนได้ถุงเท้า2คู่1000วอนกับผ้าพันคอ10000วอน ส่วนเราซื้อเค้กกิน1000วอน เสื้อผ้าที่นี่จะขายอยู่ในตึกเหมือนที่แพลตินัมบ้านเรา ราคาเริ่มต้นที่10000วอน ส่วนริมถนนจะมีเตนท์สีเหลือง ขายพวกของก๊อปปี้แบรนด์เนมต่างๆ เดินไปเดินมาก็ได้เวลากลับ ตอนนั้นก็เวลาประมาณ 00.45 แล้ว เลยลองไปที่ใต้ดินดู ก็เห็นว่ายังเปิดอยู่ ก็เลยซื้อตั๋วไป แต่ปรากฏว่านั่งไปได้แค่1ป้ายก็ต้องลง เพราะว่ามันสุดทาง รถไฟปิดทำการแล้ว เรากับเพื่อนก็เลยลงที่สถานี Dongmyo ก็เลยถามผู้ชายเกาหลีคนนึงว่าจะไปต่อยังไง แต่คนเกาหลี90%พูดอังกฤษไม่ได้ แถมไอ้คนทีเราถามนี่ก็กลิ่นเหล้าหึ่งเลย เรากับเพื่อนก็เลยถามเจ้าหน้าที่สถานี เขาก็เลยบอกให้เราข้ามฝั่งไปขึ้นรถแท็กซี่ ส่วนเพื่อนเราก็สะกิดบอกว่าไอ้คนเมาคนนั้นมันยังไม่เดินไปไหน เหมือนจะยืนรอๆเราอยู่ยังไงอย่างงั้น เรากับเพื่อนเลยรีบเดินจ้ำอ้าวข้ามถนนไปอีกฝั่ง กะว่าจะเดินไปเพราะคิดว่าไม่ไกล ก็เดินๆไปเรื่อยๆ จนถึงสถานี Sinseoul-dong หันกลับมาอีกที เฮ้ยยย ไอ้เมานั่นมันยังตามเรามาอยู่หรอวะ วิ่งเลยครับทีนี้ ไม่รู้ว่าใช่คนนั้นหรือเปล่า แต่ขอวิ่งหนีไปก่อน วิ่งไปเรื่อยๆ หอบแต่ไม่เหนื่อยมากเพราะว่าอากาศเย็น ไปถึงสี่แยกชักรู้สึกว่าไม่ดีแล้วล่ะ ก็เลยพยามหารถแท็กซี่กลับ พี่ไกด์แนะนำว่าให้เอานามบัตรโรงแรมติดตัวไปด้วย เอาให้คนขับแท็กซี่เขาจะพากลับมาได้ เราก็โบกแท็กซี่คันแรกก็บอกไม่รู้จัก คันที่สองตาอ่านแผนที่ไม่เห็น ไม่ได้ใส่แว่น บอกให้เราโทรหาโรงแรม แต่เราไม่มีมือถือ ตอนนั้นก็เวลา1.30แล้วยังไม่ถึงโรงแรมเลย เดินย้อนกลับไปเจอมินิมาร์ท C4U เลยเข้าไปถามพนักงานว่าจะไป Cheongyangni ต้องเดินไปทางไหน พอดีว่ามีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง คงเห็นเราเดินงง อยู่บริเวณสี่แยก เขาก็เลยเดินมาช่วยดูแผนที่ให้ แล้วก็เรียกแท็กซี่บอกแท็กซี่ให้ไปส่งที่โรงแรมด้วย เรากับเพื่อนรู้สึกขอบคุณคุณทั้งสองมากเลยนะคะ ที่ช่วยให้เราได้กลับถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพ โดนค่าแท็กซี่ไป 5000วอน เพราะว่าหลังเที่ยงคืนอัตราจะเพิ่มขึ้น20% ถึงที่พักตีสอง ข้าพเจ้าขอล้างหน้า แล้วก็นอนก่อนเลยแล้วกัน ไม่ไหวแล้ว
(ตอนแรกกะว่าวันนี้พอเข้าโซลแล้วจะขอแยกตัวไปเที่ยวเอง แต่จากที่ประสบเหตุการณ์เมื่อคืนก็คิดว่าดีแล้วล่ะที่ไม่ไปเอง ต้องหลงทางกันแน่ๆ)
To be continued...
