คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
สวัสดีค่ะ ไม่รู้ว่าคุณจะได้อ่านหรือเปล่า
อยากบอกว่าการเขียนก็ช่วยได้อย่างที่มีคนแนะนำ มันเป็นการเขียนที่ไม่ได้ให้ใครอ่านแม้กระทั่งเราเหมือนเป็นการจำโดยเมมไว้ตรงนี้ สมองเราก็อาจจะเริ่มลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปได้อาจเป็นชั่วขณะหนึ่ง หรือระยะยาว เราจะเริ่มลืมเรื่องบางเรื่องไปได้เองค่ะ แต่มันไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะเพียงแต่เราใช้กระดาษจำแทนเราค่ะ ดีกว่าอยู่ในสมองเยอะเลย
คำพูดอะไรก็แล้วแต่ เหตุผล สาเหตุ จริงๆเราจะรู้อยู่แล้วค่ะ ที่เข้ามาถามในนี้อาจจะอยากเห็นความคิดเห็นของคนอื่นว่าเป็นไง แต่ก็ไม่อยากให้คิดมากกับคนที่คิดไม่ตรงกับเรา เช่น เอาคนที่ลำบากกว่าเรามายกตัวอย่างว่าเขายังอยู่ได้ หรือเราอ่อนแอเกินไป เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เกิดจากการที่เขาเอาตัวเองมาตัดสินเรื่องของคุณเฉยๆค่ะ ประมาณว่าถ้าเขาเป็นแบบคุณ เจอแบบคุณ เขาจะไม่เป็นเหมือนคุณ เพราะว่า เขาเป็นเขาค่ะ ไม่ใช่เรา เราก็ไม่ได้เป็นเขา ผลลัพธ์จึงแตกต่างกันทางด้านความรู้สึก แต่จริงๆมันก็คือการซ้ำเติมทางอ้อมอยู่ดี ฉะนั้นอย่าคิดมากค่ะ ถ้ามาถามคำถามในนี้ก็จะเจอคำตอบ 2 แบบ คือที่อยู่ฝั่งเราและฝั่งตรงข้ามค่ะ ความรู้สึกเราอย่าเอาไปผูกกับสิ่งรอบตัวค่ะ พยายามอยู่กับตัวเองเยอะๆ(ตอนนี้ดิฉันยังทำลำบากเลยค่ะ😊แต่ความถึกทนของเราอาจไม่เท่ากัน คุณอาจรู้สึกดีขึ้นก่อนฉันก็ได้) ถ้าคิดอะไรไม่ออก ก็มองความจริงเยอะๆค่ะ บางทีอาจต้องมองความเป็นจริงว่าสิ่งที่เราเป็นมันอาจไม่ได้ผิด แต่มันแค่ไม่ถูกใจคนอื่น คำว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้หมายความว่าปกติค่ะ แค่เป็นค่านิยม ที่บางครั้งหลายเรื่องมันจะผิด แต่คนส่วนใหญ่โอเคมันเลยเป็นเรื่องเล็กพอเราทนไม่ได้เราเลยผิด ลองกำหนดกรอบให้ตัวเองกฎของเราที่บังคับใช้กับเราเอง เช่น พ่อแม่กดดันโดยไร้เหตุผลหรือแค่หาเรื่องมาว่า ก็จงอย่าฟังอย่าใส่ใจ เรื่องเรียนถ้ามันไม่ได้แย่จริงๆ แบบ3.00ขึ้นแล้วนยังมีปัญหา ก็อย่าใส่ใจ ถามตัวเองว่าพอใจหรือเปล่าแค่นั้น(สำหรับเราเกรด4ที่ได้มาก็ยังมีปัญหาเลยค่ะ ปัญหาพวกนี้เราพึ่งจะปลงไม่สนใจจริงๆ เราใช้เวลาเกือบ8ปี กว่าเราจะได้ค้นพบบางอย่างเพื่อหลุดพ้น สิ่งแย่ๆต่อให้เป็นพ่อแม่ก็คือแย่ค่ะไม่มีข้อยกเว้น) อย่าแบกคำพูดคนอื่นแม้กระทั่งพ่อแม่ถ้าเขามีปัญหาแค่เพราะเราไม่ได้ดั่งใจทุกครั้งหรือที่เขาตั้งไว้(ต้องดูด้วยว่าเขาช่วยสนับสนุนให้เราดีขึ้นจากการกระทำหรือเปล่า จ่ายค่าเทอม ให้เงินไปเรียน อย่างนี้ไม่นับ แต่ถ้ามีการให้ไปเรียนพิเศษแล้ว แต่เรารู้สึกว่าทำได้ดีที่สุดเท่านี้ ก็ลองขอเลิกเรียนพิเศษดู เพราะเรียนไม่เรียนก็ไม่ประมาณนี้ ลดความกดดันได้นิดนึง😄) แต่ก่อนจะคิดได้หรือทำให้ความรู้สึกเครียดของเราลดลง