เราไม่เคยคิดว่าเราจะโพส หรืออะไรที่นี่ มีแต่อ่านของคนอื่นตลอดมา ตอนนี้เราอึดอัดมาก เลยขอพื้นที่ระบายค่ะ
คือเรื่องที่เราจะเล่ามาทั้งหมด เป็นเรื่องจริง
ขออนุญาต เล่าย้อนกลับไปเมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว เราพูดตรงๆเลยว่า เราเป็นทอม จนได้มาเจอกับผู้ชายคนหนึ่งเราเลยเปลี่ยนไป ตอนนั้นเราอายุ 30 ก็ยังเป็นทอมอยู่ มีแฟนเป็นคนญี่ปุ่นเป็นผู้หญิงนี่แหละค่ะ แต่ว่าวันนึง เราเจอกับสามี(ปัจจุบัน) สามีเราชวนเราคุยตลอด เราบอกเขาแล้วว่าเราไม่ชอบผู้ชาย แล้วไม่มีทางที่จะเปลี่ยนด้วย เขาก็บอกเราว่า เขาแค่อยากเป็นเพื่อนเรา แล้วสามีเราไม่ใช่คนไทย เขามาเที่ยวเชียงใหม่ เราก็เลยมีโอกาสได้คุยกันแป๊บนึง พอผ่านมาอีกสักประมาณ 3 เดือน เราก็มีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศที่เขาอยู่ ตอนนั้นเรารู้อยู่แล้วว่าสามีเรามีน้องสาว แล้วน้องสาวของสามีเราก็น่ารักมาก เรายังนึกในใจว่าเราอยากจีบน้องสาวเขา แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนั้นเรามีแฟนอยู่แล้ว ซึ่งตอนนั้นที่เราไปเที่ยวประเทศที่สามีอยู่ แฟนเราที่เป็นคนญี่ปุ่นก็ไปด้วยกันนัดเจอกันคนละครึ่งทาง เราเที่ยวอยู่ที่นั่นกับแฟนเราได้ประมาณ เกือบ 10 วัน ถ้าจำไม่ผิด สามีเราก็คอยเทคแคร์อย่างดี ทั้งแฟนญี่ปุ่นเรา แล้วก็ตัวเราเองด้วย จนเรากลับไทยมา
สามีเราบอกเราว่า ชอบเรามาก เขาชอบผู้หญิงนิสัยห้าว ๆ เหมือนเรา เขาไม่เคยมองเราว่าเราเป็นทอมเลย เพราะเราไม่เหมือนทอมเลย (ส่วนใหญ่คนตปท.ดูทอมไม่ค่อยออกบางทีจะนึกว่าเป็นผู้ชายไปเลย) ดูเป็นผู้หญิงที่เท่ ๆ ลุย ๆ มากกว่า แล้วเสียงเราก็แบบเกิร์ลรี่มาก สามีบอกเราแบบนั้น เราไม่อยากเสียความเป็นเพื่อนไป เราเลยลองใจเขา พูดลองใจ บอกเขาว่า ถ้าเขาชอบเราจริง ๆ อีก 7 ปี ถ้าตอนนั้นเขายังชอบเราอยู่ ค่อยว่ากัน ถ้าในตอนนั้น เรายังไม่มีใคร สามีก็บอกว่า... ได้ คอยดูก็แล้วกัน หลังจากนั้นไม่นาน น่าจะ 2 ปีถึง 3 ปี เราก็เลิกกับแฟนญี่ปุ่น เพราะว่า เราสงสารเขา ปีนึงเจอกันประมาณ 2 ครั้ง เขาบอกเราว่าเขาอยากให้เราไปอยู่ที่ญี่ปุ่นกับเขา แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะว่า เราไม่สามารถอยู่ญี่ปุ่นนาน ๆ ได้เราไม่ชอบอากาศที่นั่นในฤดูหนาว แล้วก็ภัยพิบัติต่าง ๆ มันค่อนข้างเยอะ แฟนเราก็บอกเราว่า ให้เขามาอยู่ไทยกับเราแทนได้ไหม เราก็บอกว่าไม่ได้ ที่บ้านจะคิดยังไง ทั้งบ้านของแฟนญี่ปุ่น เพราะพ่อแม่ของเค้า จะคิดเสมอว่าเราเป็นเพื่อนสนิทของลูกสาวเค้า แต่จริง ๆ แล้วถ้าจะมาอยู่บ้านเดียวกับเราก็ทำได้ แต่ว่าเขาพูดไทยไม่ได้เลย คบกับเรามา 5 ปีพูดคำง่าย ๆ ได้ไม่กี่คำเช่น สวัสดีค่ะ ขอบคุณค่ะ อร่อย ประมาณนี้
พอสามีเรารู้ว่าเราเลิกกับแฟนคนญี่ปุ่นแล้ว เขาก็ยิ่งตามติดเรามากขึ้น ติดแจเลย เราก็คุยกับเขาไปเรื่อยสาม สี่วันคุยกันที แต่ในระหว่างนั้นเราก็มีผู้หญิงคนอื่นไปด้วยแต่ไม่ได้คบกับใครจริงจัง จนในที่สุด ก็ครบ 7 ปี เขาขอเราแต่งงาน ใจจริง ๆ เราไม่อยากเลย แต่สามีเราเป็นคนดีมาก ๆ คนนึง ตื้ออยู่นาน เราเล่าให้ที่บ้านฟัง สุดท้ายก็เลย แต่งก็แต่ง ผ่านมาอีก 1 ปี เรากับสามีวางแผนจะมีลูกกัน แต่เรายังไม่พร้อมและ อายุก็มากแล้ว ก็บอกสามีไปแบบนั้น
