9 เทคนิคลดค่าเบี้ยประกันภัยชั้น 1 !!!

กระทู้สนทนา

“รถของใคร ใครก็ต้องหวง” ใช่ไหมครับ ทำให้ใครหลายๆ คนเลือกที่จะทำประกันภัยให้กับรถยนต์สุดที่รักของตนเอง โดยประกันภัย
รถยนต์หลักๆ ประกอบด้วย ประกันภัยภาคบังคับหรือที่เรียกว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ.) กับประกันภัยภาค
สมัครใจ เจ้าของรถยนต์จะทำหรือไม่ก็ได้ ซึ่งหลักๆ ประกอบไปด้วยประกันภัยชั้น 1, 2+, 2, 3+, 3 ในแต่ละประเภทจะมีความคุ้มครอง
ที่ลดหลั่นกันลงมาอ่านเพิ่มได้ที่ https://ppantip.com/topic/37436368 โดยประกันภัยชั้น 1 จะมีการคุ้มครองมากที่สุด จึงเหมาะแก่การ
ทำประกันภัยให้กับรถยนต์ที่ตนเองรัก แต่ด้วยความคุ้มครองที่มากจึงมีค่าเบี้ยที่สูงกว่าประกันภัยประเภทอื่นๆ ทำให้หลายๆ คนลังเลว่า
จะทำดีไหม

วันนี้ K-Expert อยากมาแนะนำ 9 เทคนิคในการลดค่าเบี้ยประกันชั้น 1 เอาไว้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการตัดสินใจสำหรับเพื่อนๆ
ที่อยากทำประกันภัยชั้น 1 ที่ยังคงลังเลใจกันนะครับ

1. ติดตั้งกล้องติดรถยนต์ (CCTV) เราสามารถลดค่าเบี้ยได้ 5-10% เพียงแค่เรานำกล้องติดรถยนต์ที่อยู่ในสภาพใช้งานได้มาติดที่
รถยนต์ของเรา แล้วแจ้งไปที่บริษัทประกันภัยให้ทราบ เพียงแค่นี้เราก็สามารถขอลดค่าเบี้ยได้
ข้อควรระวัง หมั่นตรวจสอบกล้องเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานได้ตลอดเวลา เพราะหากเกิดอุบัติ เราจำเป็นต้องนำวีดีโอที่บันทึกไว้
มาให้กับเจ้าหน้าที่ประกันภัยเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาต่อไป

2. ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หากเราเป็นคนที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เราสามารถแจ้งกับทางบริษัทประกันภัยเพื่อขอลดค่าเบี้ยได้ 10%
ข้อควรระวัง การเลือกเงื่อนไขข้อนี้ต้องไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด หากเราดื่มแล้วเกิดอุบัติเหตุ โดยเราเป็นฝ่ายผิด บริษัท
ประกันจะจ่ายเงินค่าสินไหมให้บุคคลภายนอกไปก่อน แต่เราต้องนำเงินดังกล่าวมาคืนให้บริษัทประกันภายใน 7 วัน

3. การระบุชื่อผู้ขับขี่ หากเราสามารถระบุชื่อผู้ขับขี่รถยนต์ที่ทำประกันภัยได้ เราสามารถแจ้งรายชื่อผู้ขับขี่กับบริษัทประกันเพื่อขอลด
ค่าเบี้ยลงได้ โดยบริษัทประกันส่วนใหญ่จะให้ระบุชื่อผู้ขับขี่ได้ 2 คน ซึ่งจะคิดค่าเบี้ยจากคนที่ถูกระบุชื่อที่มีอายุน้อยที่สุด สำหรับราย
ละเอียดส่วนลดค่าเบี้ยตามอายุผู้ขับขี่มีดังนี้


ข้อควรระวัง หากเกิดอุบัติเหตุโดยที่เราเป็นฝ่ายผิด และผู้ขับขี่ขณะนั้นไม่ได้ถูกระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ ประกันยังให้ความคุ้มครองอยู่
แต่เคสนี้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมแชร์ค่าใช้จ่ายกับบริษัทประกันในการซ่อมรถคู่กรณีและซ่อมรถตัวเอง ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ขึ้นอยู่กับ
เงื่อนไขในกรมธรรม์ และเรียกว่า “ค่าผิดเงื่อนไข” ไม่ใช่ค่า Excess ** ซึ่งจะเป็นคนละส่วนกันนะครับ

4. กำหนดค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) หากเราเป็นคนที่ขับรถดีปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด สามารถเลือกเงื่อนไข
การกำหนดค่าเสียหายส่วนแรก ซึ่งจะถูกระบุไว้เป็นจำนวนเงินที่แน่นอนในกรมธรรม์ ส่วนใหญ่วงเงินอยู่ระหว่าง 2,000 – 5,000 บาท
ขึ้นอยู่กับเราเลือก โดยสามารถแจ้งกับทางผู้รับประกันเพื่อขอลดค่าเบี้ยฯ ลงได้
ข้อควรระวัง หากเลือกข้อนี้แล้วขับรถประสบอุบัติเหตุโดยเราเป็นฝ่ายผิด เราต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
เช่น กำหนดค่าเสียหายส่วนแรกไว้ 5,000 บาท ถ้าเกิดอุบัติเหตุเราต้องเสียเงิน 5,000 บาท ต่อการเรียกเคลมในครั้งนั้นๆ ซึ่งข้อนี้
ไม่เหมาะกับมือใหม่หัดขับที่ยังขับรถไม่เก่ง หรือคนที่รู้สึกว่าตนเองขับรถชนบ่อยครั้ง

