▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
คนไทยในนิวซีแลนด์
ประเทศนิวซีแลนด์
เรียนต่อต่างประเทศ
นักเรียน
ชีวิตในต่างแดน
[CR] เรียนนอก 3 ปีที่นิวซีแลนด์ โดยบูลี่ตั้งแต่เริ่ม!
ก่อนหน้านี้เราเรียนอยู่โรงเรียนไทยจ๋ามาตลอด ไม่เคยไปเรียน Summer หรือเข้าค่ายที่เมืองนอกมาก่อนเลยในชีวิตและเป็นคนที่ไม่เก่งภาษาเลย เรียกได้ว่าไม่ชอบภาษาเอามากๆ
แต่เมื่อเราโตขึ้นและเริ่มเห็นความสำคัญของการใช้ภาษาบวกกับการที่เราเริ่มก้าวสู่ช่วยวัยรุ่น เริ่มรู้สึกตัวว่าเบื่อๆ อยู่แต่สังคมเดิมๆ ชีวิตเดิมๆ ในรั้วโรงเรียนเดิมเป็นเวลา 10 กว่าปี ง่ายๆคือวัยอยากรู้อยากเห็น
ช่วงแรกคือคิดถึงเรื่องเปลี่ยนโรงเรียนก่อน ไปสายอินเตอร์ไรงี้ แต่พอไปลองศึกษาหาข้อมูลแบบจริงๆจังๆรู้เลยว่าสอบไม่ติดชัวๆ ตอนนั้นประมาณ ม.2 กลางๆ เป็นเด็กที่ไม่เก่งอะไรเป็นพิเศษ สิ่งที่รู้ตัวว่าเด่นที่สุดคือเรื่องเต้นเท่านั้น ไม่เรียนพิเศษใดๆทั้งสิ้นนอกจากเต้น การแข่งขันของเด็กไทยนั้นสูงมากจะสู้คนอื่นๆได้อย่างไร ค่าเทอมก็ไม่ใช่ถูกๆก็เลยตัดใจไปตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เอาเป็นว่าตอนนั้นคือหมดหวังไปเลยค่ะ
แต่หลังจากนั้นมาประมาณ 2 เดือนกว่าแม่เราบังเอินไปได้ยินแม่ๆคนอื่นพูดเกี่ยวกับเรื่องส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ ที่นิวนั่นแหละ ตอนนั้นแม่เราก็มาเล่าให้เรากับพ่อฟังคล้ายๆว่าเดี๋ยวนี้คนส่งลูกไปต่างประเทศเยอะเนอะ ดูไปง่ายกว่าสมัยแม่เยอะ แค่นั้นแหละทุกคน เรียบร้อย ต้องขอขอบคุณคำจุดประกายแม่พูด เราเลยได้มายืนอยู่จุดๆนี้
ตอนแรกไม่เคยคิดถึงเรื่องต่างประเทศเลย ประเทศในฝันที่อยากไปก็ไม่มี คิดถึงว่าจะไปนิวอย่างเดียวเพราะเพื่อนแม่เราพูดถึงแต่ประเทศนี้ ปัจจุบันยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมเลือกประเทศนี้น๊า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากภายใน 4 เดือน ทุกอย่างพ่อกับแม่เราเป็นคนวางแผนให้หมด ทั้งโรงเรียน เอเจน ภาษาก็ไม่ได้เตรียมไป มีแค่ตัวและจิตวิญญาณที่ไม่ได้รับการปรุงแต่ง ไปแบบไม่ได้วางแผนอนาคต สิ่งสูงสุดที่หวังคือภาษา!
