เศรษฐีเงินกู้



สวัสดีครับ นางสมพรเนี่ยนะครับ นางสมพรเป็นคนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ตอนนั้นนางสมพรเป็นหญิงสาววัยกลางคนแล้ว นางสมพรเป็นคนที่มีรูปร่างค่อนข้างขาวและอวบ หรือไปในทางที่เรียกว่าค่อนข้างที่จะอ้วนเลยก็ว่าได้ หรือ จะป็นเพราะว่า นางสมพรมีอาหารดีๆกิน มีความสุขและสบาย นางสมพรคนนี้มีอาชีพสีเทา ที่ม่ค่อยจะดีนักเท่าไหร่ คือนางสมพรคนนี้ มีอาชีพออกเงินกู้ แล้วนางสมพรคนนี้ ยังออกเงินกู้ทุกประเพศ ไม่ว่าจะออก เงินกู้เป็นรายวัน ให้ชาวนบ้านร้านตลาดทั่วไป  แล้วนางสมพรก็จะออกเงินกู้เป็นรายเดือนให้พวกครูหรือข้าราชการต่างๆ ที่เงินเดือนไม่พอใช้ และถ้าพวกผู้คนเหล่านั้นจะมาขอกู้เงินกับนางสมพรแล้วล่ะก็ พวกผู้คนเหล่านั้น ก็ต้องมีสินทรัพย์หรืออะไรมาค้ำประกันให้นางสมพรด้วย ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถยนต์ ที่ดิน ที่นา หรืออะไรอื่นๆ ที่พอจะสมน้ำสมเนื้อกันได้ และถ้าผู้กู้ไม่มีเงินมาใช้หนี้หรือไถ่ถอนสิ่งที่เอาค้ำประกันเอาไว้ตามที่นางสมพรได้กำหนด ของสิ่งนั้นก็จะตกเป็นของนางสมพรโดยปริยาย ส่วนชีวิตครอบครัว ของนางสมพรนั้น นางสมพรได้มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่ด้วยกันคนหนึ่ง นางสมพรและสามีก็ต่างรักและเอาอกเอาใจลูกชายคนนี้มาก สามีของนางสมพรนั้นแกมีชื่อว่าแก้ว สามีของนางสมพรก็มีนิสัยไม่แตกต่างอะไรจากนางสมพรเลย ก็คือสามีของแกนั้น มีนิสัย เค็มขี้เหนียวขี้งกเหมือนนางสมพรไม่มีผิดเพี้ยนประการใด  สิ่งที่สามี ภรรยาคู่นี้ จะยอมแพ้ใครต่อใครไม่ได้เลยคือ เรื่องเงินๆทองๆที่ ถูกโดนกู้ยืมไปนั่นแหละครับ นางสมพรต้องยอมทำวิธีทุกๆอย่าง เพื่อจะให้ลูกหนี้ หาเงินมาใช้หนี้ตนไม่ได้ตามเวลากำหนดไม่ได้ แล้วเพื่อจะให้สิ่งของที่ลูกหนี้นำมาค้ำประกันตั้งแต่ทีแรกนั้น ตกเป็นของนางสมพรโดยปริยาย สองผัวเมียเนี่ยนะครับ ได้ทำเวณกรรมไว้กัยลูกหนี้หลายต่อหลายคน วันนี้ผมเลยอยากจะขอยกมาซักหหนึ่งตัวอย่างนะครับ นางสมพรได้ออกเงินกู้ให้กับนางวันดี โยดยเป็นเงินจำนวนประมาณห้าหมื่นบาท และให้นางวันดีลงรายชื่อในสัญญาเงินกกู้เอาไว้ว่า นางวันดีจะต้องหาเงินจ่ายค่าดอกเบี้ยให้นางสมพร เป็นจำนวนเงินร้อยละห้าบาทให้นางสมพรในทุกๆวัน จนกว่านางวันดีจะหาเงินต้นมาจ่ายให้นางสมพรครบ ดอกเบี้ยอย่างนี้มันมากโหดมากเลยใช่ไหมล่ะครับ แต่ถ้านางวันดีจ่ายค่าดอกเบี้ยให้นางสมพร ร้อยละห้าบาทในทุกๆวัน คิดเอาง่ายๆเลยนะครับ นางสมพรก็จะได้รับเงิน ค่าดอกเบี้ยที่นางวันดีจ่ายให้ในแต่ละวัน มากถึงวันละ สองพันห้าร้อยบาทเลยล่ะครับ ดอกเบี้ยอย่างนี้ มันก็ถือว่าเป็นดอกเบี้ยและจำนวนเงินที่มากโขพอใช้ได้เลยใช่ไหมครับ ถ้าเราต้องจ่ายในทุกๆวันนะครับ ตอนนั้นเป็นวันที่สามสิบเอ็ดของเดือนพอดี ซึ่งตอนนั้นนางวันดี ก็กำลังเดินงกๆเงินๆไปที่บ้านของนางสมพร เพื่อที่จะเอาเงินไปจ่ายค่าดอกเบี้ยให้นางสมพรเหมือนทุกๆวัน อ้าวสวัสดีจ้าพี่วันดี วันนี้พี่เอาเงินค่าดอกเบี้ยมาจ่ายชั้นถึงบ้านเลยหรอจ๊ะ ครั้งหน้าพี่ไม่ต้องมาไกลถึงบ้านชั้นก็ได้นะจ๊ะ เดี๋ยวชั้นไปหาพี่ถึงที่บ้านเองก็ได้จ๊ะ เสียงของนางสมพรพูดขึ้นมากับนางวันดี พร้อมกับที่มือของนางกำลังแกะส้มได้วย อ่อ...ใช่จ๊ะ พอดีว่าลูกชายของชั้น ไอ้อ้นน่ะ มันไม่อยู่บ้านจ๊ะ เสียงของนางวันดีตอบนางสมพรออกมา ต่อมานางสมพรจึงยิ้มแบบมีเล่ห์สไน แล้วนางสมพรจึงค้นหารายชื่อของนางวันดีในสมุดรายชื่อลูกหนี้ ที่วางกองพะเนินอยู่บนโต๊ะ แล้วนางสมพรจึงพูดออกมากับลูกหนี้ของตนว่า เออพรุ่งนี้ก็เดือนใหม่แล้วนะจ๊ะ เดี๋ยวพรขอปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยนะจ๊ะ ต่อมาฝ่ายของนางวันดีเลยทำหน้าฉงนสงสัย จากที่พี่วันดี ต้องจ่ายให้ชั้นวันละสองพันห้าร้อย ชั้นขอปรับขึ้น เป็นวันละสองพันหกร้อยบาทนะจ๊ะ จากนั้นนางวันดีก็เลยแค่ยิ้ม แล้วจากนั้นนางวันดีเลยได้แต่ทำหน้า งง งง หลังจากนั้น พอนางสมพรได้เห็นนางวันดีทำหน้า งง อย่างนั้น นางสมพรก็เลยอธิบายให้นางวันดีฟังต่อว่า เออที่ชั้นต้องขอปรับดอกเบี้ยเนี่ยนะจ๊ะพี่ ก็คือบางวันเนี่ยน่ะ พี่มาส่งดอกเบี้ยให้ชั้นซะมืดค่ำเลย ชั้นต้องอดหลับอดนอนรอให้พี่มาส่งดอกเบี้ยน่ะจ๊ะ นางวันดีได้แต่ผืนยื้มแห้งแห้งออกไป โดยที่ในใจของนางวันดี ได้คืดแช่งชักหักกระดูกนางสมพรออยู่ว่า อะไรกันวะเนี่ย ก็แค่มาส่งดอกเบี้ยให้ช้าแค่นี้นะ มันต้องขอปรับดอกเบี้ยขึ้นอีกตั้งหนึ่งร้อยเลยหรอวะเนี่ย ขั้นก็ขอให้มันและสามีได้รับผลกรรมที่มันทำไว้กับคนอื่นเร็วเร็วทีเทอะ ต่อมาเมื่อเวลาผ่านพ้นไปเรื่อยๆ นางวันดีก็ได้จ่ายเงินต่าดอกเบี้ยของวันนี้ให้นางสมพรไป