เอกชน A เป็นงานที่อยากทำและเติมไฟให้ตัวเองได้ คำนวณเงินเดือน อัตราขึ้นเงินเดือน(ที่น้อยกว่า) โบนัส(ที่น้อยกว่า)
ก็ยังได้เงินมากกว่าในระยะเวลา 5 ปี เป็นสายที่เรียนมาโดยตรงและชอบเป็นงานอดิเรก มี Fringe benefit ที่หมายตามานาน แต่อาจกดดัน
เห็นภาพอนาคต 10 ปีหลังจากนี้ แต่การันตีไม่ได้ว่าจะประสบความสำเร็จแค่ไหน
รัฐวิสาหกิจ B ครอบครัวอยากให้ทำ (ไม่ก็ราชการ) เงินเดือนเริ่มต้นน้อยกว่า อัตราขึ้นเงินเดือนสูงกว่า โบนัสสูงกว่า
คำนวณภายใน 5 ปีได้เงินน้อยกว่า แต่สวัสดิการดี มั่นคง ถ้าอยู่จนเกษียณได้บำนาญเยอะ เห็นรุ่นพ่อแม่ให้อะไรเราได้มากมาย
การันตีภาพอนาคต 10 ปี มีงาน มีเงิน
แต่ใจมันไม่ไป.. มีงานอดิเรกอีก1อย่างที่ทำเป็นธุรกิจ เลยอยากทำ A ที่ชอบ และได้ทำงานอดิเรกไปด้วย
ซึ่งถ้าทำ B ยิ่งมีเวลาทำงานอดิเรกเยอะกว่า แต่เลือกงานอดิเรกได้แค่อย่างเดียว แถมกลัวความรู้ที่สั่งสมมาจะหายไป
ในยุคที่ความมั่นคงและเงินมันต้องมี กับคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่อยากพัฒนาสกิลต่อไปเป็นสิบๆปี
ผู้มีอายุมากประสบการณ์ กับคำบอกเล่าจากปากเพื่อน/รุ่นพี่ ช่างแตกต่างกัน
ไขว้เขวจริงๆ
จบใหม่ เอกชนเงินเดือน35000+ หรือรัฐวิสาหกิจ
ก็ยังได้เงินมากกว่าในระยะเวลา 5 ปี เป็นสายที่เรียนมาโดยตรงและชอบเป็นงานอดิเรก มี Fringe benefit ที่หมายตามานาน แต่อาจกดดัน
เห็นภาพอนาคต 10 ปีหลังจากนี้ แต่การันตีไม่ได้ว่าจะประสบความสำเร็จแค่ไหน
รัฐวิสาหกิจ B ครอบครัวอยากให้ทำ (ไม่ก็ราชการ) เงินเดือนเริ่มต้นน้อยกว่า อัตราขึ้นเงินเดือนสูงกว่า โบนัสสูงกว่า
คำนวณภายใน 5 ปีได้เงินน้อยกว่า แต่สวัสดิการดี มั่นคง ถ้าอยู่จนเกษียณได้บำนาญเยอะ เห็นรุ่นพ่อแม่ให้อะไรเราได้มากมาย
การันตีภาพอนาคต 10 ปี มีงาน มีเงิน
แต่ใจมันไม่ไป.. มีงานอดิเรกอีก1อย่างที่ทำเป็นธุรกิจ เลยอยากทำ A ที่ชอบ และได้ทำงานอดิเรกไปด้วย
ซึ่งถ้าทำ B ยิ่งมีเวลาทำงานอดิเรกเยอะกว่า แต่เลือกงานอดิเรกได้แค่อย่างเดียว แถมกลัวความรู้ที่สั่งสมมาจะหายไป
ในยุคที่ความมั่นคงและเงินมันต้องมี กับคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่อยากพัฒนาสกิลต่อไปเป็นสิบๆปี
ผู้มีอายุมากประสบการณ์ กับคำบอกเล่าจากปากเพื่อน/รุ่นพี่ ช่างแตกต่างกัน
ไขว้เขวจริงๆ