แชร์ประสบการณ์ ถ้าชีวิตครอบครัวเจอเหมือนเราจะทำไงดี สู้ก็ไม่ไหว ไปต่อก็ไม่ได้ (ตอน 2)

https://ppantip.com/topic/38646603 (ตอน 1)

เราไม่เคยคิดว่า เราจะต้องมาเล่าเรื่องนี้อีกใน แต่อะไรที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้.....

หลังจากที่เราทิ้งท้ายไว้ว่า รอให้เวรกรรมตามทันพวกเค้าเอง แล้วตอนนี้ เราก็คิดว่า ตอนนี้กรรมได้ทำหน้าที่ของเค้าแล้ว

                     เรื่องมีอยู่ว่าวันที่ 16 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมาเวลาสี่ทุ่มกว่า ๆ เกือบห้าทุ่ม สามีเราก็ไปหา ว. ที่บ้านเช่าร้านขายยางตามปกติ แต่รอบนี้สงสัยว่าเทวดาชี้กรรม ปกติเวลาที่ ต. ไปหา ว. เค้าจะขับรถยนต์ไป แต่วันนี้ขับมอเตอร์ไซค์ไป ด้วยความที่กินเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนและลูกน้องที่อู่หนักไปหน่อย เป็นเหตุให้ ต. ประสบอุบัติเหตุโดนรถมอเตอร์ไซค์ เฉี่ยวชนบาดเจ็บสาหัส (ส่วนคู่กรณีไม่เป็นอะไรมาก) หมดสติในที่เกิดเหตุ กะโหลกศีรษะฝั่งซ้ายยุบตัวเข้าไป ที่สำคัญ จุดเกิดเหตุคือหน้าบ้านเช่าที่เป็นรังรักของทั้งสองคนนั้นเอง

                  คืนนั้นเราก็พาลูกเข้านอนปกติ  แต่ด้วยความที่ยังไม่ดึกมาก เราเลยยังไม่หลับ เราก็นอนเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อยประมาณห้าทุ่มกว่า เสียงเตือนผู้บุกรุกของกล้องวงจรปิดเราดัง เรางงว่า ทำไม ต.จะกลับมาเวลานี้ทั้งๆที่พึ่งออกไป เราเลยเปิดกล้องดูปรากฏว่าไม่ใช่ ต.แต่เป็นลูกน้องที่ทำงานที่อู่(และเป็นเพื่อนกันด้วย) ชื่อ ก. เข้ามารื้อค้นเหมือนหาอะไรสักอย่างในอู่ซ่อมรถโดยพลการ (บ้านเรามีทางเข้าออก 2 ทางคือหน้าร้านค้าและหน้าอู่ซ่อมรถ) เราก็ดูสักพักไม่มีท่าทีว่า  ก.จะเดินมาเรียกหรือส่งเสียงหาเจ้าของบ้าน เราเลยเดินไปเปิดไฟทั่วบ้านให้ ก.รู้ตัวว่าเรายังไม่หลับ แต่ ก. ก็ไม่มีท่าทีจะสนใจเราเลยอีกทั้งยังคุยโทรศัพท์ไปด้วย รื้อค้นไปด้วย

                  เราเลยตัดสินใจ ตะโกนบอกลูกชายว่า “เอาโทรศัพท์ให้แม่หน่อย ทำไมต้องเข้ามาบ้านคนอื่นค่ำ ๆ มืด ๆ โดยพลการแบบนี้”  เราก็ไม่คิดหรอกว่าทำแบบนี้แล้วจะมีภัยหรือเปล่า แต่เราก็ตั้งใจจะแจ้งตำรวจจริง ๆ ที่มีคนนอกถือวิสาสะเข้ามาในบริเวณบ้านเราในยามวิกาล
                  พอ ก. ได้ยินเสียงเรา ก็เดินมาหาเรากับลูกแล้วบอกลูกเราว่า “พ่อโดนรถชนตอนนี้อยู่โรงพยาบาล” แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรนะคะว่าอาการเป็นยังไง แต่เราก็คิดเอาเองว่า คงไม่หนัก เพราะถ้าหนักคงบอกว่าให้รีบไปดู