จากนั้นนางวันดีเลยเดินลงจากบ้านของนางสมพรไป ก่อนที่นางวันดีจะเดินหันหน้ากลับบ้านของตัวเองต่อไป จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน หนี้สินของนางวันดี ก็ได้ทวีคูณขึ้น จนกลายเป็น ดอกทบต้น ต้นมาทบดอก แต่อย่างไรก็ตาม เงินของนางวันดีก็จะต้องเข้ากระเป๋าของนางสมพรแต่เพียงผู้เดียว จนมาถึงวันหนึ่ง นางสมพรก็ได้มาเพื่อที่จะยึดบ้านพร้อมที่ดินของนางวันดี แต่ว่านางวันดีก็ได้ขัดขืนไม่ยอมยกให้นางสมพรง่ายๆ ก็จะยกให้นางสมพรไปง่ายได้ยังไงกันล่ะใช่ไหมครับ จนกว่าจะได้บ้านหลังนี้มานะครับ นางวันดีและสามีต้องอดทนทำงานหนัก หรือต้องอดมื้อกินมื้อเลยก็มี เพราะฉะนั้น นางวันดีเลยต้องขัดขืนและต่อสู้ให้ถึงที่สุด ถึงขนาดต้องให้ขึ้นโรงขึ้นศาลเลยก็ยอม นางวันดีเองนั้น ก็เลยได้แต่คิดว่า ชาติก่อนสงสัยเราคงจะทำบาปทำกรรมไว้เยอะ ชาตินี้เราเลยต้องมารับผลกรรมอย่างนี้ ขนาดนี่เรา ได้สร้างแต่คุณงามความดีเอาไว้นะเนี่ย เวณกรรมยังไม่ยกเว่นเลย หรือว่าต้องให้เราชดใช้หหนี้เวณหนี้กรรมตลอดทั้งชาตินี้เลยหรอ เมื่อนางวันดีคิดออกมาอย่างนั้นแล้ว ก็น่าจะเป็นความจริงอย่างที่นางวันดีได้คิดเอาไว้แน่ คือ อีกไม่กี่วันต่อมา สามีของนางวันดีที่ป่วยกระส่อกระแส่ะ ก็ได้เข้านอนในโรงพยาบาล เนื่องจากว่า สามีของนางวันดีเองนั้น มีอาการของโรคมะเร็งที่ปอดกำเริบขึ้น เนื่องจากสามีของนางวันดีสูบบุหรี่จัดมากในสมัยก่อน นางวันจึงจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้โรงพยาบาลเป็นเงินจำนวนมาก ผลสุรปในวันต่อๆมา นางวันดีจึงไม่มีเงินไปเสียค่าดอกเบี้ยให้นางสมพร ดอกเบี้ยนั้นเลย อันตะทานสูงขึ้นมาเทียบเท่ากับเงินต้น เมื่อเวลาผ่านไป หนึ่งเดือนผ่านไป สองเดือนผ่านไป ดอกเบี้ยนั้นก็ยิ่งทวีสูงมากเพิ่มขึ้น จนนางวันดีหมดหนทางที่จะใช้หนี้ เมื่อวันเวลาผ่านไปเรื่อยๆทางโรงพยาบาลจึงบอกให้สามีของนางวันดีออกมาออกมาเฝ้านอนรอที่บ้าน เพื่อจะให้สามีของนางวันดีได้อยู่ใกล้ชิดกับลูกหลาน ในเย็นของวันนั้นได้มีรถมอเตอร์ไซค์ของลูกของนางสมพร ได้วิ่งแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน จากนั้นจึงมีร่างขาวๆอ้วนของนางสมพร ได้ก้าวลงมาจากเบาะคนซ้อนของรถมอเตอร์ไซค์ และรีบตรงเข้าไปในบ้านของนางวันดี