รีวิว ทัวร์เกาหลีใต้ 18-22 พ.ค. 56 (1)
http://ppantip.com/topic/30525349
รีวิว ทัวร์เกาหลีใต้ 18-22 พ.ค. 56 (2)
http://ppantip.com/topic/30525424
รีวิว ทัวร์เกาหลีใต้ 18-22 พ.ค. 56 (4)
http://ppantip.com/topic/30525823
[CR] รีวิว ทัวร์เกาหลีใต้ 18-22 พ.ค. 56 (3)
8.00มุ่งหน้าสู่กรุงโซล รถติดเล็กน้อยเพราะเป็นช่วงเวลาเดินทางไปทำงานของคนเกาหลี ที่แรกที่ไปลงคือศูนย์โสม เขาไม่ให้ถ่ายรูปข้างใน ก็ฟังเขาบรรยายไปด้วยความสนใจ โสมมีทั้งโสมปลูก ที่จะมีรูปร่างเหมือนคนสวยงาม จึงเรียกว่าโสมคน และโสมภูเขาหรือโสมป่า รูปร่างไม่สวยแต่มีสารอาหารเยอะกว่า โสมที่ดีต้องอายุ6ปีค่ะ คนเกาหลีจะให้ลูกหลานกินโสมตั้งแต่อายุ8เดือนโดยการเอาผงโสมผสมกับนม และอาหาร แม่ย่าจะซื้อโสมให้สะใภ้กินบำรุงเวลามีลูก อยากจะซื้อโสมแช่น้ำผึ้งนะ เขาบอกช่วยเรื่องเลือดลมสุภาพสตรีอย่างเราๆ แต่กล่องละ6000บาท ไม่ไหวอะ แต่ได้ชาผสมโสมมา1กล่องเพราะเล่นเกมตอบคำถามได้ มีอยู่2ข้อที่เขาจะถามคือ โสมป่ามีสารอาหารกี่ชนิด และ โสมที่ด้านนอกเป็นสีขาวด้านในเนื้อเป็นสีเข้ม สื่อถึงอะไร (หาคำตอบได้จากไกด์นะจ๊ะ) ส่วนคนอื่นๆก็มีคนซื้อบ้างตามกำลังที่มีอะนะ
ด้านหน้าศูนย์โสม
ชาโสม
ต่อไปก็ไปที่ขายเครื่องสำอางที่ตอนนี้กำลังฮิตในไทยก็คือครีมสกัดจากเมือกหอยทาก Dr.MJ ซื้อ2แถม1 ราคากล่องละ 35000 วอน ส่วนครีมน้ำแตกยี่ห้อ Closee DR ก็เช่นเดียวกันกล่องละ 35000วอน พอดีไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก็เลยไม่กล้าซื้อใช้ คิดๆอยู่ว่าจะซื้อมาขายต่อดีไม๊ แต่ก็กลัวขายไม่ได้เลยไม่เอาดีกว่า นอกจากนี้ที่นี่ยังขายแป้งโรตรี รูจูคิสอีกด้วยนะ
Midam Cosmetic Center
คนขาย
ครีมน้ำแตกทาที่มือกลายเป็นหยดน้ำ
ต่อกันที่ศูนย์ฮ๊อกเก็ตนามู เป็นสมุนไพรที่เขาบอกว่าช่วยบำรุงดูแลตับ เริ่มดังมาได้2-3ปี รองจากโสมเพราะเริ่มมีการวิจัย ปลูก20ปีถึงเก็บเกี่ยวได้ กินหมด2กล่องสามารถดูแลตับได้ถึง2ปี เขาสาธิตด้วยการเอาผงฮ๊อกเก็ตนามูไปใส่ในขวดน้ำโค้ก และน้ำกาแฟ ผลก็คือ เกิดการตกตะกอน ซึ่งคนขายก็อ้างว่าสิ่งนี้ล่ะจะช่วยดักจับน้ำตาลและไขมันให้ออกมาพร้อมกับอุจจาระและปัสสาวะได้ โดยสังเกตได้จาก