                 พอ ก. บอกลูกเราแล้ว ก. ก็ออกจากอู่ขับรถออกไป โดยที่ไม่บอกเราว่ามาเอาอะไร จนแม่สามีกับน้าของสามีเราโทรมาบอกเราว่า ต. โดนรถชน อาการสาหัส เราเลยบอกว่า มิน่าล่ะ ก. ถึงเข้ามาเหมือนค้นหาอะไรในอู่ น้าสามีเล่าให้เราฟังว่า

น้าสามี :มีคนไปปลุกแม่บอกว่า ต.โดนรถชน ที่หน้าบ้าน ว. 

เรา : มิน่าล่ะ ก.ถึงเข้ามาหาอะไรสักอย่างในอู่ แต่มันไม่ได้บอกอะไรมาก บอกแค่ว่า ต. โดนรถชน ถ้ามันหนักขนาดนี้ ทำไมมันไม่บอก สงสัยมันเข้ามาค้นหาเอกสารประจำตัว ต. แน่เลย

น้าสามี : ใช่  เพราะมันต้องใช้บัตรประชาชน แล้วทำไมมันเข้าไป มันไม่ขอเจ้าของบ้านก่อน แค่นี้ก่อนน้าขอไปคุยกับมันก่อน (ทำเสียงฉุนๆ) แล้วหันไปคุยกับแม่สามี ซึ่งเรายังไม่วางสายได้ยินแค่ว่า “ก. เข้าไปค้นหาเอกสารอยู่อู่ มันไม่เรียกหา ม.(เรา) สักคำ”

จากนั้นน้าสามีก็หายไปสักพักแล้วโทรกลับมาเล่าให้ฟังว่า

น้าสามี : แม่สามีเรา กำลังปะทะกับ ว. เพราะแม่สามีเราจะเอาสร้อยพระ(ทอง 2 บาท)ของ ต. แต่มันไม่ให้ มันบอกว่าเดี๋ยวหนูจะเอาไว้ให้พี่เขาเอง แม่สามีเรามีหรือจะยอม แกก็เถียงสิบอกว่า “สร้อยเส้นนี้กูซื้อให้ลูกกู มีสิทธิ์อะไร”   ว.  มันก็ยึกยักไม่อยากจะให้ แต่ ก. บอกว่า ให้แม่ เอาสร้อยให้แม่ ว. เลยยอม (แล้วแม่สามีเอาสร้อยเส้นนี้มาให้เราเก็บแต่เราไม่เก็บเราให้แม่สามีเป็นคนเก็บไว้)

เรา : มิน่าล่ะ มันเข้ามาในอู่มาค้นหาของโดยไม่บอกหนูสักคำ ที่แท้มัน ก. ก็เป็นหมารับใช้นี่เองน้าไปถามมันเลย เอากุญแจอู่มา คนนอกจะถือกุญแจบ้านหนูไม่ได้ 

น้าสามีเราเลยไปเค้นเอากุญแจกับ ก. แต่ก็ได้มาแค่กุญแจหน้าอู่ แล้วกุญแจของสามีเราที่ใช้เปิดอู่ทุกวันทั้ง ก. และ ว. บอกไม่รู้ไม่เห็น แม่กับน้าสามี ก็เค้นต่อว่า ต. มีอะไรติดตัวบ้าง

ทั้งสองคนบอกไม่มี!!  แต่!! ตกดึกคืนเดียวกันในขณะที่อยู่โรงพยาบาล ว.โทรหาทนายความโดยใช้เบอร์ของสามีเรา (ทนายความคนนี้เป็นพี่ที่สนิทกับเราและสามีตอนเปิดอู่ซ่อมรถที่กรุงเทพ) ประหนึ่งว่าบอกให้รู้ว่าตัวเธอเป็นคนพาสามีเราส่งโรงพยาบาลและเป็นคนอยู่กับสามีเราในเวลานี้ แนะนำตัวเสร็จสรรพว่านางเป็นใคร ซึ่งนางเองก็รู้ว่าเราเคยปรึกษาพี่ทนายคนนี้เรื่องฟ้องชู้ฟ้องหย่า  พี่ทนายโทรหาเราทันทีหลังทราบเรื่อง