5. ซ่อมอู่มาตรฐานในเครือบริษัทประกัน หากเพื่อนๆ เลือกข้อนี้ แนะนำให้ดูก่อนว่าแถวบ้าน หรือที่ทำงานมีอู่มาตรฐานหรือไม่ การ
บริการเป็นอย่างไร หากเลือกข้อนี้สามารถขอลดค่าเบี้ยได้ประมาณ 10%-30% ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน แต่หากยังเลือก
ไม่ได้ว่าอยากได้แบบไหนระหว่าง “ซ่อมห้าง หรือ ซ่อมอู่” แนะนำให้อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://ppantip.com/topic/38580698 เพื่อใช้เป็น 
ข้อมูลช่วยตัดสินใจ
ข้อควรระวัง มีโอกาสพบกับอู่ที่ไม่ได้มาตรฐานตามที่ต้องการ หรือการบริการไม่เป็นตามที่คาดหวัง หากพบเหตุการณ์เช่นนี้ แนะนำให้
เพื่อนๆ ติดต่อกลับไปยังของบริษัทประกันภัยนั้นๆ

6. ลดทุนประกัน หากเราคิดว่าวงเงินที่บริษัทประกันภัยกำหนดมาให้สูงเกินไป สามารถขอลดวงเงินความคุ้มครองลงมาได้ จะช่วยทำให้
ค่าเบี้ยลดลงมาตามความคุ้มครองที่ลดลง
ข้อควรระวัง การลดทุนประกันเท่ากับเป็นการลดวงเงินความคุ้มครองลงมา หากเกิดอุบัติเหตุรุนแรง ประเมินความเสียหายแล้วอาจจะ
มากกว่าค่าเบี้ยประกันที่ถูกลงได้ เท่ากับว่าเราต้องแบกรับความเสี่ยงส่วนนี้ไว้เอง

7. ลดความคุ้มครอง หากเราคิดว่าความคุ้มครองบางอย่างไม่จำเป็น สามารถตัดออกไปได้ เช่น เงื่อนไขมีรถให้ใช้ระหว่างการซ่อม หากที่
บ้านเรามีรถหลายคันที่ใช้แทนกันได้ เงื่อนไขนี้อาจจะไม่จำเป็น ซึ่งทำให้ลดค่าเบี้ยลงได้
ข้อควรระวัง เงื่อนไขที่เราตัดสินใจตัดออกไปนั้น เราต้องมั่นใจว่าเราจะไม่จำเป็นต้องใช้มันในยามจำเป็นจริงๆ

8. ส่วนลดกลุ่ม หากที่บ้านมีรถหลายคัน และเลือกทำประกันภัยจากผู้รับประกันภัยเดียวกันและทำพร้อมกัน เราสามารถแจ้งบริษัทประกัน
ให้คำนวณส่วนลดค่าเบี้ยมาให้เพิ่ม และสามารถลดค่าเบี้ยลงได้ถึง 10%
ข้อควรระวัง หลังจากที่บริษัทประกันคิดค่าเบี้ยมาให้แล้วเราควรตรวจสอบรายละเอียด และเปรียบเทียบกับที่อื่นๆก่อนตกลงทำ เพื่อผล
ประโยชน์ของเราเอง

9. ส่วนลดประวัติดี ข้อนี้เพื่อนๆ แค่เป็นคนที่ไม่มีการเคลมประกันในแต่ละปี หรือไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลย ในปีต่อไปจะได้ส่วนลดค่าเบี้ย
สำหรับผู้ขับขี่ที่มีประวัติดี โดยมีอัตราดังนี้


ข้อควรระวัง หากได้ส่วนลดประวัติดีแล้ว ภายหลังมีการเคลมขึ้น ส่วนลดจะถูกลดลงทีละขั้น เช่น ได้ส่วนลด 40% หากมีการเคลม
เบี้ยปีถัดไปจะปรับลงเหลือ 30% แต่หากเกิดความเสียหายรุนแรง หรือมีการเคลมติดต่อกันหลายครั้ง และมีค่าซ่อมสูงกว่าค่าเบี้ยถึง
200% จะถูกลดค่าเบี้ยในปีถัดไปถึง 2 ขั้น จากตัวอย่างเดิม เช่น ได้ส่วนลด 40% ก็จะถูกลดลงเหลือ 20%

มาถึงตรงนี้เพื่อนๆ หลายคนอาจจะบอกว่าหากเราสามารถทำได้ทั้ง 9 เทคนิค เราสามารถขอลดค่าเบี้ยฯ ได้เกือบ 60% ถือว่าถูกมากๆ
แต่ในความเป็นจริงบริษัทประกันภัยจะมีหลักเกณฑ์อยู่ว่าค่าเบี้ยหลังหักส่วนลดต่างๆ แล้วต้อง ไม่ต่ำกว่า 40%-50% แสดงว่าต่อให้เรา
ทำได้ครบทั้ง 9 เทคนิค เราก็จะได้ส่วนลดไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด

หากใครไม่มีเวลามาจัดการเทคนิคต่างๆ แต่ยังคงอยากได้ส่วนลดจากการทำประกันภัยชั้น 1 ปัจจุบันธนาคารหลายๆ แห่งก็มีประกัน
รถยนต์แบบสำเร็จรูปซึ่งได้มีการคิดค่าเบี้ยแบบให้ส่วนลดกลุ่ม (เทคนิคข้อ 8) มาให้ ทำให้ลดค่าเบี้ย ลงมา 10%-15%

ทางทีมงาน K-Expert หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ให้รู้ถึงวิธีการลดค่าเบี้ยประกันภัยชั้น 1 รวมทั้งข้อดีและข้อควรระวังใน
การเลือกเทคนิคในแต่ละข้อที่แนะนำมา ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์ เพื่อนๆ อย่าลืมศึกษาเงื่อนไขและรายละเอียดของ
บริษัทประกันภัยแต่ละแห่งให้ดีด้วยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่