เจ้าสาวชาวไทย : ตำรวจอังกฤษยืนยันแล้ว ศพหญิงนิรนามที่พบเมื่อเกือบ 15 ปีก่อนคือ ลำดวน สีกันยา

https://www.bbc.com/thai/47629679


ตำรวจนอร์ทยอร์กเชียร์ ในอังกฤษ แถลงยืนยัน ดีเอ็นเอของศพหญิงนิรนามจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่พบในพื้นที่เมื่อปี 2547 ตรงกับพ่อแม่ของ ลำดวน สีกันยา หญิงไทยจากอุดรธานี

"จากผลการสอบสวนที่รอบด้านและผลดีเอ็นเอของสมาชิกครอบครัวในประเทศไทย หน่วยพิสูจน์คดีที่ยังไม่มีข้อยุติของทีมสอบสวนคดีใหญ่ของตำรวจเชื่อว่า หญิงคนดังกล่าว คือ ลำดวน อาร์มิเทจ (นามสกุลเดิม สีกันยา)"

ตำรวจนอร์ทยอร์กเชียร์ แถลงในเอกสารข่าวที่ส่งถึงบีบีซีไทย เมื่อปลายเดือน ม.ค. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากสองสามีภรรยา ที่ร้องว่า ลูกสาว หรือ นางลำดวน สีกันยา ซึ่งแต่งงานกับชายชาวอังกฤษชื่อ เดวิด อาร์มิเทจ เมื่อปี 2534 และย้ายไปพำนักอยู่ที่อังกฤษ ก่อนจะขาดการติดต่อไปในปี 2547 น่าจะเป็นศพหญิงนิรนามที่พบที่อุทยานแห่งชาติในสหราชอาณาจักรเมื่อ 14 ปีก่อน

เจ้าหน้าที่กลุ่มตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล 3 คน เก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มของ บัวสา และจูมศรี สีกันยา สามีภรรยาวัย 72 ปี ชาว อ. เพ็ญ จ. อุดรธานี เพื่อดำเนินการส่งตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม

นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวกับบีบีซีไทยทางโทรศัพท์เมื่อปลายเดือน ม.ค. ว่า การตรวจพิสูจน์ใช้เวลาภายใน 2-3 วันทำการ หากไม่มีเหตุขัดข้องทางเทคนิค จากระยะเวลาปกติจะใช้ระยะเวลาในการตรวจพิสูจน์ 20 วัน ตำรวจนอร์ทยอร์กเชียร์ระบุในวันที่ 19 มี.ค. ว่า กำลังทำงานร่วมกับสำนักงานอัยการของอังกฤษเพื่อขอรับสิทธิทางกฎหมายและความร่วมมือจากทางการของไทย ในการไปสอบปากคำครอบครัวของลำดวนและการสอบสวนในประเทศไทยและอังกฤษ

ตำรวจขอความร่วมมือจากสาธารณชนทั้งในไทยและอังกฤษให้ช่วยแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการเสียชีวิตของลำดวน หญิงลูกสาม และ หากยังมีชีวิตอยู่ ลำดวนจะมีอายุ 51 ปี


"ตำรวจนอร์ทยอร์กเชียร์กำลังต่อภาพรวมของการใช้ชีวิตของลำดวนในประเทศไทย และเมืองอื่น ๆ ในอังกฤษที่เธอพำนักอยู่ระหว่างปี 2534 ถึง 2547" เอกสารของตำรวจระบุ และเสริมว่า ตำรวจเข้าใจว่า เธอมาเยือนประเทศไทยระหว่างปี 2546-2547 แต่ไม่แน่ชัดว่ามาจังหวัดใดบ้าง

"ขอกระดูกกลับมาทำบุญ" นางจูมศรี สีกันยา ผู้เป็นมารดาของ ลำดวน สีกันยา หรือที่รู้จักกันในนามของสตรีแห่งขุนเขาสามยอด (Three Peaks) ที่โด่งดังแห่งยอร์กเชียร์ เปิดเผยความรู้สึกกับบีบีซีไทยว่ารู้สึกตกใจและเสียใจกับผลที่ออกมาว่าเป็นลูกของเธอจริง ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำใจไว้มากแล้ว ตั้งแต่ได้เห็นข่าวและรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสตรีแห่งขุนเขา สิ่งที่ต้องการคืออยากได้กระดูกลูกสาวมาทำบุญตามประเพณี ให้ดวงวิญญาณไปสู่สุขคติ