จะมีเมือกไขมันออกมากับอุจจาระ และเป็นฝุ่นลอยๆในปัสสาวะ เราก็ไม่รู้ว่ามันดีจริงหรือเปล่าหรอกนะ แต่เห็นบอกว่ารัฐบาลเกาหลีส่งเสริมให้กิน เพราะคนเกาหลีชอบดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ มีการบอกว่าถ้ารักจะดื่มและสูบต้องรักตัวเองด้วย โดยการกินเจ้าตัวนี้ (คิดในใจถ้ารักตัวเองก็อย่าดื่มอย่าสูบสิคะ แหม่) ก็แล้วแต่ใครจะสนใจนะคะ กล่องเล็ก12000บาท กล่องกลาง14000บาท กล่องใหญ่18000บาท แต่เรากับเพื่อนขอบายจ้าาา
ด้านหน้าตึก
และก็ถึงเวลากินอีกแล้ว มื้อเที่ยงวันนี้ชื่อว่า โอซัม คล้ายๆกับบลูโกกิ
ทางเข้าร้าน
ในร้าน
โอซัม
เครื่องเคียง สาหร่ายอร่อย
พอกินเสร็จไกด์ก็พาไปซื้อพวกเครื่องสำอาง Etudy, Skin food, The face shop เพราะบอกว่าซื้อที่นี่จะได้sampleมากกว่าไปซื้อที่เมียงดง ก็เลยจัดไป หมดไปเป็นแสน(วอน)
Skin food ผู้ชายหน้าร้านคือจิน ช่างภาพนั่นเอง
จากนั้นก็ไปกันที่หมู่บ้านโบราณ พูซอนฮันอก ระหว่างที่นั่งรถก็ผ่านประตูวังเคียงบก(วันนี้ปิด) มหาลัยวิทยาลัยยอนเซ อากาศตอนนี้ค่อนข้างร้อนเลยทีเดียว บริเวณหมู่บ้านนี้ก็จะเป็นบ้านคนอยู่จริงๆ แต่ดูได้แต่ข้างนอกประตูเท่านั้น มีบางหลังก็เปิดให้เข้าไปแต่เสียค่าเข้า ถ้าเราเดินขึ้นเนินไปจนสุดทางมองกลับมาจะเห็นภูเขานัมซานด้วย
นั่งผ่านประตูวังเคียงบก
มหาวิทยาลัยยอนเซ
หมู่บ้านโบราณ
ไปต่อกันที่ N Seoul Tower
รถบัสไปจอดจุดลง แล้วก็เดินไปด้วยความชัน45องศา ประมาณ10นาทีก็ถึง ณ จุดนี้ร้อนมาก วันนี้มีการแสดงด้วย ส่วนที่คล้องกุญแจพี่ไกด์แนะนำว่าให้ไปซื้อปากกาแล้วไปเขียนที่ลูกกุญแจที่มันเลือนแล้ว ประหยัดตังค์ มีคนเอาเคสมือถือไปแขวนด้วยนะ ลูกกุญแจมีจำนวนเยอะมาก เต็มรั้ว เต็มต้นคริสมาสต์ไปหมด อากาศร้อนมากจริงๆ วันนี้
N Seoul Tower
การแสดงกลอง
เล่นเคสกันเลย
ต้นคริสมาสต์
ตู้ทิ้งลูกกุญแจ ห้ามโยนลงไปนะ
แล้วเราก็เหลือเวลา2ชม.ที่จะเดินเมียงดง ตอนแรกก็ไม่มีorderหรอกนะ จะเอากระเป๋าขนาด20นิ้วมาด้วยซ้ำ พอcheck-in เท่านั้นแหละ เพื่อนก็มาฝากซื้อทันที ดีนะที่เอากระเป๋าขนาด24นิ้วมา ไม่งั้นล่ะแย่เลย เป้าหมายที่เมียงดงของเรามีแค่ Laniege เท่านั้น ส่วนเพื่อนเราต้องไปซื้อรองเท้า NB ด้วย ก็เลยเดินหารุ่นที่ฝากซื้อ แต่ก็ไม่มี สุดท้ายก็เลยซื้อสีที่ใกล้เคียงแทน แล้วก็แทบวิ่งกลับมาที่จุดนัดพบคือคริสปี้ครีม เพราะต้องไปกินข้าวต่อ จริงๆร้านข้าวก็อยู่ใกล้ๆคริสปี้ครีมนี่ล่ะ