พี่ทนาย :พี่ได้ยินข่าว ต. แล้ว ไปไงมาไงเล่ามาสิ

เรา : อ้าว รู้ได้ไงคะ ใครบอก หนูจะบอกเหมือนกันแต่คงรอพรุ่งนี้เพราะตอนนี้ก็ดึกแล้ว

พี่ทนาย :....โทรมาบอกว่า นี่ ว. แฟน ต. นะคะ  พี่ก็ฟังแล้วก็อือออไปไม่ได้สนใจก็คุยตามมารยาทเห็นแก่ ต. มัน ก็รอฟังจากเอ็ง

เรา :หนูไม่ได้ไปค่ะ คงตามไปพรุ่งนี้เพราะมันดึกแล้ว สงสารลูก

พี่ทนาย : อือ คิดถูกแล้วพี่ก็จะบอกเอ็งแบบนี่แหละว่าให้อยู่บ้านตั้งสติ เพราะตอนนี้ทั้งพ่อ แม่ น้า คงตกใจขาดสติกันหมด พี่ได้คุยกับทางนั้น ไม่รู้มันพล่ามอะไรมากมายพูดเหมือนกันเลยกับ ต. สงสัยมันเป่าสมอง ต. มา เหมือนจะฉลาดแต่ใช้คำพูดไม่เป็นเลยกลายเป็นโง่เลย เอ็งเคยคุยกับมันมั้ย

เรา : เคยค่ะ

พี่ทนาย : เป็นไงบ้าง ความรู้สึกตอนที่ได้คุย

เรา : โรคจิต พูดวกไปวนมา ปั่นประสาท พูดไม่รู้เรื่อง เหมือนรู้มากแต่ไม่รู้จริง

พี่ทนาย : เอ็งก็มีอะไรมาให้ขำก่อนนอนนะ

                 ตัดฉากมาที่โรงพยาบาลผลการตรวจอาการของสามีเราต้องย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง(ที่อยู่จังหวัดใกล้เคียง) หมอต้องการพบญาติเพื่อเซ็นยินยอมให้เคลื่อนย้ายคนเจ็บ เนื่องจากคนไข้เจ็บหนักอาจเสียชีวิตระหว่างทาง ว.ยื่นหน้าเปื้อนคอนกรีตเสริมเหล็กของนางมายืนข้างแม่สามีกับน้าสามี ประหนึ่งว่าชั้นมีสิทธิ์ ชั้นคือญาติ 

หมอเลยสอบถามว่า

(ชี้มือมาที่แม่สามี)  คนนี้คือใคร “แม่”

(ชี้มือมาที่น้าสามี)คนนี้คือใคร “น้า”

(ชี้มือมาที่ว. ) คนนี้คือใคร นางบอกหมอว่า “แฟน”