โดยทางครอบครัวได้มอบหมายให้ทางเครือข่ายภาคีหญิงไทยในสหราชอาณาจักรเป็นคนดำเนินการ เพราะลำพังครอบครัวไม่มีความรู้ และเงินทอง ที่จะนำกระดูกลูกสาวกลับบ้านได้ "หวังแค่กระดูกกลับมาทำบุญให้วิญญาณของลูกไปสู่สุคติ จะได้นอนหลับเต็มตื่นสักที"

จูมศรีบอกกับบีบีซีไทยด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือหลังจากที่ได้รับทราบข่าว  "คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องใช่ลูกสาว สาเหตุว่าใครหรือทำไม ยังไม่มั่นใจ" จูมศรีกล่าว จูมศรีบอกกับบีบีซีไทยว่าหลานชายที่เป็นลูกติดจากสามีคนไทยของลำดวนโทรมาหาตอนปี พ.ศ. 2553 แล้วบอกว่าแม่กับน้องไม่อยู่ในอังกฤษมาหลายปีแล้ว


"ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงให้เป็นขั้นตอนของทางการไปเกี่ยวกับเรื่องคดี หาความจริงมาให้ได้ ลำพังเคยไปแจ้งกับทุกหน่วยงานตั้งแต่ลูกสาวไม่ติดต่อมา แล้วทุกหน่วยงานก็รับเอกสาร รับปากไว้ แต่ไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวลูกสาวเลย" จูมศรีอธิบาย "ตอนแรกคิดว่าเป็นสิ่งที่ลูกสาวเลือก คิดว่าเลี้ยงลูกได้แต่ตัว แต่จิตใจเขาชอบของเขา ผู้เป็นพ่อเคยเตือนแล้วว่าไม่อยากให้ไปอยู่ไกลประเทศไทยเลย ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวเลย"


ถัดจากบ้านเกิดของลำดวนที่บ้านโพน อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ไปไม่กี่หลังตรงสุดทางถนนของหมู่บ้านเป็นที่ตั้งของวัดโพนสว่าง ที่ซึ่งเป็นสถานที่ที่ บัวสา สีกันยา ผู้ซึ่งเป็นพ่อของลำดวนมักจะเอาจดหมายและเอกสารต่าง ๆ ไปให้พระสมัย มหาวีโร ซึ่งเป็นพระรูปเดียวที่ประจำอยู่ที่วัดนั้นได้อ่าน โดยพระสมัยได้บอกกับบีบีซีไทยว่าทางครอบครัวของลำดวนได้มาติดต่อเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะขอให้พระสมัยเป็นผู้ดำเนินพิธีการทางศาสนาให้กับลำดวนทันทีที่กระดูกของเธอกลับมาถึงบ้านเกิด

"บัวสา เค้าได้มาขอให้อาตมาเป็นผู้ทำพิธีให้และจะทำการฝังกระดูกของลำดวนเอาไว้ที่วัดนี้ เค้าอยากให้ลูกเค้าได้อยู่ใกล้ ๆ บ้าน อย่างน้อยก็จะได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ได้บ่อย ๆ ไม่เหมือนอย่างตอนที่อยู่ที่อังกฤษ" พระสมัยกล่าว "นอกจากนี้บัวสายังติดต่อให้มิ่งขวัญที่เป็นลูกชายคนแรกของลำดวนกลับมาบวชที่นี่เพื่อที่เค้าจะได้อุทิศส่วนกุศลให้แม่เค้าด้วย"

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทยรายงานว่า จากการสอบถามญาติของลำดวน พบว่า ขณะนี้ครอบครัวยังติดต่อลูกชายคนแรกของลำดวนไม่ได้



ที่มาที่ไปของข่าวดังกล่าวค่ะ

'เจ้าสาวชาวไทย': ผ่านไป 14 ปี เริ่มมีเบาะแสว่าร่างที่พบในอุทยานแห่งชาติอังกฤษ อาจคือ หญิงสาวจาก จ.อุดรธานี แต่ยังรอผลพิสูจน์ดีเอ็นเอ

https://www.bbc.com/thai/international-46509536

หลายฝ่ายกำลังร่วมมือกันเพื่อพิสูจน์ว่าร่างของหญิงเคราะห์ร้ายที่ถูกทิ้งไว้ที่อุทยานแห่งชาติยอร์กเชียร์ เดลส์เมื่อ 14 ปีก่อนคือหญิงสาวชาวอุดรธานี ดังที่พ่อแม่ของเธอสงสัยหรือไม่