จุดนัดพบ คริสปี้ครีม
บรรยากาศเมียงดง หรือสยามแสควร์เกาหลี
ร้านอาหารเย็นนี้ ไก่พะโล้จิมทัค มันไก่พะโล้ใส่วุ้นเส้นนั่นเอง
หน้าร้านอาหาร
เดินที่เมียงดงยังไม่พอ ต่อกันที่ตลาดฮงแด แถวมหาลัยฮงอิก เป็นตลาดที่เด็กมหาลัยชอบมาเดินกัน เสื้อผ้าราคาเริ่มต้นที่10000วอน แล้วก็มีร้านอาหารบ้าง ถ้าใครอยากไปดู ภาพ3D Trick eye ก็ไปดูได้นะ เปิดถึง21.00น. ส่วนเรากับเพื่อนเดินวน2รอบ เราอยากได้เคสใส่S3ใหม่ซักอัน แต่หาที่ถูกใจไม่ได้ เคสใส่iphoneมีเยอะกว่าsamsungซะอีก ราคาก็ไม่น้อย 20000 วอนทั้งนั้น แต่ข้อดีของที่นี่ก็คือ เด็กมหาลัยหน้าตาดีกันทั้งนั้นเลย ^^ เดินไปมองแต่คนไม่มองของเลยซักนิด 555 ส่วนใหญ่ก็มาเป็นคู่แฟนกัน หรือไม่ก็เป็นกลุ่มผู้ชาย เดินไปเดินมาก็สองทุ่มซะแล้วก็ต้องกลับที่พัก
ที่พักคืนนี้อยู่ในโซล ชื่อว่าโรงแรม FLOWER TOURIST HOTEL
ในห้อง
ห้องน้ำ
นามบัตรโรงแรม
จัดการกระจายของที่ซื้อมากับเพื่อน และเคลียร์เรื่องเงินเรียบร้อย ก็ออกไปตะลุยทงแดมุน ทีแรกจะไปกับพี่อีกสองคน จะนั่งแท็กซี่ไปด้วยกัน พอมาถึงโรงแรมก็บอกว่าเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว ก็เหลือแต่เราสองคนก็เลยคิดว่าจะไปดีไม๊ ถ้าไปคงไปใต้ดิน สรุปก็ไปกัน ขาไปนั่งใต้ดินไปจากสถานีCheongyangni ไปลงที่สถานี Dongdaemun ค่าตั๋ว 1150วอน มีค่ามัดจำตั๋ว 500วอน พอจะออกจากประตูเพื่อนสแกนตั๋วไม่ผ่าน ก็เลยมุดออกมาเลย ดีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่
หน้าตาตั๋ว
เพื่อนได้ถุงเท้า2คู่1000วอนกับผ้าพันคอ10000วอน ส่วนเราซื้อเค้กกิน1000วอน เสื้อผ้าที่นี่จะขายอยู่ในตึกเหมือนที่แพลตินัมบ้านเรา ราคาเริ่มต้นที่10000วอน ส่วนริมถนนจะมีเตนท์สีเหลือง ขายพวกของก๊อปปี้แบรนด์เนมต่างๆ เดินไปเดินมาก็ได้เวลากลับ ตอนนั้นก็เวลาประมาณ 00.45 แล้ว เลยลองไปที่ใต้ดินดู ก็เห็นว่ายังเปิดอยู่ ก็เลยซื้อตั๋วไป แต่ปรากฏว่านั่งไปได้แค่1ป้ายก็ต้องลง เพราะว่ามันสุดทาง