ปัญหาของรถไฟความเร็วสูง (HSR) ของไทยอยู่ที่ มีเครื่องบิน LowCost เป็นคู่แข่ง
ทำให้ HSR ต้องเก็บค่าโดยสาร กม ละ 2 บาท โครงการคืนทุนใน 50 ปี
จำนวนผู้โดยสารต่อวัน(ไป-กลับ) จึงต้องสูงถึงวันละ 50,000 คน (ตัวเลขจากการศึกษาของญี่ปุ่น)
วิธีคิด
https://www.1213.or.th/th/tools/programs/Pages/loans.aspx
HSR กทม-เชียงใหม่ ค่าก่อสร้าง 420,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2% คืนทุนใน 50 ปี ต้องจ่ายคืนเดือนละ 1,108 ล้านบาท
เมื่อรวมค่าจ้าง ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษา ฯลฯ จะต้องมีรายได้เดือนละ 1,800 ล้านบาท หรือวันละ 60 ล้านบาท
ค่าโดยสาร กทม-เชียงใหม่ 1,200 บาท จะต้องมีผู้โดยสารวันละ (60 x 1,000,000) / 1,200 = 50,000 คน
ปัจจุบัน กทม - เชียงใหม่ มีเครื่องบินวันละ 80 เที่ยว (ไป-กลับ) จำนวนผู้โดยสารวันละ 13,000 คน
เครื่องบิน กทม - พิษณุโลก + กทม - ลำปาง วันละ 2,000 คน
รวมผู้โดยสารวันละ 15,000 คน
สมมุติให้ เมื่อสร้าง HSR เสร็จ ผู้โดยสารเพิ่มเป็นวันละ 20,000 คน
เครื่องบิน LowCost และ HSR ใช้เวลาเดินทาง ละ ค่าใช้จ่ายเท่าๆกัน ผู้โดยสารแบ่งกัน 50:50 จะมีผู้โดยสาร HSR วันละ 10,000 คน
ยังห่างไกลจากเป้าหมายอยู่ 5 เท่า สร้างไปก็เจ๊งยับแน่นอน
-----------------------------------------------------------------------------------------
เอาผู้โดยสารวันละ 10,000 คน เป็นตัวตั้ง
จะได้ค่าโดยสารเดือนละ (10,000 x 1,200 x 30) / 1,000,000 = 360 ล้านบาท
เมื่อรวมรายได้อื่น เช่น ค่าเช่า ค่าโฆษณา ฯลฯ น่าจะมีรายได้เดือนละ 4xx ล้านบาท [จำนวนผู้โดยสารเพิ่ม ค่าโดยสารเพิ่มจากเงินเฟ้อ]
กู้เงิน 120,000 ล้าน ดอกเบี้ย 2% จ่ายคืน 50 ปี ต้องจ่ายเดือนละ 317 ล้านบาท
เมื่อรวมค่าจ้าง ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษา ฯลฯ น่าจะเป็นรายจ่ายเดือนละ 4xx ล้านบาท
แบบนี้ รายได้กับรายจ่ายใกล้เคียงกัน งบการก่อสร้างได้เท่านี้
ค่าก่อสร้าง กทม - เชียงใหม่ 120,000 ล้านบาท ระยะทาง 600 กม เฉลี่ย กม ละ 200 ล้านบาท
ราคานี้สร้างได้แต่รถไฟธรรมดาเท่านั้น ค่าก่อสร้าง HSR กม ละ 700 ล้าน
-----------------------------------------------------------------------------------------
ถ้าอยากสร้าง HSR ในราคารถไฟธรรมดา ลองแบบนี้
อ้างอิงจาก ผลการศึกษาฉบับเต็ม Hyperloop in thailand ของคุณธนาธร
https://drive.google.com/file/d/1jMRP-kIWRkRPp1VnKjMhtV9CYkJHSMSj/view
ตารางบางส่วนดูมั่วๆหน่อย ด้านขวาสุดไม่ตรงกับผลรวมของด้านซ้ายในหลายๆช่อง เว้นเรื่องตารางมั่วไว้ก่อน
เอาเป็น Total cost (M USD) 24,851MUSD ถูกละกัน
เป็นระยะทางเชียงใหม่ - ภูเก็ต 590 + 725 = 1315 KM
เฉลี่ย กม ละ 18.9 M-USD หรือ 18.9 x 32 = 605 ล้านบาท
- ค่าสร้างเสา กม ละ 67 ล้านบาท