คดีนี้เป็นคดีที่ตำรวจในสหราชอาณาจักรยังไม่สามารถจะปิดลงได้มาเนิ่นนาน เพราะยังไม่สามารถจะระบุตัวผู้ที่เสียชีวิตได้ แต่ความก้าวหน้าทางด้านนิติเวชได้นำไปสู่ทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับช่วงสุดท้ายในชีวิตเธอ นอกจากนี้ก็ยังมีข้อมูลใหม่ที่มาจากครอบครัวหนึ่งในจ. อุดรธานี ที่ได้เห็นภาพสเก๊ตช์ของหญิงสาวผู้เสียชีวิต และเชื่อว่าเป็นลูกสาวของตนเอง ได้ติดต่อผ่านเครือข่ายภาคีหญิงไทยในสหราชอาณาจักร(Thai women network in the UK) เพื่อให้พิสูจน์โดยใช้การตรวจดีเอ็นเอของพ่อแม่เทียบกับตัวอย่างดีเอ็นเอของหญิงเคราะห์ร้ายคนดังกล่าว

จดหมายของพ่อแม่ " มีจดหมายเข้ามาถึงเครือข่ายฯ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2561 เขียนถึงการหายตัวไปของลูกสาว... ที่แต่งงานกับหนุ่มอังกฤษ... และไปพำนักประเทศอังกฤษ และขาดการติดต่อไปตั้งแต่ปี 2547 กว่าประมาณ15ปีแล้วที่หายตัวไป ลงชื่อว่าจุมศรีและบัวสา..." ซึ่งเป็นพ่อแม่ของลูกสาวที่หายตัวไปในช่วงเวลาเดียวกับคดีนี้

เศรษฐินรี เวเนส ประธานเครือข่ายภาคีหญิงไทยในสหราชอาณาจักร(Thai women network in the UK) กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของเบาะแสคดีปริศนา 'เจ้าสาวชาวไทย' ในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้  ที่จ. อุดรธานี หลังจากเครือข่ายภาคีหญิงไทยในสหราชอาณาจักรและสำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุดรธานีลงพื้นที่ตามที่อยู่บนจดหมาย พบว่ามีเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับหญิงสาวคนดังกล่าวที่ได้สมรสกับหนุ่มชาวอังกฤษเมื่อปี พ.ศ.2534 อาทิ รูปถ่ายที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับภาพวาดจากตำรวจยอร์กเชียร์เหนือ รูปถ่ายเอกสารต่างๆระบุถึงความเป็นไปได้ว่าลูกสาวของทั้งคู่ อาจจะเป็น 'สตรีแห่งขุนเขา' ตามที่คนท้องถิ่นเรียกก็ได้

ขณะนี้เครือข่ายฯ พร้อมทั้งสำนักงานยุติธรรมจังหวัดฯ กำลังเดินหน้าประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ อย่างเช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อส่งคนมาเจาะเลือดพ่อแม่และส่งไปยังสหราชอาณาจักรเพื่อตรวจสอบ

"สตรีแห่งขุนเขา" นักเดินเขาทั้งห้าฟันฝ่าอากาศที่มืดครึ้มในระหว่างที่เดินทางออกจากหมู่บ้านฮอร์ตันในริบเบิลส์เดล ไปยัง "เขาสามยอด" (Three Peaks) ที่โด่งดังแห่งยอร์กเชียร์ หลังจากที่เดินทางไปถึงยอดของเนินเขาที่เล็กที่สุดที่ชื่อเพนนีเกนต์ (Pen-y-ghent) พวกเขาต้องกลับไปยังพื้นราบเนื่องจากฝนตกและลมแรง นักเดินเขาตัดสินใจหยุดพักใกล้กับกลุ่มถ้ำที่เรียกว่าเซลล์ จิลล์ โฮลส์ (Sell Gill Holes) เพื่อพักกินอาหารและถ่ายรูป ไม่กี่นาทีต่อมา ปีเตอร์ กู๊ดฮิว เห็นร่างเปลือยครึ่งท่อนของหญิงคนหนึ่งขดอยู่หลังโขดหินในลำธาร "เรากำลังมองเข้าไปในถ้ำ แล้วผมก็มองไปทางซ้าย ตอนแรกผมคิดว่าเป็นหุ่น แต่พอเข้าไปใกล้ ๆ ผมถึงรู้ว่าเป็นศพ เพราะเล็บหายไปจากนิ้ว"

