แต่ไหนแต่ไร ในยุคบัตรเลือกตั้งใบเดียว
ไม่ว่าจะแบบเขตเดียวหลายเบอร์ หรือแบบเขตเดียวเบอร์เดียว
พรรคที่จะได้สิทธิ์เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน ก็คือพรรคที่ได้จำนวน ส.ส. เป็นอับดับหนึ่ง
ไม่มีใครอ้างถึงจำนวนคะแนนโดยรวม
เพราะการอ้างถึงคะแนนโดยรวม ไม่ใช่ตรรกะที่ถูกต้อง
เช่น กทม. จำนวนประชากรมาก ระนอง จำนวนประชากรน้อย ย่อมนำมาเปรียบเทียบคะแนนโดยรวมไม่ได้
ที่จะเปรียบเทียบได้ ก็คือระบบบัตรเลือกตั้งสองใบ ที่ประชาชนสามารถกาเลือกพรรคได้
.
การเมืองประเทศไทยพัฒนาขึ้น หรือถอยหลัง ?
คำถามนี้ตอบไม่ยาก
ย้อนกลับไป การเลือกตั้งปี 2531 2534 2535 2538 2539
ทุกครั้ง หลังปิดหีบเลือกตั้ง ก็จะฝุ่นคลุ้ง ต่อรองตำแหน่งและผลประโยชน์กันนัวเนีย
เรื่องนโยบายที่หาเสียงไว้ไม่มีประโยชน์ ไม่จำเป็น อ้างได้ว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ผลักดันนโยบายยาก
เน้นกันที่ผลประโยชน์ที่พรรคและนักการเมืองจะได้เป็นหลัก
เมื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนพรรคลงตัว การร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลก็ลุล่วง
ประชาชนได้แต่ตาปริบ ๆ
พัฒนา หรือ ถอยหลัง คงเห็นได้ชัด
.
เมื่อสังคมไทย ยังมีรสนิยมแบบออเจ้า แล้วแต่ท่านจะว่า ก็ต้องยอมรับ
ขณะที่สังคมไทยอีกด้าน เป็นสังคมหัวก้าวหน้า ก็ต้องยอมรับ
แล้วอยู่ร่วมกันบนความเห็นต่างให้ได้ ไม่ขัดแย้งเกินขอบเขต ยอมรับซึ่งกันและกัน
กาลเวลาและสถานการณ์ จะคลี่คลายและให้คำตอบทุกอย่างเอง เพียงขอให้สังคมเรายึดระบบไว้ให้มั่น
แบบล้มกันบ่อย ๆ ทำให้ขาดการเรียนรู้ ถูกดึงให้จมอยู่กับแนวคิดและความเชื่อเดิม ๆ
ลักษณะที่เรียกว่า ถูกผลักให้จมอยู่ก้นถ้ำ มองเห็นแค่ภาพเงา ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้ว่าโลกภายนอกถ้ำนั้น ถึงไหนแล้ว
.
เพื่อไทย 137
พปชร. 97
เพื่อไทยไม่ได้ปาร์ตี้ลิสต์ เพราะได้ ส.ส. เขตมากกว่าความพึงมีของ ส.ส. ทั้งที่ส่งแค่ 250 เขต
นั่นแสดงว่า ได้รับฉันทานุมัติมากกว่า พปชร. แน่นอนครับ
อนาคตใหม่ มาแรงเกินคาด ล้มยักษ์ในหลายเขต
นี่ก็แสดงถึงเจตจำนงของประชาชนชัดเจน เพราะอนาคตใหม่ประกาศแนวทางหลักการชัดมากในการหาเสียง
ฉะนั้น ไม่ยากเลยครับ แค่ยึดธรรมเนียมปฏิบัติ ประเพณีทางการเมือง
.