- ค่าท่อ กม ละ 245 ล้านบาท
- ค่าแรง กม ละ 54 ล้านบาท
3 อย่างนี้ กม ละ 366 ล้านบาท ยังเกินงบที่ต้องการสร้าง กม ละ 200 ล้านบาท
ถ้าเราไม่ต้องการความเร็วสูง 1000 กม/ชม เอาแค่ 250 กม/ชม ก็พอ ไม่ต้องทำท่อเป็นสูญญากาศ
เดิมค่าท่อ กม ละ 245 ล้านบาท ถ้าเราใช้แค่ครึ่งเดียว จะเหลือ กม ละ 122 ล้านบาท
ไม่ต้องทำท่อเป็นสูญญากาศ ท่อไม่ต้องรับแรงดันมากเท่าเดิม ลดความหนาท่อลงครึ่งนึง จะเหลือ กม ละ 61 ล้านบาท
[ อันนี้มโนล้วนๆ ไม่รู้ความแข็งแรงของท่อ ต้องไปตรวจสอบเอาว่ารับแรงจาก Pod ไหวไหม]
จากตารางรูปบน Figure 29
- ค่าสร้างเสา กม ละ 67 ล้านบาท
- Galvanized ตัดทิ้ง (อันนี้ไม่เข้าใจว่าใช้ทำอะไร)
- ค่าท่อ กม ละ 61 ล้านบาท
- ทางออกฉุกเฉินตัดทิ้ง เพราะไม่เป็นท่อปิดแล้ว
- ถนน ตัดทิ้ง
- สถานีไฟฟ้า กม ละ 9 ล้าน
- Service Com ทุกๆ 250 เมตร ไม่แน่ใจว่าไว้ทำอะไร ตัดไปก่อน
- ค่าแรง กม ละ 30 ล้านบาท [มโนล้วนๆ ลดจาก 54]
- เงินฉุกเฉิน กม ละ 33 ล้าน [ลดจาก 55]
รวม รวมค่าก่อสร้าง กม ละ 200 ล้านบาท
ผู้โดยสารไป-กลับ วันละ 10,000 คน หรือ 5,000 คน ต่อ ทิศทาง
รถออกเวลา 7-21 รวม 14 ชั่วโมง เฉลี่ย ชม ละ 357 คน / ทิศทาง
ขบวนรถใช้แบบ Pod ของ HPL 1 ขบวน มี 2 ตู้โดยสาร รวม 100 คน ออกทุกๆ 15 นาที รวม 400 คน/ชม/ทิศทาง
สามารถเพิ่มได้สูงสุด 3 เท่า ออกทุกๆ 5 นาที หรือ เพิ่มตู้ เป็น 3-4 ตู้/ขบวน
เสนอโครงการศึกษา รถไฟความเร็วสูง รางเบา ค่าก่อสร้างเท่ารถไฟธรรมดา
ทำให้ HSR ต้องเก็บค่าโดยสาร กม ละ 2 บาท โครงการคืนทุนใน 50 ปี
จำนวนผู้โดยสารต่อวัน(ไป-กลับ) จึงต้องสูงถึงวันละ 50,000 คน (ตัวเลขจากการศึกษาของญี่ปุ่น)
วิธีคิด https://www.1213.or.th/th/tools/programs/Pages/loans.aspx
HSR กทม-เชียงใหม่ ค่าก่อสร้าง 420,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2% คืนทุนใน 50 ปี ต้องจ่ายคืนเดือนละ 1,108 ล้านบาท
เมื่อรวมค่าจ้าง ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษา ฯลฯ จะต้องมีรายได้เดือนละ 1,800 ล้านบาท หรือวันละ 60 ล้านบาท
ค่าโดยสาร กทม-เชียงใหม่ 1,200 บาท จะต้องมีผู้โดยสารวันละ (60 x 1,000,000) / 1,200 = 50,000 คน
ปัจจุบัน กทม - เชียงใหม่ มีเครื่องบินวันละ 80 เที่ยว (ไป-กลับ) จำนวนผู้โดยสารวันละ 13,000 คน
เครื่องบิน กทม - พิษณุโลก + กทม - ลำปาง วันละ 2,000 คน
รวมผู้โดยสารวันละ 15,000 คน
สมมุติให้ เมื่อสร้าง HSR เสร็จ ผู้โดยสารเพิ่มเป็นวันละ 20,000 คน
เครื่องบิน LowCost และ HSR ใช้เวลาเดินทาง ละ ค่าใช้จ่ายเท่าๆกัน ผู้โดยสารแบ่งกัน 50:50 จะมีผู้โดยสาร HSR วันละ 10,000 คน
ยังห่างไกลจากเป้าหมายอยู่ 5 เท่า สร้างไปก็เจ๊งยับแน่นอน
-----------------------------------------------------------------------------------------