"เขาตะโกนบอกว่ามีศพ" นายฮิล เพื่อนของเขา กล่าว "มันเหลือเชื่อมาก ผมอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก แล้ววันต่อมาผมก็ร้องไห้หลังจากที่รับรู้ได้ว่าอะไรเกิดขึ้น" Image copyrightRICHARD HILLคำบรรยายภาพไม่กี่อึดใจหลังจากที่ ริชาร์ด ฮิล ถ่ายรูปนี้ เขาและเพื่อน ๆ ก็พบศพในลำธารบนเขาแห่งนี้แม้ว่าจะมีการสอบสวนอย่างละเอียด แต่ตำรวจยอร์กเชียร์เหนือไม่สามารถที่จะตอบคำถามที่สำคัญที่สุดได้ว่า ผู้หญิงคนนี้คือใคร แล้วเธอเสียชีวิตได้อย่างไร จากการตรวจร่างกายของเธอ พบว่ามีความสูง 149 ซม. และน้ำหนัก 63 กก. อายุของเธออยู่ที่ประมาณ 25-35 ปี ผมสีน้ำตาลเข้มประบ่า ความเชื่อในขณะนั้นคือ เธอน่าจะเป็นคนพื้นเพจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่นั่นหมายความว่า เธออาจจะมาจากประเทศไทย ฟิลิปปินส์ ลาว เวียดนาม หรืออินโดนีเซีย ก็ได้ แต่ไม่เคยมีใครมาระบุตัวตนของผู้หญิงคนนี้

ซึ่งต่อมาคนในหมู่บ้านฮอร์ตันอินริบเบิลส์เดล เรียกเธอว่าเป็น "สตรีแห่งขุนเขา" หน่วยงานในท้องถิ่นเศร้าใจกับเหตุที่เกิดขึ้นจึงจัดงานศพให้เธอ ฝังเธอไว้ที่สุสานของหมู่บ้านซึ่งมีคนเข้าร่วมพิธีกว่า 40 คน "มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก ทุกคนในหมู่บ้านรู้สึกแย่มากที่ผู้หญิงคนนี้ต้องถูกทิ้งไว้อย่างเดียวดาย" ชีล่า มิลแมน ซึ่งเป็นประธานชุมชน กล่าวในตอนนั้น "เรารู้สึกถึงความรับผิดชอบที่ต้องมีต่อเธอ เหมือนเธอเป็นของพวกเราแล้วเราอยากจะรับประกันว่าเธอมีที่อยู่หากวันใดวันหนึ่งจะมีคนตามหาญาติของเธอได้"

ทางตันของการสืบสวน

ด้านการสืบสวนของตำรวจนั้น พบแต่ทางตัน นักพยาธิวิทยาสรุปว่าเธอเสียชีวิตมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งถึงสามสัปดาห์ แต่ไม่สามารถระบุสาเหตุของการเสียชีวิตได้ เนื่องจากไม่มีร่องรอบการบาดเจ็บที่เห็นได้ชัด เช่น ถูกยิงหรือทุบตี อวัยวะในร่างกายของเธอเน่าเปื่อยเกินกว่าที่แพทย์สามารถระบุได้ว่าเธอเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย เช่น หัวใจวายหรือเส้นโลหิตในสมองแตกอย่างเฉียบพลัน แต่การที่ไม่มีหนอนไต่-แมลงตอม แสดงให้เห็นว่าศพอาจถูกทิ้งข้างนอกเพียงไม่กี่วัน ที่สำคัญ ตำรวจอยากได้ผลชันสูตรที่สรุปว่าเธอไม่ได้ตายแบบผิดธรรมชาติ

ข้อเท็จจริงที่ว่า ในขณะที่เธอถูกพบ เธอสวมเพียงถุงเท้า กางเกงยีนส์มาร์กแอนด์สเปนเซอร์สีเขียว และยกทรงตะขอหลุดทำให้ตัวเสื้อในหลุดมากองที่แขนซ้าย ทำให้สามารถอธิบายได้ว่าเธออาจจะหลงทางและเสียชีวิตจากภาวะอุณหภูมิกายต่ำผิดปกติ (hypothermia) ซึ่งการที่เธอสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น สามารถอธิบายจากอาการ "paradoxical undressing" คือรู้สึกหนาวจัดจนเกิดอาการประสาทที่ทำให้คิดว่าร้อนเหมือนถูกเผาไหม้

ข้อมูลบุคคลสูญหาย การสอบถามจากสถานทูตต่างประเทศ และแบบทดสอบทางมานุษยวิทยาและทันตกรรมไม่สามารถที่จะนำไปสู่การระบุตัวตนของเธอได้

ขอแสดงความเสียใจและขอให้คุณลำดวนไปสู่สุขคตินะคะ ลองย้อนอ่านข่าวแล้วเศร้าใจ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่