"มีคนถามผมมามากว่าไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง 2 กพ. เพราะเหมือนโดนบังคับ และรัฐบาลก็จะเอาผลการเลือกตั้งไปอ้างความชอบธรรม จะทำยังไงดี ก็ขออธิบายว่าถ้าใครต้องการไปเลือกตั้งคงไม่มีปัญหา เข้าคูหากาเบอร์ที่ต้องการก็จบ แต่คนที่ไม่อยากให้มี ก็ขอบอกว่าคุณมี 2 ทางเลือก 1.ไปเลือกช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือ vote no ที่เค้าเรียกกัน หรือ 2. ไม่ไปเลือกตั้ง เรามาดูข้อแรกก่อน
--------------
1. Vote no
แม้คุณจะไปกาช่องนี้ แต่ขอบอกว่ามันไม่มีผลต่อคะแนนปาร์ตี้ลิสต์นะครับ เขาเอาคะแนนของคนที่ไปเลือกพรรคต่างๆมารวมกัน แบ่งสัดส่วนแล้วคิดออกมาเป็นจำนวนของแต่ละพรรค, vote no จะเท่าไร บัตรเสียจะเท่าไรตรงนี้ไม่เอามารวม เพราะฉะนั้นไม่มีผลต่อปาร์ตี้ลิสต์ ส่วนการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตที่มีผู้สมัครคนเดียว vote no ต้องมากกว่าคะแนนของผู้สมัครถึงจะถือว่าการเลือกตั้ง "เขตนั้น ครั้งนั้น" โมฆะ และ "ต้องเลือกตั้งในเขตนั้นใหม่" ถ้ายังโมฆะเรื่อยๆ จนถึงกี่ครั้งผมจำไม่ได้ก็ให้ผู้สมัครคนนั้นได้เป็น สส. โดยไม่ต้องดูคะแนน vote no อีก
2. ไม่ไปเลือกตั้ง
จากสถิติการเลือกตั้งทุกครั้ง มีขาประจำไม่ไปเลือกตั้งประมาณ 30% คิดเป็นประมาณ 15 ล้านคน คนพวกนี้ทำยังไงก็ไม่ออกไปเลือก ทีนี้...ถ้าจะเอาให้เสียงของคนที่ไม่เห็นด้วยมันมีพลังจริงๆ ต้องทำให้คนที่มีสิทธิ์แต่ไม่ไปเลือกตั้ง "เกิน 50%" ของผู้มีสิทธิ์ เพราะจะหมดความชอบธรรม "แบบเบ็ดเสร็จ" ทันที แม้จะนำไปอ้างว่าเป็นพรรคที่มีผู้เลือกมามากที่สุดก็ตาม ยกตัวอย่างพรรคประชากรไทย ประมาณปี 2520-21 ได้ สส. ในกรุงเทพฯ เกือบหมดแต่มีผู้มาใช้สิทธิ์ (นับเฉพาะกรุงเทพฯ) แค่ 38% ตอนนั้นแม้ไม่ได้เป็นแกนนำรัฐบาล แต่ก็ไม่กล้าอวดอ้างเลยว่าคนกรุงเทพฯ นิยมชมชอบ
ผมวิเคราะห์ให้แล้วผู้ฟังไปตัดสินใจเองแล้วกันว่าท่านควรทำอะไร ในฐานะที่วิเคราะห์แล้วก็ขอบอกว่า
"ผมไม่เห็นประโยชน์ของการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะฉะนั้น ผมจะไม่ไปเลือกตั้งวันที่ 2 กพ. ก็ขอบอกไว้ ณ ที่นี้เลย"
ความเห็นของอ.วีระ ธีรภัทร ต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้
"มีคนถามผมมามากว่าไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง 2 กพ. เพราะเหมือนโดนบังคับ และรัฐบาลก็จะเอาผลการเลือกตั้งไปอ้างความชอบธรรม จะทำยังไงดี ก็ขออธิบายว่าถ้าใครต้องการไปเลือกตั้งคงไม่มีปัญหา เข้าคูหากาเบอร์ที่ต้องการก็จบ แต่คนที่ไม่อยากให้มี ก็ขอบอกว่าคุณมี 2 ทางเลือก 1.ไปเลือกช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือ vote no ที่เค้าเรียกกัน หรือ 2. ไม่ไปเลือกตั้ง เรามาดูข้อแรกก่อน
--------------
1. Vote no
แม้คุณจะไปกาช่องนี้ แต่ขอบอกว่ามันไม่มีผลต่อคะแนนปาร์ตี้ลิสต์นะครับ เขาเอาคะแนนของคนที่ไปเลือกพรรคต่างๆมารวมกัน แบ่งสัดส่วนแล้วคิดออกมาเป็นจำนวนของแต่ละพรรค, vote no จะเท่าไร บัตรเสียจะเท่าไรตรงนี้ไม่เอามารวม เพราะฉะนั้นไม่มีผลต่อปาร์ตี้ลิสต์ ส่วนการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตที่มีผู้สมัครคนเดียว vote no ต้องมากกว่าคะแนนของผู้สมัครถึงจะถือว่าการเลือกตั้ง "เขตนั้น ครั้งนั้น" โมฆะ และ "ต้องเลือกตั้งในเขตนั้นใหม่" ถ้ายังโมฆะเรื่อยๆ จนถึงกี่ครั้งผมจำไม่ได้ก็ให้ผู้สมัครคนนั้นได้เป็น สส. โดยไม่ต้องดูคะแนน vote no อีก
2. ไม่ไปเลือกตั้ง
จากสถิติการเลือกตั้งทุกครั้ง มีขาประจำไม่ไปเลือกตั้งประมาณ 30% คิดเป็นประมาณ 15 ล้านคน คนพวกนี้ทำยังไงก็ไม่ออกไปเลือก ทีนี้...ถ้าจะเอาให้เสียงของคนที่ไม่เห็นด้วยมันมีพลังจริงๆ ต้องทำให้คนที่มีสิทธิ์แต่ไม่ไปเลือกตั้ง "เกิน 50%" ของผู้มีสิทธิ์ เพราะจะหมดความชอบธรรม "แบบเบ็ดเสร็จ" ทันที แม้จะนำไปอ้างว่าเป็นพรรคที่มีผู้เลือกมามากที่สุดก็ตาม ยกตัวอย่างพรรคประชากรไทย ประมาณปี 2520-21 ได้ สส. ในกรุงเทพฯ เกือบหมดแต่มีผู้มาใช้สิทธิ์ (นับเฉพาะกรุงเทพฯ) แค่ 38% ตอนนั้นแม้ไม่ได้เป็นแกนนำรัฐบาล แต่ก็ไม่กล้าอวดอ้างเลยว่าคนกรุงเทพฯ นิยมชมชอบ
ผมวิเคราะห์ให้แล้วผู้ฟังไปตัดสินใจเองแล้วกันว่าท่านควรทำอะไร ในฐานะที่วิเคราะห์แล้วก็ขอบอกว่า
"ผมไม่เห็นประโยชน์ของการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะฉะนั้น ผมจะไม่ไปเลือกตั้งวันที่ 2 กพ. ก็ขอบอกไว้ ณ ที่นี้เลย"