เราต้องมองเห็นอะไรบางอย่างก่อน คิดบางอย่างได้ก่อนซึ่งเราตอบไม่ได้ มันเป็นจะสิ่งช่วยเราปลดล็อคแล้วเริ่มดีขึ้น ถ้าอยู่ๆความคิดไม่ดีเข้ามา ก็เปลี่ยนเป็นคิดเรื่องที่เรามีความสุขหรือสิ่งที่เราชอบมาแทนที่ภาพนั้นความรู้สึกนั้น ไม่ต้องมีเหตุผลในการคิดหรอก เพราะบางครั้งความคิดแย่ๆ มันก็มาโดยไม่มีเหตุเหมือนกันแม้แต่เราอยู่คนเดียวมันก็อาจจะคิดขึ้นมาได้ ทำไปสักพักเราจะรู้สึกเองใข้เวลาไม่กี่วิ
*เรื่องจิตแพทย์ลองไป รพ.เอกชนก็จะดีกว่า เพราะหมอ รพ.รัฐคนไข้เยอะ เลยมีเวลาให้เราไม่เยอะคุยไม่เกิน30นาทีหรอก อาจจะเป็นการลองคุยกับหมอเอกชนในครั้งแรกเพื่อหาสาเหตุว่าเราเป็นอะไรแน่ๆ และไปรับการรักษาที่ รพ.รัฐก็ได้นะ เอกชนเลือกหมอได้ เพราะค่าตัวหมอราคาไม่เท่ากัน มีทั้งราคาเบา500-3,000 รพ.มนารมณ์(ไม่แน่ใจพิมพ์ชื่อ รพ.ถูกมั๊ย)
***เราพูดในฐานะที่ หมดศรัทธาคำว่าครอบครัว พ่อแม่แล้วนะคะ คุณอาจจะเป็นไปในทางใดทางหนึ่งก็ได้ค่ะ วิธีแก้ปัญหามีเยอะค่ะ แต่ที่แก้ปัญหาเรามีนิดเดียวค่ะ ลองทดสอบหาเอานะคะ ดิฉันใช้เวลาที่ตระหนักรู้ว่ามีปัญหาว่าเกิดจากอะไร มองความเป็นจริงนะคะ เราจะเห็นเอง ตัดสินใจว่าควรทำอะไรต่อไปดี วิธีแก้จะแคบลงค่ะ ทำเท่าที่ทำได้ ค่อยๆไหล จะได้ไม่โยโย่เอฟเฟคเยอะ😊😊
อยากบอกว่าการเขียนก็ช่วยได้อย่างที่มีคนแนะนำ มันเป็นการเขียนที่ไม่ได้ให้ใครอ่านแม้กระทั่งเราเหมือนเป็นการจำโดยเมมไว้ตรงนี้ สมองเราก็อาจจะเริ่มลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปได้อาจเป็นชั่วขณะหนึ่ง หรือระยะยาว เราจะเริ่มลืมเรื่องบางเรื่องไปได้เองค่ะ แต่มันไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะเพียงแต่เราใช้กระดาษจำแทนเราค่ะ ดีกว่าอยู่ในสมองเยอะเลย
คำพูดอะไรก็แล้วแต่ เหตุผล สาเหตุ จริงๆเราจะรู้อยู่แล้วค่ะ ที่เข้ามาถามในนี้อาจจะอยากเห็นความคิดเห็นของคนอื่นว่าเป็นไง แต่ก็ไม่อยากให้คิดมากกับคนที่คิดไม่ตรงกับเรา เช่น เอาคนที่ลำบากกว่าเรามายกตัวอย่างว่าเขายังอยู่ได้ หรือเราอ่อนแอเกินไป เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เกิดจากการที่เขาเอาตัวเองมาตัดสินเรื่องของคุณเฉยๆค่ะ ประมาณว่าถ้าเขาเป็นแบบคุณ เจอแบบคุณ เขาจะไม่เป็นเหมือนคุณ เพราะว่า เขาเป็นเขาค่ะ ไม่ใช่เรา เราก็ไม่ได้เป็นเขา ผลลัพธ์จึงแตกต่างกันทางด้านความรู้สึก แต่จริงๆมันก็คือการซ้ำเติมทางอ้อมอยู่ดี ฉะนั้นอย่าคิดมากค่ะ ถ้ามาถามคำถามในนี้ก็จะเจอคำตอบ 2 แบบ คือที่อยู่ฝั่งเราและฝั่งตรงข้ามค่ะ ความรู้สึกเราอย่าเอาไปผูกกับสิ่งรอบตัวค่ะ พยายามอยู่กับตัวเองเยอะๆ(ตอนนี้ดิฉันยังทำลำบากเลยค่ะ😊แต่ความถึกทนของเราอาจไม่เท่ากัน คุณอาจรู้สึกดีขึ้นก่อนฉันก็ได้) ถ้าคิดอะไรไม่ออก ก็มองความจริงเยอะๆค่ะ บางทีอาจต้องมองความเป็นจริงว่าสิ่งที่เราเป็นมันอาจไม่ได้ผิด แต่มันแค่ไม่ถูกใจคนอื่น