คือบอกตรงๆ ผมเป็นลูกค้าของTQMปีนี้เข้าปีที่6แล้ว
มันเริ่มเมื่อปีที่แล้วที่พนักงานโทรมาเพื่อต่อประกันรถยนต์กับผม และเสนอประกันเสริมที่เป็นประกันบุคคล
ซึ่งผมเลือกทำเพียงแค่ประกันภัยรถยนต์อย่างเดียว
แต่...ในวันส่งเอกสารกลับเอากรมธรรม์มาทั้ง2ตัว ซึ่งตรงนี้ผมพลาดเองที่ไม่ยอมตรวจสอบ
พอกลับมาบ้านมาเช็คค่างวด อ้าวเฮ่ย...ทำไมมันยอดชำระมันเพิ่มมา1800
พอมาดูเอกสารดีๆกลายเป็นว่าผมทำประกันไป2ตัว คือประกันรถยนต์ของสินมั่นคง13,000 และประกันบุคคลของทิพย1,800
ตัดสินใจโทรกลับไปก็บอกแต่ว่าผมเป็นคนตอบตกลงเอง ขอยกเลิกก็ไม่ยอม อ้างข้อดีของประกันมาบลาๆๆ
ผมก็ไห้เหตุผลไปว่าผมจะไปทำไมในเมื่อรถผมไม่ค่อยได้ไช้ จอดมากกว่าขับ
ทางพนักงานก็ตอบว่าจะยกเลิกไห้ แต่ยกเลิกของปีหน้าไม่ไช่ปีนี้
โอเค..จบไป คิดซะว่าเราสะเพร่าเองที่ไม่ยอมตรวจสอบเอกสาร
ปีนี้เอาอีก เมื่อเย็นนี่เลย โทรมาต่อประกันเหมือนเคย
พนักงาน : สวัสดีครับคุณบลาๆๆ ประกันเดิมของคุณคือบลาๆๆ ซึ่งคุ้มครองในส่วนของนู่น..นี่..นั่น และจะเสริมความคุ้มครองนู่น..นี่..นั่น
ซึงปีที่แล้วคุณลูกค้าไม่มีการเคลมเบี้ยจึงลดเหลือ 13,900
ตอนนั้นนึกในใจ อ้าวเฮ้ย ไหนว่าลดเบี้ยแล้วทำไมมันแพงกว่าเดิมวะ..
ซึ่งตอนนั้นผมไม่มีตัวเลขที่แน่นอนก็เลยเออออ แล้วรีบกลับมาเช็คเอกสารที่บ้าน
ทำไปทำมาเบี้ยประกันเพิ่มมา900 เดาไปเลยว่าน่าจะอิหล็อบเดิม
โทรไปเช็คสรุปว่าไช่ แอบพ่วงประกันบุคคลของทิพยมาด้วย
แล้วเลี่ยงวลีว่าเสริมความคุ้มครอง โดยไม่ได้พูดถึงบ.ทิพยเลยแม้แต่น้อย
คือไม่เข้าใจว่าทำไมตอนโทรมาหาก็ไม่บอกซักคำว่ากรมธรรม์มันมี2ฉบับ แถมคนละบริษัทกันด้วย
ทำไมไม่บอกกันตรงๆครับว่าเป็นประกันเสริมแยกออกต่างหาก และเสียเงินต่างหาก
วิธีการพูดมันทำให้ลูกค้าคิดว่าเราทำประกันแค่ตัวเดียว
เดี๋ยวนี้เขาขายประกันกันแบบนี้เหรอครับ
TQMเขาไช้วิธีขายประกันแบบนี้เหรอครับ
มันเริ่มเมื่อปีที่แล้วที่พนักงานโทรมาเพื่อต่อประกันรถยนต์กับผม และเสนอประกันเสริมที่เป็นประกันบุคคล
ซึ่งผมเลือกทำเพียงแค่ประกันภัยรถยนต์อย่างเดียว
แต่...ในวันส่งเอกสารกลับเอากรมธรรม์มาทั้ง2ตัว ซึ่งตรงนี้ผมพลาดเองที่ไม่ยอมตรวจสอบ
พอกลับมาบ้านมาเช็คค่างวด อ้าวเฮ่ย...ทำไมมันยอดชำระมันเพิ่มมา1800
พอมาดูเอกสารดีๆกลายเป็นว่าผมทำประกันไป2ตัว คือประกันรถยนต์ของสินมั่นคง13,000 และประกันบุคคลของทิพย1,800
ตัดสินใจโทรกลับไปก็บอกแต่ว่าผมเป็นคนตอบตกลงเอง ขอยกเลิกก็ไม่ยอม อ้างข้อดีของประกันมาบลาๆๆ
ผมก็ไห้เหตุผลไปว่าผมจะไปทำไมในเมื่อรถผมไม่ค่อยได้ไช้ จอดมากกว่าขับ
ทางพนักงานก็ตอบว่าจะยกเลิกไห้ แต่ยกเลิกของปีหน้าไม่ไช่ปีนี้
โอเค..จบไป คิดซะว่าเราสะเพร่าเองที่ไม่ยอมตรวจสอบเอกสาร
ปีนี้เอาอีก เมื่อเย็นนี่เลย โทรมาต่อประกันเหมือนเคย
พนักงาน : สวัสดีครับคุณบลาๆๆ ประกันเดิมของคุณคือบลาๆๆ ซึ่งคุ้มครองในส่วนของนู่น..นี่..นั่น และจะเสริมความคุ้มครองนู่น..นี่..นั่น
ซึงปีที่แล้วคุณลูกค้าไม่มีการเคลมเบี้ยจึงลดเหลือ 13,900
ตอนนั้นนึกในใจ อ้าวเฮ้ย ไหนว่าลดเบี้ยแล้วทำไมมันแพงกว่าเดิมวะ..
ซึ่งตอนนั้นผมไม่มีตัวเลขที่แน่นอนก็เลยเออออ แล้วรีบกลับมาเช็คเอกสารที่บ้าน
ทำไปทำมาเบี้ยประกันเพิ่มมา900 เดาไปเลยว่าน่าจะอิหล็อบเดิม
โทรไปเช็คสรุปว่าไช่ แอบพ่วงประกันบุคคลของทิพยมาด้วย
แล้วเลี่ยงวลีว่าเสริมความคุ้มครอง โดยไม่ได้พูดถึงบ.ทิพยเลยแม้แต่น้อย
คือไม่เข้าใจว่าทำไมตอนโทรมาหาก็ไม่บอกซักคำว่ากรมธรรม์มันมี2ฉบับ แถมคนละบริษัทกันด้วย
ทำไมไม่บอกกันตรงๆครับว่าเป็นประกันเสริมแยกออกต่างหาก และเสียเงินต่างหาก
วิธีการพูดมันทำให้ลูกค้าคิดว่าเราทำประกันแค่ตัวเดียว
เดี๋ยวนี้เขาขายประกันกันแบบนี้เหรอครับ