 เท่านั้นแหละแม่สามีปรี๊ดขึ้นต่อหน้าพยาบาลและเจ้าหน้าที่ตรงนั้นเลย

แม่สามี :ไม่ใช่แฟน กิ๊ก  เขามีลูกมีเมียอยู่แล้ว ยังมาทำให้ครอบครัวเค้าแตกแยก

ว. : พอเถอะแม่ พอเถอะ

แม่สามี : ไม่ต้องมาเรียกกูแม่          

            หลังจากนั้นสามีเราก็ถูกส่งตัวเข้าผ่าตัดด่วน  หมอให้ญาติทำใจเพราะคนเจ็บหนัก จากอัตราการฟื้นเต็ม 15% ตอนอยู่โรงพยาบาลที่แรกอยู่ที่ 5% พอถึงโรงพยาบาลที่ 2 อยู่ที่ 2%  แต่พอผ่าตัดเสร็จผลได้ 4%  ตอนนี้สามีเรายังอยู่ในฐานะผู้ป่วยวิกฤติ ซึ่งในระหว่างนี้เราก็ต้องปิดอู่ชั่วคราว  ปิดร้านค้าบ้างเพื่อทำหน้าที่แม่ของลูกให้เต็มที่และดีที่สุดเพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีหรือไม่ เพราะตอนนี้สามีเราก็ตอบสนองต่อเสียงรอบข้างแต่ยังไม่มีสติว่าอะไรเป็นอะไร  เพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก โดยมีเราและพ่อแม่พี่น้องสามีผลัดกันเฝ้า

                ส่วน ว. เอง นางพยายามจะทำหน้าที่(ที่เป็นของเมียหลวง)ด้วยการไปเยี่ยมไปเฝ้า แต่นางทำไม่ได้ ทำได้แค่แอบไปในจังหวะที่ไม่มีใครอยู่กับสามีเรา 5555+ นางใช้ความพยายามมาก  นางให้ ก. ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนสุนัขรับใช้ขับรถพาข้ามจังหวัดไปทุกคืน เคยไปเจอกับแม่สามีเราจัง ๆ ครั้งนึง แม่สามีก็จัดต่อหน้าญาติ ๆ ผู้ป่วยเลย (อันนี้เราไม่ได้ยินคนที่ไปเยี่ยมกับแม่สามีเล่าให้ฟัง)  ว่า

แม่สามี :เธอทำไมหน้าด้านหน้าทนจัง  บอกไม่ให้มายุ่งยังจะมาอีก

ว. : นางเงียบสงบปากคำไม่เหมือนตอนที่  ต. ยังไม่เจ็บ

ก.สุนัขรับใช้ผู้แสนซื่อสัตย์ต่อเจ้านายออกปากแทนว่า  “เขามาด้วยใจแม่ เขารักกัน เขาอยากมาเยี่ยมกัน”

แม่สามี : มันทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก ไม่ใช่แค่ลูกเมีย แต่มันรวมถึงพ่อแม่พี่น้องต้องแตกกันหมดตั้งแต่มันก้าวเข้ามาวุ่นวายกับครอบครัวกู

แล้วยังมีอีกมากมายหลายประโยคที่คนเป็นแม่พรั่งพรูออกมาด้วยความเกลียด ว. ซึ่งเราก็เข้าใจ แต่ไม่ขอออกความเห็นใด ๆ  เพราะเราก็ไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นไปกว่านี้เดี๋ยวจะหาว่าแม่สามีทำเพื่อปกป้องเราอีก

แม่สามีด่า ว.จนตำรวจที่มาเยี่ยมญาติเหมือนกันต้องเข้ามาดู เพราะเป็นโรงพยาบาลและเป็นที่สาธารณะ จริง ๆ เราก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่แม่สามีทำ แต่ก็เข้าใจแกว่าคงโมโหมากจริง ๆ ถึงขั้นที่ตำรวจขู่ว่า ว. สามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ แต่แม่สามีบอกว่าชั้นไม่กลัว ติดคุกก็มีข้าวฟรีกิน ชั้นแก่ละไม่มีอะไรให้ห่วง (ยอมใจเค้ามั้ยคะ)

ส่วนพ่อสามีหลังจากทราบว่า ว.ให้ ก. พาไปเยี่ยมสามีเรา พ่อสามีโกรธมาก (ก เป็นเพื่อนสามีเรามาตั้งแต่เด็ก) ไปหา ก. ถีงบ้านเพื่อไปบอกว่าอย่าพา ว.ไปเยี่ยมสามีเราอีก แต่ ก. มุดหัวไม่กล้าออกมาสู้หน้าพ่อ ต. ได้แต่บอกพ่อแม่ ก.ไว้ว่า ถ้าไม่อยากมีเรื่องมีราว อย่าพามันไปอีก

