คนเคยเป็นโรคซึมเศร้ามานานปรับตัวยังไงให้กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติคะ?

กระทู้นี้เหมือนกึ่งๆ ระบายความรู้สึกนึดนึง เพราะอึดอัดมากเลยค่ะ ไม่รู้จะไปปรึกษาใครได้...
ขอเกริ่นนิกนึงนะคะ เราเป็นโรคซึมเศร้ามานานมากเกือบ 10 ปีเลยก็ว่าได้หาหมอและได้รับยาต้านเศร้ารักษามาเรื่อยๆ จนหายดีเมื่อปีก่อน
สาเหตุที่เป็นเพราะมีปัญหาในครอบครัว เราอดทนมานานมาก คนในบ้านชอบทะเลาะกันรุนแรงให้เห็นตั้งแต่เด็กๆ 
เมื่อก่อนอดหลับอดนอนเยอะสุดๆ แต่ไม่เคยขาดเรียนนะ กลัวเรียนไม่ท้นเพื่อน (บางวันยิงยาวไปโรงเรียนทั้งที่ยังไม่ได้นอนก็มี) ทรมานมาก ไปเรียนก็เรียนไม่ค่อยรู้เรื่องอาศัยส่งงานให้ครบเอา (เกรดก็ออกมาดีตลอด) บางวันทำการบ้านอยู่โดนคนที่บ้านด่าอย่างหมูอย่างหมาเลยแบบหยาบคายมากๆ เหมือนว่าเราเป็นภาระและไม่ควรเกิดมา ว่าเราว่าเป็นคนโง่ น้ำตานี่หยดลงงานเลย ข้าวแต่ละมื้อก็กินทั้งน้ำตา เหมือนเราทำอะไรก็ไม่เคยดีในสายตาเขา ไม่เคยได้รับคำชมเลยแม้ว่าเราจะประกวดนู้นนี่นั้นได้รับรางวัลมากมาย เราก็ยังโดนด่าอยู่ดี ให้กำลังใจก็ไม่มี อมยิ้ม08
บ้างครั้งทะเลาะรุนแรงถึงขั้นตบตีมีเลือดตกยางออกบ้างก็มี ใช้อาวุธร้ายแรงด้วยนะบางที เขาแทบไม่เคยคุยกันดีๆ เลย เราเคยคิดนะว่าถ้าไม่รักกันจะอยู่ด้วยกันทำไมครอบครัวนี้ ไม่เคยแสดงความรักความห่วงใยใดๆ ต่อกันเลย เคยร้องไห้เพราะไม่อยากกลับบ้านด้วยมันเหมือนกลับไปเจอนรก เราไม่มีความสุขเลย

ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ที่เราเจอมามันหล่อหลอมให้เราเป็นคนก้าวร้าวมากในช่วงวัยเด็ก ทั้งอารมณ์ทั้งคำพูดคำจา เราเลยไม่ค่อยมีเพื่อน แต่พอเราโตขึ้นหน่อยเราก็คิดได้ว่า ถ้าเราไม่ชอบอะไรเราก็ไม่ควรส่งต่อมันให้คนอื่นอย่างความรุนแรงที่เราเห็นมา เราเลยปรับปรุงตัวเอง ให้สงบลง ใจเย็นลง ทำจนเป็นคนเย็นชาไปพักนึง ไม่ยิ้มไม่หัวเราะ ไม่พูดจากับใคร จนมีคนที่รร.เข้าใจผิดว่าเป็นใบ้ (เงียบแค่ไหนคิดดู) อมยิ้ม20เราคิดว่าไม่อยากพูดอะไรกับใครเพราะ ไม่อยากทำร้ายใครเหมือนที่บ้านทำกับเรา เราเก็บความเจ็บปวดไว้ที่ตัวเอง จนถึงจุดๆ นึงมันไม่ไหวร้องไห้กลางห้องเรียนเลย คนถามเยอะแยะนะแต่เราเลือกที่จะไม่บอกใครเพราะคิดว่า บอกไปเขาก็ช่วยอะไรเราไม่ได้

เราเผชิญกับความเศร้าจนมันถึงขีดสุด เราคิดว่าควรจะตายซะดีกว่าจะได้ไม่ทรมานอีกต่อไป พยายามกินยาเกินขนาดก็ไม่ตาย ผูกคอก็ไม่ตายเชือกขาด พยายามหลายครั้งมากก็ไม่ตายสักที เรามานั่งทบทวนอีกครั้ง ว่านี้เราแย่ขนาดนั้นเลยหรอ ไม่มีค่าถึงขนาดคนในโลกความจริงเขาไม่ยอมรับเราไม่พอ ความตายยังจะไม่ยอมรับตัวเราอีกเวรกรรมจริงๆ อยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น พอจะตายก็ไม่ให้ไปอีก เพี้ยนสะอื้น

