ณ เวลานี้ นับว่า มาตรา 128  มีผลอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับ จำนวน สส. ปาร์ตี้ลิส  ของแต่ละพรรคการเมือง 
เพราะ อยู่ที่คนตีความ   เพราะบางทีอาจจะสามารถตีความ ให้มีพรรคเล็กๆ ที่มีลำดับคะแนนไล่ลงไป จนถึง พรรคลำดับที่ 27 
ที่จะมี สส ปาร์ตี้ลิส ได้   

   ก่อนอื่นเลย  ขออนุญาต ดัดแปลง ตัดเอาเฉพาะมาตรา 128 จาก พรบ.ดังกล่าว  และมาตัดขอบและปะใส่ต่อกัน
เนื่องจากต้องการให้เห็นเป็นภาพแผ่นเดียวกัน   ที่ทำไปหาใช่ที่จะดัดแปลง ตัวบทกฎหมาย เพื่อต้องการให้ผิดเพี้ยนจาก
ต้นฉบับเดิมไม่ 


    ผมลองศึกษาอ่านดูหลายๆ รอบมาก  ตามความเข้าใจที่พอตีความส่วนตัว คือ  มีจุดคลาดเคลื่อน ที่ทุกคนอาจจะคลาดเคลื่อนได้ คือ  
การจะทำในข้อ (๓) ได้  ต้อง ผ่านข้อ (๒)  และ  ในข้อ (๒)  นี้  ให้ทำในข้อ (๕)  ข้อ(๖)  หรือ ข้อ (๗) (ถ้ามี)  ให้เสร็จก่อน
นั่นคือ  เมื่อได้ จำนวน สส พึ่งมีจะได้เบื้องต้นแล้ว อย่าเพิ่ง นำส่วนนี้ไป หักจาก จำนวน สส เขต  

    แต่ใน ข้อ(๕) นี้  ยังไม่ค่อยเข้าใจ ตรงประโยค ที่ว่า 
   ให้นำจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อทั้งหมดไปจัดสรรให้แก่พรรคการเมืองที่มีจำนวนสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งต่ำกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตาม (๒)
ตามอัตราส่วน แต่ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดดังกล่าวมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินจำนวนที่จะพึงมีได้ตาม (๒)
  -  ตรงส่วนนี้  ถ้ายังไม่แยก สส แบ่งเขต กับ สส บัญชีรายชื่อแล้ว   จะรู้ได้อย่างไร  
  -  เริ่มจัดสรร บัญชีรายชื่อ ให้แต่ละพรรค ตั้งแต่ข้อนี้  ถูกต้องหรือไม่ 

    ตอนนี้ แค่เริ่มต้น ก็ไปไม่ถูกแล้ว  เพราะก่อนหน้า ดันไปตีความว่า  เอา สส พึงมี หักด้วย สส แบ่งเขต  แล้วจะได้ สส บัญชีรายชื่อ แล้วค่อย
ดูจำนวนอื่นๆ ประกอบ   เพราะ หากคิดสัดส่วนใหม่ โดยตัดพรรคที่มี สส เกินมา แล้ว ผลลัพธ์ เหมือนว่า พรรคเล็กๆ น้อยๆ มีสส บัญชีรายชื่อ
มากัน คนละพรรค   รวม ๆ น่าจะมี พรรค ที่มี สส  ถุง 27 พรรค ด้วยกัน  พรรค ค่าเฉลี่ยจำนวน สส ต่อคน จะน้อยกว่า จำนวน 7 หมื่นกว่าคน 

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้าจะโทษ คงต้องโทษ พรรคการเมืองที่มี สส เขต มากกว่า สส พึงมี  ไม่งั้น คงไม่ต้องมาปวดหัว ตีความให้วุ่นวาย   

ขำขำ คลายเครียด  
  ขอบคุณครับ
 

     หมายเหตุ  :  เนื้อหา พรบ ดังกล่าว  สามารถเข้าไปดูฉบับเต็มได้ที่  https://www.ect.go.th/ect_th/ewt_dl_link.php?nid=4230