             คราวนี้เรื่องราวมันกระทบไปหมดถึงครอบครัวของ ก. พ่อแม่ ก. ด่าว่าลูก(อันนี้เราได้ยินมาจากเพื่อนเขาที่มาซื้อของที่ร้าน) ว่า แม้แต่แม่มัน จะใช้จะวานอะไรมันไม่เคยได้เงินทองหามาได้บอกให้เอามาช่วยค่าน้ำค่าไฟให้ลูกไปโรงเรียนบ้าง แค่อาทิตย์ละ 100 ก็ยังดี ทำไมให้ไม่ได้ แล้วทำไม อิ ว. นั่นมันถึงพาไปนั่นนี่ อายบ้านอายเมืองจะเข้าหน้าสู้หน้าใครได้ พ่อเค้ามาบอกถึงบ้านขนาดนี้ (จริง ๆ พ่อแม่ ก. เคยมาหาสามีเราที่บ้านนะคะ เพราะ ก. มาทำงานกับสามีเรา พ่อแม่ ก. ต้องการมาถามว่าสามีเราจ้าง ก. ทำงาน จ่ายค่าแรงกันยังไง งานเหมาหรือรายวัน แต่วันนั้นสามีเราไม่อยู่ แกเลยเดินมาหาเรา
เราก็ได้แต่บอกว่าไม่รู้ค่ะ ไม่รู้ว่าเค้าจ่ายกันยังไง) จริง ๆ คนเป็นพ่อแม่คงเหลืออดเหลือทนค่ะ

อย่างที่บอกคือเลิกงาน ปิดอู่สามีเราก็เลี้ยงดูปูเสื่อกับข้าวกับปลาพร้อม(สำหรับคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัว) เลี้ยงดีขนาดนี้ก็ขนกันมาทั้งผัวทั้งเมีย(ก.กับเมีย.)
กว่าจะกลับทีก็สี่ห้าทุ่มโดยไม่สนใจว่าพ่อแม่อยู่บ้านจะเป็นยังไง กินข้าวหรือยังแต่เราก็แค่คิด ไม่สนใจเพราะไม่ใช่เรื่องของเรา

เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เทเข้ามาในตอนนี้เหมือนกับว่ามันเป็นสัญญาณเตือนว่า กรรมก็กำลังทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ เพียงแค่กรรมใครจะมาถึงก่อนกัน คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เริ่มเดือดร้อนไปทีละคน ๆ

ถ้ามีความคืบหน้าอาการของ ต. หรือ คืบหน้าเรื่องอื่นๆ เราจะมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
มาให้กำลังใจค่ะ ตอนนี้สามีคุณเป็นยังไงบ้างค่ะ อาการดีขึ้นรึยัง

ได้อ่านเรื่องที่คุณเล่า คล้ายกับเรื่องของคนที่รู้จักเลยค่ะ ตอนนี้เวรกรรมก็ตามทันเเล้วเพราะผู้ชายจับได้แล้วว่าผู้หญิงที่เป็นชู้มีกิ๊ก เห็นบอกว่าเลิกกันแล้วแต่ไม่รู้เลิกจริงมั้ยนะค่ะ ผู้หญิงพวกนี้เข้าหาผู้ชายเพราะเงินค่ะ

เราก็โดนสามีนอกใจเหมือนกัน ผู้หญิงก็มีสามีเเล้ว นางเป็นพยาบาลด้วย แต่บอกสามีเราว่านางโสด และรวยมาก แต่ความจริงคือไม่ใช่ นางหัวสูงใช้เงินเกินฐานะ นี่คือเหตุผลที่จะมาจับสามีเรา ตอนนี้ความจริงกระจ่างสามีขอโอกาสเราแก้ตัว แต่ไม่รู้จะแอบไปคบกันอีกมั้ย เราเริ่มปลงเเล้ว ใครจะอยู่จะไปก็ช่าง เวรกรรมมีจริง ความลับไม่มีในโลก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่