คำว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้หมายความว่าปกติค่ะ แค่เป็นค่านิยม ที่บางครั้งหลายเรื่องมันจะผิด แต่คนส่วนใหญ่โอเคมันเลยเป็นเรื่องเล็กพอเราทนไม่ได้เราเลยผิด ลองกำหนดกรอบให้ตัวเองกฎของเราที่บังคับใช้กับเราเอง เช่น พ่อแม่กดดันโดยไร้เหตุผลหรือแค่หาเรื่องมาว่า ก็จงอย่าฟังอย่าใส่ใจ เรื่องเรียนถ้ามันไม่ได้แย่จริงๆ แบบ3.00ขึ้นแล้วนยังมีปัญหา ก็อย่าใส่ใจ ถามตัวเองว่าพอใจหรือเปล่าแค่นั้น(สำหรับเราเกรด4ที่ได้มาก็ยังมีปัญหาเลยค่ะ ปัญหาพวกนี้เราพึ่งจะปลงไม่สนใจจริงๆ เราใช้เวลาเกือบ8ปี กว่าเราจะได้ค้นพบบางอย่างเพื่อหลุดพ้น สิ่งแย่ๆต่อให้เป็นพ่อแม่ก็คือแย่ค่ะไม่มีข้อยกเว้น) อย่าแบกคำพูดคนอื่นแม้กระทั่งพ่อแม่ถ้าเขามีปัญหาแค่เพราะเราไม่ได้ดั่งใจทุกครั้งหรือที่เขาตั้งไว้(ต้องดูด้วยว่าเขาช่วยสนับสนุนให้เราดีขึ้นจากการกระทำหรือเปล่า จ่ายค่าเทอม ให้เงินไปเรียน อย่างนี้ไม่นับ แต่ถ้ามีการให้ไปเรียนพิเศษแล้ว แต่เรารู้สึกว่าทำได้ดีที่สุดเท่านี้ ก็ลองขอเลิกเรียนพิเศษดู เพราะเรียนไม่เรียนก็ไม่ประมาณนี้ ลดความกดดันได้นิดนึง😄) แต่ก่อนจะคิดได้หรือทำให้ความรู้สึกเครียดของเราลดลง เราต้องมองเห็นอะไรบางอย่างก่อน คิดบางอย่างได้ก่อนซึ่งเราตอบไม่ได้ มันเป็นจะสิ่งช่วยเราปลดล็อคแล้วเริ่มดีขึ้น ถ้าอยู่ๆความคิดไม่ดีเข้ามา ก็เปลี่ยนเป็นคิดเรื่องที่เรามีความสุขหรือสิ่งที่เราชอบมาแทนที่ภาพนั้นความรู้สึกนั้น ไม่ต้องมีเหตุผลในการคิดหรอก เพราะบางครั้งความคิดแย่ๆ มันก็มาโดยไม่มีเหตุเหมือนกันแม้แต่เราอยู่คนเดียวมันก็อาจจะคิดขึ้นมาได้ ทำไปสักพักเราจะรู้สึกเองใข้เวลาไม่กี่วิ
*เรื่องจิตแพทย์ลองไป รพ.เอกชนก็จะดีกว่า เพราะหมอ รพ.รัฐคนไข้เยอะ เลยมีเวลาให้เราไม่เยอะคุยไม่เกิน30นาทีหรอก อาจจะเป็นการลองคุยกับหมอเอกชนในครั้งแรกเพื่อหาสาเหตุว่าเราเป็นอะไรแน่ๆ และไปรับการรักษาที่ รพ.รัฐก็ได้นะ เอกชนเลือกหมอได้ เพราะค่าตัวหมอราคาไม่เท่ากัน มีทั้งราคาเบา500-3,000 รพ.มนารมณ์(ไม่แน่ใจพิมพ์ชื่อ รพ.ถูกมั๊ย)
***เราพูดในฐานะที่ หมดศรัทธาคำว่าครอบครัว พ่อแม่แล้วนะคะ คุณอาจจะเป็นไปในทางใดทางหนึ่งก็ได้ค่ะ วิธีแก้ปัญหามีเยอะค่ะ แต่ที่แก้ปัญหาเรามีนิดเดียวค่ะ ลองทดสอบหาเอานะคะ ดิฉันใช้เวลาที่ตระหนักรู้ว่ามีปัญหาว่าเกิดจากอะไร มองความเป็นจริงนะคะ เราจะเห็นเอง ตัดสินใจว่าควรทำอะไรต่อไปดี วิธีแก้จะแคบลงค่ะ ทำเท่าที่ทำได้ ค่อยๆไหล จะได้ไม่โยโย่เอฟเฟคเยอะ😊😊
แสดงความคิดเห็น
ทำไมการมีชีวิตอยู่ถึงน่าเบื่อขนาดนี้คะ
เราคิดอยากตายแทบทุกวัน เราเคยทำมันครั้งนึงเมื่อนานมากแล้วด้วยการกินยา เราทำไม่สำเร็จ และครั้งนั้นเราเห็นแม่ร้องไห้แทบขาดใจ เราเลยสัญญาไว้ว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก แต่ตอนนี้ความคิดบ้าๆเริ่มกลับมาอีกแล้วค่ะ และมันเหนื่อยมากเวลาที่ต้องดึงตัวเองกลับมา