คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่สนับสนุนให้คุณทำแบบที่สองครับ.. ก็ที่มาบ่นๆ ในเวปนี้ก็มาจากบริษัทแบบที่สองทั้งนั้นแหล่ะ...
เอาเป็นว่าการทำงานแบบเล็กๆ แต่ชัดเจน สิ่งที่คุณได้รับก็คือ รู้รอบ+รู้ลึก ถามตรงๆ ไม่งั้นองค์กรพวกนี้มันจะใหญ่โตขึ้นมาได้อย่างไร?
ส่วนบริษัทที่ได้ทำงานทุกอย่าง ฟังดูดี ดูเหมือนเก่งใช่ไหม? ไม่เลย.ชีวิตพวกเขา "มีแต่ความมั่ว มั่ว มั่ว และก็มั่ว" มันไม่ได้มั่วที่เราคนเดียว
มันมั่วทั้งองค์กร องค์กรเล็กๆ ที่ไม่สามารถก้าวผ่านการสร้างระบบ การแบ่งงานที่ชัดเจนได้ ก็จะล้มลุกคลุกคลานอยู่แบบนั้น.. ไม่ได้เจ๊ง
ไม่ได้รวยขึ้น แต่อยู่ไปแบบแกนๆแบบนั้น.... ก็ลองอ่านกระทู้ล่างๆ ดูได้ มีแบบที่ผมพูดมาโพสอยู่เนืองๆ..
และที่สำคัญถ้าคุณมาจากองค์กรที่1 แล้วนำความรู้ความสามารถมาใช้กับองค์กรในแบบที่2 ฟังดูจะดี เหมือนจะเป็น "ผู้ปลดปล่อย" หรือ "ผู้เปลี่ยนเกมส์"เท่ห์ๆ ใช่ไหม? แต่ในความเป็นจริงก็คือ คุณจะถูกต่อต้านจากทุกระดับ (ยกเว้นคุณจะเป็นเจ้าของเอง-ซื้อองค์กรมาเล้ย) มีคนที่ตามคุณไม่ทัน ดื้อ กลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวตัวเองจะต้องทำงานหนักขึ้น+เสียผลประโยชน์ กลัวคุณได้ดีเกินหน้าพวกเขา-เข้าเกียร์ว่างซะ.. และองค์กรประเภทนี้ก็เละเทะต่อไป และผู้ปลดปล่อยก็จะต้องระเห็ดกลับไปอยู่องค์กรแบบที่1เหมือนเดิม... คนที่สามารถเปลี่ยนผ่านองค์กรแบบที่2 ไปเป็นแบบที่ 1 น่ะมี.. แต่น้อยครับ.. ซึ่งองค์กรที่จะประสบความสำเร็จแบบนี้ได้คือองค์กรที่ ผู้บริหาร+เจ้าของ สนับสนุน +ให้โอกาส+ไม่แทรกแซงการทำงานของคนที่เข้ามานั่นเอง..
เอาเป็นว่าการทำงานแบบเล็กๆ แต่ชัดเจน สิ่งที่คุณได้รับก็คือ รู้รอบ+รู้ลึก ถามตรงๆ ไม่งั้นองค์กรพวกนี้มันจะใหญ่โตขึ้นมาได้อย่างไร?
ส่วนบริษัทที่ได้ทำงานทุกอย่าง ฟังดูดี ดูเหมือนเก่งใช่ไหม? ไม่เลย.ชีวิตพวกเขา "มีแต่ความมั่ว มั่ว มั่ว และก็มั่ว" มันไม่ได้มั่วที่เราคนเดียว
มันมั่วทั้งองค์กร องค์กรเล็กๆ ที่ไม่สามารถก้าวผ่านการสร้างระบบ การแบ่งงานที่ชัดเจนได้ ก็จะล้มลุกคลุกคลานอยู่แบบนั้น.. ไม่ได้เจ๊ง
ไม่ได้รวยขึ้น แต่อยู่ไปแบบแกนๆแบบนั้น.... ก็ลองอ่านกระทู้ล่างๆ ดูได้ มีแบบที่ผมพูดมาโพสอยู่เนืองๆ..
และที่สำคัญถ้าคุณมาจากองค์กรที่1 แล้วนำความรู้ความสามารถมาใช้กับองค์กรในแบบที่2 ฟังดูจะดี เหมือนจะเป็น "ผู้ปลดปล่อย" หรือ "ผู้เปลี่ยนเกมส์"เท่ห์ๆ ใช่ไหม? แต่ในความเป็นจริงก็คือ คุณจะถูกต่อต้านจากทุกระดับ (ยกเว้นคุณจะเป็นเจ้าของเอง-ซื้อองค์กรมาเล้ย) มีคนที่ตามคุณไม่ทัน ดื้อ กลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวตัวเองจะต้องทำงานหนักขึ้น+เสียผลประโยชน์ กลัวคุณได้ดีเกินหน้าพวกเขา-เข้าเกียร์ว่างซะ.. และองค์กรประเภทนี้ก็เละเทะต่อไป และผู้ปลดปล่อยก็จะต้องระเห็ดกลับไปอยู่องค์กรแบบที่1เหมือนเดิม... คนที่สามารถเปลี่ยนผ่านองค์กรแบบที่2 ไปเป็นแบบที่ 1 น่ะมี.. แต่น้อยครับ.. ซึ่งองค์กรที่จะประสบความสำเร็จแบบนี้ได้คือองค์กรที่ ผู้บริหาร+เจ้าของ สนับสนุน +ให้โอกาส+ไม่แทรกแซงการทำงานของคนที่เข้ามานั่นเอง..
แสดงความคิดเห็น
ทำงานในบริษัทใหญ่ใช้ความสามารถน้อย กับทำงานบริษัทเล็กได้ใช้ความสามารถเต็มที่
เงินเดือนอยุ่ในเกณฑ์มาตรฐาน เงินขึ้นปีละ 5-7% สวัสดิการเหมาะสม มีโบนัส 4-5 เดือน
แต่ไม่ได้ใช้ความสามารถ และความรู้ที่เรามีทำงานได้อย่างเต็มที่
เนื่องจากเป็นงานประจำวัน ทำซ้ำ ๆ ทุกวัน ไม่มีอ่ะไรแปลกใหม่
ทำงานในตำแหน่งพนักงานทั่วไป
หน้างานไม่สามารถนำไปประกอบอาชีพส่วนตัวได้ เนื่องจากธุรกิจของบริษัท
ต้องมีการลงทุนมหาศาล
กับทำงานในบริษัทขนาดเล็ก พนักงาน ประมาณ 100 คน ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะไม่ขยายขนาดบริษัท
มีพนักงานไม่มาก การแบ่งแยกแผนกการทำงานรายละเอียดไม่ชัดเจน ช่วย ๆ กันทำให้งานลุล่วง
เงินเดือนสูงกว่าบริษัทขนาดใหญ่ 30% เงินเดือนปรับขึ้นปีละไม่เกิน 3% ไม่มีสวัสดิการ ไร้โบนัส
แต่ได้ใช้ความสามารถ ในการทำงานอย่างเต็มที่ ใช้ทักษะในการแก้ปัญหา
ติดต่อลูกค้า คิดราคา บริหารงบประมาณในองค์กร
ได้ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการ
หน้างานสามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพส่วนตัวได้
แบบไหนที่เพื่อน ๆ คิดว่าดีกว่ากัน
ขอบคุณครับ