เรามาเรียนอยู่ที่โรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่งในย่าน Hawke's Bay, Nz เมืองนี้คือเมือนคนแก่แหละทุกคน ปลอดภัย ธรรมชาติมาก เมืองติดทะเลและภูเขา น่ารักๆชิวๆ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบช๊อบปิ้งหรือเที่ยวเล่นในเมืองแบบเราอย่างยิ่ง สำเนืองฟังง่ายพูดช้า คนเอเชียน้อยมากเช่นเดียวกัน ฟังเหมือนจะดีนะ แต่ต้องเจอประสบการณ์หลอนๆแต่เริ่มนะสิ
วันแรกที่เราไปถึงตอนนั้นโรงเรียนยังไม่เปิดเลยต้องไปอยู่บ้านโฮสก่อนเพราะหอที่โรงเรียนยังไม่เปิด โฮสเป็นคนที่พอมีอายุแล้ว เค้ารับเรามาอยู่เพราะเห็นว่าเป็นเด็กโรงเรียนเดียวกันกับหลานเค้า บ้านเป็นบ้านหลังเล็กๆชั้นเดียว ห้องน้ำมีหนึ่งห้องและห้องนอนอีกสามห้อง แต่ทุกคน! ที่ตกใจที่สุดคือห้องนอนเต็มทั้งสามห้องทั้งๆมีแค่เรากับโฮสสองคนที่อยู่ในบ้าน แล้วใครอีกคนละคะ….ห้องที่ขั้นระหว่างเรากับโฮสเป็นห้องที่มีสิ่งนั้นนอนอยู่ตลอดเวลา มันเป็นตุ๊กตาที่นอนหลับอยู่บนเตียง ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่เวลานอนจะหลับตาและเวลานั่งจะลืมตา ตัวใหญ่ประมาณแขนครึ่งได้ แค่เราเห็นแค่นั้นแหละ ตอนกลางคืนนอนไม่หลับ สติไม่อยู่กับตัวเลย เพราะที่นี่เวลากลางคืนคือเงียบ ไม่มีเสียงแมลง เสียงรถ หรือเสียงคนคุยกัน ยิ่งไปกว่านั้นผนังข้างห้องเราเนี่ยคือห้องตุ๊กตา มันหลอนแบบบอกไม่ถูก บวกกับเจ็ดเล็คมากๆ
สองวันผ่านมาหลังจากความหลอนเล็กๆน้อยๆที่เราเจอมาก เราก็ค้นพบเรื่องจริงที่ไม่มีใครกล้าพูดเกี่ยวกับบ้านหลังนั้น พี่คนไทยที่เรียนอยู่ที่นี่เล่าให้ฟังว่าไม่มีใครกล้าไปบ้านโฮสคนนั้นเลย ไม่ใช่เรื่องตุ๊กตานะ แต่เป็นโฮสเองนั่นแหละ เค้าเล่าว่าช่วงดึกๆตอนพี่เค้าไปพักอยู่บ้านนั้น มักได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากห้องโฮสในเวลากลางคืน ไม่ใช่แค่พี่คนไทยคนเดียวที่ได้ยินนะ คือประมาณสามคนที่ไปนอนที่บ้านได้ยินเหมือนกันหมด แต่ปัจจุบันเสียงเริ่มหายๆไปบ้างแล้วเพราะโฮสเริ่มกินยา….เป็นเรื่องที่ไม่มีใครกล้าเล่าให้โรงเรียนฟังเลยคะ แน่นอนอยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้สำหรับผู้ใหญ่แล้ว มันเป็นเรื่องไร้สาระที่เหมือนจะเป็นการกล่าวหาใครสักคนและเหมือนเป็นการกระทำที่อาจส่งผลให้เค้าเสียอาชีพและรายด้ายส่วนหนึ่งไป
หลังจากที่เราย้ายมากอยู่หอโรงเรียน โรงเรียนบรรยากาศดูดีมาก สวยแบบเก่าๆ มีความหลอดนิดหน่อยแต่ก็ดูน่าตื่นเต้นดี