เลยได้แต่ภาวนาว่าสักวันนึงชีวิตต้องดีขึ้น หวังพึ่งปาฏิหารย์ แล้วมันก็ดีขึ้นจริงๆ เราจัดการกับปัญหาเรื่องที่บ้านได้ และรักษาซึมเศร้าจนหายและได้มีโอกาสมาเรียนต่างประเทศ เหมือนได้มีชีวิตใหม่ มาแรกๆ ทุกอย่างก็โอเคนะคะแต่พอผ่านไปสักพัก เริ่มรู้สึกมีปัญหา เราปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ๆ ไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะ culture shock ด้วย ฤดูหนาวด้วยอารมณ์ความรู้สึกเลยหดหู่มาก เนื่องจากการที่เราเป็นซึมเศร้ามานานมันทำให้ลักษณะนิสัยเราเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจาไม่ค่อยถามอะไรเพราะกลัวโดนด่า และไม่ว่าเราจะมองไปทางไหนจะเจอแต่คนเก่งๆ จนเรารู้สึกว่าคนเก่งมีเยอะแยะแข็งกับเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ และอาการซึมเศร้ามันก็กลับมา เรานอนไม่หลับ เรียนไม่รู้เรื่อง ไม่มีสมาธิ ความจำสั้นอีก เริ่มเรียนไม่รู้เรื่อง อาการหนักจนเริ่มร้องไห้ตอนนอนอีกพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องแม้จะเป็นภาษาตัวเองก็ตามหนักใจมากๆ ค่ะ 
ชีวิตเหมือนทุกอย่างเริ่มต้นจากศูนย์ คนอื่นเขามีเรื่องราวให้คุยแลกเปลี่ยนกันแต่เรากับไม่มีอะไรจะพูดเพราะประสบการณ์ชีวิตมีแต่เรื่องเศร้าๆ ไม่มีอะไรสนุกๆ ไปเล่าให้คนอื่นฟัง

เพื่อนๆ ต่างชาตินิสัยดีทุกคนนะคะไม่ใครแกล้งอะไรเราเลย ชวนเราคุยด้วย แต่พอเราจะชวนคนอื่นคุยก็กลัวเขาจะเบื่อเราเพราะสภาพหน้าเราจะดูไม่สบอารมณ์ตลอดเวลาและน้ำเสียงเราก็เศร้ามากๆ มองตัวเองแล้วเซ็งเลยแลดูไม่มีอนาคตยังไงไม่รู้
แอบน้อยใจตัวเองมีโอกาสได้มาถึงขนาดนี้ ถ้าไม่เป็นไอโรคบ้าๆ นี่อะไรๆ คงจะง่ายกว่านี้
เราว่าชีวิตเราโชคดีมากๆ ที่มีทุกอย่างเพียบพร้อม แต่มันขาดอย่างเดียวคือเราไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย
เราไม่รู้จะปรับตัวยังไงให้เป็นเหมือนคนปกติได้ลำบากมากๆ เราคิดว่าถ้าลืมอดีตได้ 100% เราอาจจะใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นแต่จะลบความจำคงเป็นไปไม่ได้ เฮ้อ
รบกวนขอคำแนะนำทีค่ะ รู้สึกมืดแปดด้านไม่รู้จะเอาตัวรอดยังไง แนะนำเรื่องเทคนิคการเรียนกับการเข้าสังคมด้วยจะดีมากเลยค่ะ ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านจนจบนะคะ 
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ชีวิตของ จขกท น่าตื่นเต้นมากเลยทีเดียว มีทั้งเรื่องน่ายินดีและไม่น่ายินดี อ่านจบ อยากบอก จขกท ค่ะ ว่าในทางธรรม หรือความจริงระดับปรมัตถ์ ชีวิตเรามีอยู่ขณะเดียว คือที่นี่ และเดี๋ยวนี้ หลายคนไม่เคยมีชีวิตอยู่จริง เพราะเอาใจกลับไปที่อดีตบ้าง และอนาคตบ้าง จนใจไม่เคยได้อยู่กับกาย ที่นี่และเดี๋ยวนี้เลย อยากชวน จขกท ให้ความสำคัญกับการอยู่กับปัจจุบันให้มาก จะอยู่กับปัจจุบันได้ต้องอาศัยสติ ให้คุ้มครองจิต ไม่ให้วิ่งไปมาอดีตบ้างอนาคตบ้างอย่างที่เป็นอยู่

ส่วนเรื่องที่ จขกท เริ่มรู้สึกยากลำบากในการปรับตัวเข้ากับการเรียนและสังคมเพื่อนฝูงนั้น น้ำเสียงที่เล่า ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หรือนี่จะเป็นอาการของโรคซึมเศร้า ที่บอกว่าหายดีแล้ว เมื่อปีก่อน อาจถึงเวลาต้องปรึกษาจิตแพทย์อีกครั้งหนึ่งแล้ว

คนเรานั้นจะสุขหรือทุกข์อยู่ที่การมองเห็นหรือรับรู้ตนเองและโลกนอกตัว มองให้สุขก็สุข มองให้ทุกข์ หรือทำให้ทุกข์ก็ทำได้ ซึ่งแน่นอนว่าเลือกมองให้สุขย่อมดีกว่า จขกท ผ่านร้อนหนาวมาพอสมควร อดีตที่เจ็บปวดทิ้งไว้เบื้องหลัง นึกถึงคราวที่ชีวิตพาสิ่งดีดีมาให้ ทั้งการจัดการปัญหาที่บ้านสำเร็จ และการมีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ สภาพที่เป็นอยู่ ก็จะเหมือน ๆ กับที่เคยสามารถพาตัวเองผ่านมาได้ นี้คือชีวิต ชีวิตย่อมมีทั้งทุกข์และสุขปะปนกัน

เอาใจช่วยให้มีกำลังใจดีขึ้น เข้มแข็งขึ้นอีกครั้งในเร็ววันค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่