กลับมาอีกแล้วนะคะ วันนี้เราจะพาทุกคนไปดินเนอร์เคล้ากับการฟังเพลงโอเปร่า ท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก เรารู้จักร้านนี้เพราะคู่เดทเคยไปทาน และเห็นว่ามันโรแมนซ์ดี เลยอยากจะพาเราไปบ้าง เราลองอ่านรีวิวจาก ร้านค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียวเพราะได้อยู่อันดับ 3 ของร้านอาหารอิตาเลียนที่ดีที่สุดในกรุงเทพ

เราประทับใจการตกแต่งของร้าน และบรรยากาศของร้านมากๆตั้งแต่ที่เดินเข้ามา เพราะรู้สึกได้ถึงความเป็นส่วนตัว และความโรแมนติก ร้านใช้แสงไฟแบบสลัวๆ ทำให้เหมาะกับการพาคนรักมานั่งคุยกระหนุงกระหนิงมาก
Credit ภาพ : หน้าเว็บไซต์ของ Hotel Muse

นี่เป็นเมนูของร้านที่เราได้มาจากหน้าเว็บไซต์ของ Hotel Muse ค่ะ ราคานี้ยังไม่รวม Vat 7%  และ Service Charge 10% นะคะ

สั่งอาหารเสร็จพนักงานจะนำ Complimentary Pumpkin Truffle Soup และ ขนมปังมาเสิร์ฟมาพร้อมกับ Olive oil และ ซอว balsamic เราชอบตัวซุปมาก รสมันละมุนลิ้น และหอมกลิ่น Truffle oil สุดๆ

ตัว Apetizer นั้นเราเลือกเป็น Hokkaido Scallops ซึ่งตัวนี้เขา cook มาแค่นิดหน่อย ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความสด และนุ่มละมุนลิ้น ถ้า cook มากกว่านี้คงจะเสียรสชาติ ส่วนตัวชอบซอสส้มมากๆ เพราะทานคู่กันแล้วมันสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกำลังลอยไปทะเลยังไงอย่างงั้นเลย

มาถึง Main Course เราทานเป็น Beef Rossini อาจจะไม่ใช่อาหารอิตาเลียน แต่เราอยากกิน เราต้องได้กิน 555 เราเลือกทานคู่กับไวน์แดง พนักงานบอกว่าถ้าเราชื้อไวน์ตัวนี้ไปทานเอง ให้ชิลให้มันเย็นๆ จะทานอร่อยมาก แต่.... วันนี้ที่เรามาทาน ไวน์เราไม่เย็น ออกจะอุ่นด้วยซ้ำ เหมือนเค้าไม่ได้ชิลมา
เราก็งงๆ แต่ก็ตามนั้นค่ะ ไม่เป็นไร ทานได้ 555 เนื้อเราสั่งแบบ Medium Rare เซฟทำออกมาได้สุกพอดี และฟัวกราส์อร่อยมากกกกกก ละลายในปากละมุนสุด ที่สำคัญคือไม่เหม็นสาบเลยแม้แต่น้อย ซึ่งบางร้านที่เราไปทานถ้าออกมาเหม็น เราจะกินไม่ได้ทันที แต่ของที่นี่ฟินส์มากคร่า ข้อเสียของจานนี้มีแค่อย่างเดียวคือ pan seared spinach ที่รองเนื้อมาเค็มมากๆ มันเค็มจนเรากินไม่ได้เลย ทั้งที่เราโครตจะชอบ จะบอกว่าสิ่งนี้ทำให้เรารู้สึกแย่กับจานนี้ไปเลยก็ได้  

ระหว่างดินเนอร์จะมีนักกร้องออกมาร้องเพลงโอเปร่าให้ฟังทุกๆ 30 นาที รอบละประมาณ 10 นาที เริ่มตั้งแต่สองทุ่มครึ่ง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เรามานั่งทานข้าวแล้วมีคนมาร้องเพลงโอเปร่าให้ฟัง เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับเรา
 

มาที่จานสุดท้ายคือของหวาน เราจะกลับบ้านได้ยังไงคะ ถ้าเรายังได้หาอะไรมาล้างปาก เหะๆ ของมันต้องโดนอ่ะเนอะ เราสั่งเป็น Vanilla Pana Cotta เสิร์ฟมาพร้อมกับเจลลี่สตอเบอรรี่ สตอเบอรรี่สด ซอสสตอเบอรรี่ และพิตาชอโอ้สป้อนจ์ จะบอกว่าจานนี้คือสิ่งดีงามที่สุดของดินเนอร์คืนนี้ก็ได้ เราชอบมากๆ อร่อย ละมุน นุ่ม และสดชื่น

สรุปนะคะ ที่นี่บรรยากาศดี โรแมนติกมาก เหมาะพาคนรักมาดินเนอร์สักครั้ง สิ่งที่ขัดใจเราคงเป็นเรื่องไวน์ที่เสิร์ฟมาไม่เย็น และผักโขมที่ทำออกมาเค็มมากจนทานไม่ได้ Service พนักงานดูแลค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยรวมถือว่าโอเคค่ะ ถ้ามีโอกาสก็จะกลับไปใช้บริการอีก