ปล่อยให้สายน้ำไหลไปตามธรรมชาติเถิดครับ ให้ผันแปรเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล
ไม่ต้องสร้างเขื่อนกัก อย่าพยายามเปลี่ยนธรรมชาติเพื่อตอบสนองความต้องการเลย
แล้วแผ่นดินจะอุดมสมบูรณ์
ไม่มีอะไรงดงามและให้คุณแก่มนุษย์มากกว่าธรรมชาติหรอกครับท่าน
,
ธรรมเนียมปฏิบัติ และ ประเพณีทางการเมือง ............................................................ โดย ตระกองขวัญ
ไม่ว่าจะแบบเขตเดียวหลายเบอร์ หรือแบบเขตเดียวเบอร์เดียว
พรรคที่จะได้สิทธิ์เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน ก็คือพรรคที่ได้จำนวน ส.ส. เป็นอับดับหนึ่ง
ไม่มีใครอ้างถึงจำนวนคะแนนโดยรวม
เพราะการอ้างถึงคะแนนโดยรวม ไม่ใช่ตรรกะที่ถูกต้อง
เช่น กทม. จำนวนประชากรมาก ระนอง จำนวนประชากรน้อย ย่อมนำมาเปรียบเทียบคะแนนโดยรวมไม่ได้
ที่จะเปรียบเทียบได้ ก็คือระบบบัตรเลือกตั้งสองใบ ที่ประชาชนสามารถกาเลือกพรรคได้
.
การเมืองประเทศไทยพัฒนาขึ้น หรือถอยหลัง ?
คำถามนี้ตอบไม่ยาก
ย้อนกลับไป การเลือกตั้งปี 2531 2534 2535 2538 2539
ทุกครั้ง หลังปิดหีบเลือกตั้ง ก็จะฝุ่นคลุ้ง ต่อรองตำแหน่งและผลประโยชน์กันนัวเนีย
เรื่องนโยบายที่หาเสียงไว้ไม่มีประโยชน์ ไม่จำเป็น อ้างได้ว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ผลักดันนโยบายยาก
เน้นกันที่ผลประโยชน์ที่พรรคและนักการเมืองจะได้เป็นหลัก
เมื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนพรรคลงตัว การร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลก็ลุล่วง
ประชาชนได้แต่ตาปริบ ๆ
พัฒนา หรือ ถอยหลัง คงเห็นได้ชัด
.
เมื่อสังคมไทย ยังมีรสนิยมแบบออเจ้า แล้วแต่ท่านจะว่า ก็ต้องยอมรับ
ขณะที่สังคมไทยอีกด้าน เป็นสังคมหัวก้าวหน้า ก็ต้องยอมรับ
แล้วอยู่ร่วมกันบนความเห็นต่างให้ได้ ไม่ขัดแย้งเกินขอบเขต ยอมรับซึ่งกันและกัน
กาลเวลาและสถานการณ์ จะคลี่คลายและให้คำตอบทุกอย่างเอง เพียงขอให้สังคมเรายึดระบบไว้ให้มั่น
แบบล้มกันบ่อย ๆ ทำให้ขาดการเรียนรู้ ถูกดึงให้จมอยู่กับแนวคิดและความเชื่อเดิม ๆ
ลักษณะที่เรียกว่า ถูกผลักให้จมอยู่ก้นถ้ำ มองเห็นแค่ภาพเงา ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้ว่าโลกภายนอกถ้ำนั้น ถึงไหนแล้ว
.
เพื่อไทย 137
พปชร. 97
เพื่อไทยไม่ได้ปาร์ตี้ลิสต์ เพราะได้ ส.ส. เขตมากกว่าความพึงมีของ ส.ส. ทั้งที่ส่งแค่ 250 เขต
นั่นแสดงว่า ได้รับฉันทานุมัติมากกว่า พปชร. แน่นอนครับ
อนาคตใหม่ มาแรงเกินคาด ล้มยักษ์ในหลายเขต
นี่ก็แสดงถึงเจตจำนงของประชาชนชัดเจน เพราะอนาคตใหม่ประกาศแนวทางหลักการชัดมากในการหาเสียง
ฉะนั้น ไม่ยากเลยครับ แค่ยึดธรรมเนียมปฏิบัติ ประเพณีทางการเมือง
.
ปล่อยให้สายน้ำไหลไปตามธรรมชาติเถิดครับ ให้ผันแปรเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล
ไม่ต้องสร้างเขื่อนกัก อย่าพยายามเปลี่ยนธรรมชาติเพื่อตอบสนองความต้องการเลย
แล้วแผ่นดินจะอุดมสมบูรณ์
ไม่มีอะไรงดงามและให้คุณแก่มนุษย์มากกว่าธรรมชาติหรอกครับท่าน
,