ยอมรับว่าคาดหวังไว้ว่าทุกอย่างจะดีขึ้น...แต่ตรงกันข้าม ชีวิตในฝันที่เคยวาดและฝันไว้โดนทำลายตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง เราอยู่โรงเรียนหญิงล้วน และพักในหอของโรงเรียน เราเดาว่าอาจจะเป็นเพราะเราเองที่เลือกมาในเมืองเล็กๆทที่คนไม่ค่อยจะชินกับหน้าเอเชียๆแบบเราสักเท่าไร ทำให้เค้าเห็นเราเป็นของแปลก มีพี่คนไทยเคยเล่าให้ฟังว่าปีก่อนหน้าที่เราจะมา เด็กญี่ปุ่นประมาณ 5-6คนย้ายรร.พร้อมกันเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นเราตกใจมาก เกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนออกพร้อมกันละ และสุดท้านเราก็โดนแบบเค้าค่ะ อาจไม่หนักเท่าแต่มันสร้างความรำคาญให้กับเราเป็นอย่างมาก
เราโดนล้อ โดนแกล้ง โดนใช้ให้ทำนู่นทำนี่ โดนล้อในห้องเรื่องสำเนียงบ้าง ยิ่งเวลาโดนเรียกให้อ่านออกเสียงทุกคนก็เหมือนจะกลั้นหัวเราะกันแบบสุดๆ ช่วงเที่ยงคืนก็มีคนมาเคาะผนังห้องนอน ป้ายชื่อโดยโขมยไปสลับกับคนนู้นคนนี้ ช่วงแรกๆก็คิดนะ หรือว่าเราเป็นเด็กใหม่ แต่เราคิดผิด ผ่านมาปีนึงไม่มีอะไรดีขึ้นเลย สภาพจิตใจเราแย่มาก กลายเป็นคนไม่ค่อยพูด เก็บความรู้สึกและร้องให้คนเดียวตลอดทุกอาทิตย์ เรากลายเป็นคนขึ้กลัว กลัวที่จะลองตุยกับคนอื่น กังวลและคิดมาก
***ปล.ไม่ใช่ว่าโรงเรียนไม่ดีนะคะ เด็กไทยที่อยู่ชั้นอื่นไม่มีใครโดนแบบเราเลย คงเป็นเพราะเด็กในระดับชั้นเรามากกว่าที่เป็นแบบนี้
หลังจากจบปีที่เลวร้ายปีนั้น เราก็เริ่มคิดที่จะย้ายรร. ไปที่ที่เป็นเมืองมากขึ้น เผื่อว่าเด็กในเมืองจะเข้าใจเรามากกว่าเด็กนอกเมือง แต่อย่างที่เราบอก ตอนนั้นคือเฟลมาก เราคิดมโนไปต่างๆนาๆ กลัวที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กลัวที่จะต้องไปเจออะไรแบบนี้อีก ถ้ามันแย่กว่าสิ่งที่เจอมากตอนนี้ละ เราจะรับได้มั๊ย แต่ถ้ากลับไทยมันก็ไม่การันตีว่าเราจะสอบได้โรงเรียนดีๆเพราะบอกเลย วิชาการเราอ่อนลงไปแล้วแถมภาษาอังกฤษแทบไม่พัฒนา กลับไปก็อายแถมทำให้พ่อแม่ผิดหวังอีก (คิดไปเองอีกแล้วค่า)
สุดท้ายก็ย้ายค่ะ….จุดๆนั้นอยู่ๆมันก็คิดได้เองว่าตัวเราเองเจออะไรที่แย่มาเยอะ ตอนนี้ไปที่ไหนก็มีแต่ดีขึ้นเท่านั้น
บอกเลยว่านี่ยังไม่พีค เพราะก่อนเราจะออก เราต้องไปเข้าค่ายสุดแสนจะโหดที่เรียกว่า Tongariro crossing เกือบเอาชีวิตไม่รอด
นี่คือภาพเหตุการก่อนขึ้นเครื่องบินกลับไทย 1 วัน วิวสวยแต่อันตรายค่ะ โหดมาก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้