รถไฟปิดทำการแล้ว เรากับเพื่อนก็เลยลงที่สถานี Dongmyo ก็เลยถามผู้ชายเกาหลีคนนึงว่าจะไปต่อยังไง แต่คนเกาหลี90%พูดอังกฤษไม่ได้ แถมไอ้คนทีเราถามนี่ก็กลิ่นเหล้าหึ่งเลย เรากับเพื่อนก็เลยถามเจ้าหน้าที่สถานี เขาก็เลยบอกให้เราข้ามฝั่งไปขึ้นรถแท็กซี่ ส่วนเพื่อนเราก็สะกิดบอกว่าไอ้คนเมาคนนั้นมันยังไม่เดินไปไหน เหมือนจะยืนรอๆเราอยู่ยังไงอย่างงั้น เรากับเพื่อนเลยรีบเดินจ้ำอ้าวข้ามถนนไปอีกฝั่ง กะว่าจะเดินไปเพราะคิดว่าไม่ไกล ก็เดินๆไปเรื่อยๆ จนถึงสถานี Sinseoul-dong หันกลับมาอีกที เฮ้ยยย ไอ้เมานั่นมันยังตามเรามาอยู่หรอวะ วิ่งเลยครับทีนี้ ไม่รู้ว่าใช่คนนั้นหรือเปล่า แต่ขอวิ่งหนีไปก่อน วิ่งไปเรื่อยๆ หอบแต่ไม่เหนื่อยมากเพราะว่าอากาศเย็น ไปถึงสี่แยกชักรู้สึกว่าไม่ดีแล้วล่ะ ก็เลยพยามหารถแท็กซี่กลับ พี่ไกด์แนะนำว่าให้เอานามบัตรโรงแรมติดตัวไปด้วย เอาให้คนขับแท็กซี่เขาจะพากลับมาได้ เราก็โบกแท็กซี่คันแรกก็บอกไม่รู้จัก คันที่สองตาอ่านแผนที่ไม่เห็น ไม่ได้ใส่แว่น บอกให้เราโทรหาโรงแรม แต่เราไม่มีมือถือ ตอนนั้นก็เวลา1.30แล้วยังไม่ถึงโรงแรมเลย เดินย้อนกลับไปเจอมินิมาร์ท C4U เลยเข้าไปถามพนักงานว่าจะไป Cheongyangni ต้องเดินไปทางไหน พอดีว่ามีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง คงเห็นเราเดินงง อยู่บริเวณสี่แยก เขาก็เลยเดินมาช่วยดูแผนที่ให้ แล้วก็เรียกแท็กซี่บอกแท็กซี่ให้ไปส่งที่โรงแรมด้วย เรากับเพื่อนรู้สึกขอบคุณคุณทั้งสองมากเลยนะคะ ที่ช่วยให้เราได้กลับถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพ โดนค่าแท็กซี่ไป 5000วอน เพราะว่าหลังเที่ยงคืนอัตราจะเพิ่มขึ้น20% ถึงที่พักตีสอง ข้าพเจ้าขอล้างหน้า แล้วก็นอนก่อนเลยแล้วกัน ไม่ไหวแล้ว
(ตอนแรกกะว่าวันนี้พอเข้าโซลแล้วจะขอแยกตัวไปเที่ยวเอง แต่จากที่ประสบเหตุการณ์เมื่อคืนก็คิดว่าดีแล้วล่ะที่ไม่ไปเอง ต้องหลงทางกันแน่ๆ)
To be continued...
รีวิว ทัวร์เกาหลีใต้ 18-22 พ.ค. 56 (1)
http://ppantip.com/topic/30525349
รีวิว ทัวร์เกาหลีใต้ 18-22 พ.ค. 56 (2)
http://ppantip.com/topic/30525424
รีวิว ทัวร์เกาหลีใต้ 18-22 พ.ค. 56 (4)
http://ppantip.com/topic/30525823