เอาผู้โดยสารวันละ 10,000 คน เป็นตัวตั้ง
จะได้ค่าโดยสารเดือนละ (10,000 x 1,200 x 30) / 1,000,000 = 360 ล้านบาท
เมื่อรวมรายได้อื่น เช่น ค่าเช่า ค่าโฆษณา ฯลฯ น่าจะมีรายได้เดือนละ 4xx ล้านบาท [จำนวนผู้โดยสารเพิ่ม ค่าโดยสารเพิ่มจากเงินเฟ้อ]
กู้เงิน 120,000 ล้าน ดอกเบี้ย 2% จ่ายคืน 50 ปี ต้องจ่ายเดือนละ 317 ล้านบาท
เมื่อรวมค่าจ้าง ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษา ฯลฯ น่าจะเป็นรายจ่ายเดือนละ 4xx ล้านบาท
แบบนี้ รายได้กับรายจ่ายใกล้เคียงกัน งบการก่อสร้างได้เท่านี้
ค่าก่อสร้าง กทม - เชียงใหม่ 120,000 ล้านบาท ระยะทาง 600 กม เฉลี่ย กม ละ 200 ล้านบาท
ราคานี้สร้างได้แต่รถไฟธรรมดาเท่านั้น ค่าก่อสร้าง HSR กม ละ 700 ล้าน
-----------------------------------------------------------------------------------------
ถ้าอยากสร้าง HSR ในราคารถไฟธรรมดา ลองแบบนี้
อ้างอิงจาก ผลการศึกษาฉบับเต็ม Hyperloop in thailand ของคุณธนาธร
https://drive.google.com/file/d/1jMRP-kIWRkRPp1VnKjMhtV9CYkJHSMSj/view
ตารางบางส่วนดูมั่วๆหน่อย ด้านขวาสุดไม่ตรงกับผลรวมของด้านซ้ายในหลายๆช่อง เว้นเรื่องตารางมั่วไว้ก่อน
เอาเป็น Total cost (M USD) 24,851MUSD ถูกละกัน
เป็นระยะทางเชียงใหม่ - ภูเก็ต 590 + 725 = 1315 KM
เฉลี่ย กม ละ 18.9 M-USD หรือ 18.9 x 32 = 605 ล้านบาท
- ค่าสร้างเสา กม ละ 67 ล้านบาท
- ค่าท่อ กม ละ 245 ล้านบาท
- ค่าแรง กม ละ 54 ล้านบาท
3 อย่างนี้ กม ละ 366 ล้านบาท ยังเกินงบที่ต้องการสร้าง กม ละ 200 ล้านบาท
ถ้าเราไม่ต้องการความเร็วสูง 1000 กม/ชม เอาแค่ 250 กม/ชม ก็พอ ไม่ต้องทำท่อเป็นสูญญากาศ
เดิมค่าท่อ กม ละ 245 ล้านบาท ถ้าเราใช้แค่ครึ่งเดียว จะเหลือ กม ละ 122 ล้านบาท
ไม่ต้องทำท่อเป็นสูญญากาศ ท่อไม่ต้องรับแรงดันมากเท่าเดิม ลดความหนาท่อลงครึ่งนึง จะเหลือ กม ละ 61 ล้านบาท
[ อันนี้มโนล้วนๆ ไม่รู้ความแข็งแรงของท่อ ต้องไปตรวจสอบเอาว่ารับแรงจาก Pod ไหวไหม]
จากตารางรูปบน Figure 29
- ค่าสร้างเสา กม ละ 67 ล้านบาท
- Galvanized ตัดทิ้ง (อันนี้ไม่เข้าใจว่าใช้ทำอะไร)
- ค่าท่อ กม ละ 61 ล้านบาท
- ทางออกฉุกเฉินตัดทิ้ง เพราะไม่เป็นท่อปิดแล้ว
- ถนน ตัดทิ้ง
- สถานีไฟฟ้า กม ละ 9 ล้าน
- Service Com ทุกๆ 250 เมตร ไม่แน่ใจว่าไว้ทำอะไร ตัดไปก่อน
- ค่าแรง กม ละ 30 ล้านบาท [มโนล้วนๆ ลดจาก 54]
- เงินฉุกเฉิน กม ละ 33 ล้าน [ลดจาก 55]
รวม รวมค่าก่อสร้าง กม ละ 200 ล้านบาท
ผู้โดยสารไป-กลับ วันละ 10,000 คน หรือ 5,000 คน ต่อ ทิศทาง
รถออกเวลา 7-21 รวม 14 ชั่วโมง เฉลี่ย ชม ละ 357 คน / ทิศทาง
ขบวนรถใช้แบบ Pod ของ HPL 1 ขบวน มี 2 ตู้โดยสาร รวม 100 คน ออกทุกๆ 15 นาที รวม 400 คน/ชม/ทิศทาง
สามารถเพิ่มได้สูงสุด 3 เท่า ออกทุกๆ 5 นาที หรือ เพิ่มตู้ เป็น 3-4 ตู้/ขบวน