จากนั้นนางสมพรจึงได้เอ่ยปากกับลูกหนี้ว่า แหมโชคดีจังเลยนะจ๊ะ พรคิดว่าพี่วันดีจะไม่อยู่บ้านซะอีก อยู่สิจ๊ะ ว่าแต่พรมาเก็บดอกเบี้ยหรอ เสียงของนางวันดีกล่าวขึ้นกับนางสมพร ป่าวหรอกจ๊ะ ชั้นมาทำตามสัญญาที่เราได้เขียนและตกลงกันไว้ไงจ๊ะ ชั้นมายึดบ้านและที่ดินจ๊ะ เสียงของนางสมพรตอบนางวันดีไป พอนางสมพรพูดจบปะโยคน์ลง ร่างที่ดูซูบผอมของสามีของนางวันดีก็น้ำตาไหลรินอาบหน้า นางวันดีจึงพูดเพื่อที่จะขอโอกาศกับนางสมพรออกมาว่า พรจ๊ะ พี่ขอโอกาสหาที่พักใหม่ก่อนได้ไหม นี่สามีพี่ก็มาไม่สบายอีก ขอโกาสพี่ก่อนได้ไหม แต่นางสมพรก็ยังยืนยันด้วยน้ำเสียงอย่างนักแน่นว่า ไม่ได้หรอกพี่ เดี๋ยวพี่ต้องไปโอนบ้านกับที่ดินให้ชั้นวันนี้เลย พอต่อมาหลังจากนั้นเวลาได้พัดผ่านไป จนเวลาเดินมาถึงวันหนึ่ง ในวันนั้น สามีของนางสมพรได้เข้าไปเที่ยวในตัวเมืองของจังหวัดที่อยู่ จู่ๆนางสามีของนางที่กำลังจะเดินข้ามถนน  ระหว่างที่สามีของนางสมพรเดินๆไปอยู่ในระหว่างใจกลางของถนน จู่ๆก็มีรถตู้ มาจากไหนไม่รู้ มาวิ่งชนเอาร่างของสามีของนางสมพร พอหลังจากนั้นหลังจากที่รถชนสามีของนางสมพร ในเวลาต่อมาตำรวจจึงจับคนขับรถตู้คนนั้นได้ ปรากฏว่าคนขับรถตู้คนนั้นกลายเป็นลูกหนี้เก่าของนางสมพร สมัยเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนนั้นนางสมพรก็ยังไม่ได้คิดหรอกว่า มันเป็นผลกรรมที่นางสมพรได้ทำไว้กับคนอื่น ต่อมาหลังจากนั้น เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ได้ถึงสามเดือนกว่าๆ วันนั้นก็เป็นวันที่ ที่มีงานบุญประจำปีของหมู่บ้าน ในวันนั้นพแเวลาได้ล่วงเลยไปถึงหนึ่งทุ่มครึ่ง ลูกชายของนางสมพรจึงได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์คันเก่งของเขา ออกจากบ้านพักของเขา ไปที่งาน หรืออาจจะเสียงของท่อรถเสียงดัง หรือทำไม ก็ไม่อาจจะรู้ได้ ลูกชายของนางสมพรจึงถูกวัยรุ่นที่อยู่ในงานดักทำร้ายเอา จนลูกชายของนางสมพรเขาได้เสียชีวิตลง พอหลังจากนั้น วัยรุ่นพวกนั้นก็ถูกจับ พอนางสมพรไปดูหน้าคนที่ทำร้ายลูกชายของตน วัยรุ่นพวกนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นลูกของลูกหนี้ของนางสมพรนั้นเอง นัตถิ กัมมัง สมะ พะลัง แรงใดในโลกเสมอด้วยแรงกรรมไม่มีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่