ที่เราเกริ่นไว้ว่าน้องสาวของสามีน่ารักมาก วันแรกที่เราย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านสามี น้องสาวเขาก็เข้ามาคุยกับเราและ เฟรนลี่กับเรามาก ๆ เราก็คุยกับเขา แลกเปลี่ยนทัศนคติกัน เนื่องจากว่าเรากับสามีไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เราจะมีเวลากับน้องสาวของสามีมากที่สุด ส่วนใหญ่ก็ทำอาหาร ออกไปช้อปปิ้งซื้อของต่าง ๆ เราเป็นคนไม่แต่งหน้า น้องสาวของสามีพาเราไปซื้อเครื่องสำอาง เราไม่ซื้อเราบอกว่าเราไม่ชอบแต่งหน้า น้องสาวก่อนหน้านี้เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นทอมเขาก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรเรา เขาก็ซื้อในส่วนของเขาไปเราก็ซื้อเสื้อผ้าของเราไป แต่เราก็ยังแต่งตัวเหมือนทอมอยู่ก็คือสไตล์ห้าว ๆ ไม่แต่งหน้า ไม่ทำผม ผมสั้น
บ้านของสามีเรา จะแบ่งเวลาทำงานกัน ตอนกลางวัน สามี แม่ พ่อ จะไปช่วยดูแลกิจการ ส่วนตอนกลางคืน น้องชายสามีเราจะไปแทน ซึ่งจะเป็นแบบนี้มาโดยตลอด จะมีช่วงเวลาว่างกลางวันให้เราบ้าง เดือนละ 3-4 ครั้ง ส่วนใหญ่เราก็จะอยู่กับน้องสาว วันนั้นเป็นวันที่มีลูกค้าจากประเทศจีนเข้ามาดูงานที่โรงงาน พ่อ แม่ และก็ตัวสามีเรา ต้องออกไปที่โรงงาน นอนที่นั่นเลย 2 วัน (โรงงานจะอยู่ห่างจากบ้านประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ค่ะ) เพื่อไปคุยกับลูกค้าและ เทคแคร์พวกเค้า เราก็อยู่กับน้องสาว วันนั้นเราทำกับข้าวด้วยกัน อยู่ ๆ น้องสามี ก็เข้ามากอดเราจากข้างหลัง เขาบอกเราว่า เขาก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม เราตกใจ หันกลับไปบอกน้องสาวว่าเป็นอะไร อกหัก หรือว่าอะไรรึเปล่า น้องก็ส่ายหัว .....
เดี๋ยวมาต่อนะคะ แบตเหลือ 5 %
เมื่อเราเผลอใจไปกับน้องสาวของสามี
คือเรื่องที่เราจะเล่ามาทั้งหมด เป็นเรื่องจริง
ขออนุญาต เล่าย้อนกลับไปเมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว เราพูดตรงๆเลยว่า เราเป็นทอม จนได้มาเจอกับผู้ชายคนหนึ่งเราเลยเปลี่ยนไป ตอนนั้นเราอายุ 30 ก็ยังเป็นทอมอยู่ มีแฟนเป็นคนญี่ปุ่นเป็นผู้หญิงนี่แหละค่ะ แต่ว่าวันนึง เราเจอกับสามี(ปัจจุบัน) สามีเราชวนเราคุยตลอด เราบอกเขาแล้วว่าเราไม่ชอบผู้ชาย แล้วไม่มีทางที่จะเปลี่ยนด้วย เขาก็บอกเราว่า เขาแค่อยากเป็นเพื่อนเรา แล้วสามีเราไม่ใช่คนไทย เขามาเที่ยวเชียงใหม่ เราก็เลยมีโอกาสได้คุยกันแป๊บนึง พอผ่านมาอีกสักประมาณ 3 เดือน เราก็มีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศที่เขาอยู่ ตอนนั้นเรารู้อยู่แล้วว่าสามีเรามีน้องสาว แล้วน้องสาวของสามีเราก็น่ารักมาก เรายังนึกในใจว่าเราอยากจีบน้องสาวเขา แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนั้นเรามีแฟนอยู่แล้ว ซึ่งตอนนั้นที่เราไปเที่ยวประเทศที่สามีอยู่ แฟนเราที่เป็นคนญี่ปุ่นก็ไปด้วยกันนัดเจอกันคนละครึ่งทาง เราเที่ยวอยู่ที่นั่นกับแฟนเราได้ประมาณ เกือบ 10 วัน ถ้าจำไม่ผิด สามีเราก็คอยเทคแคร์อย่างดี ทั้งแฟนญี่ปุ่นเรา แล้วก็ตัวเราเองด้วย จนเรากลับไทยมา
สามีเราบอกเราว่า ชอบเรามาก เขาชอบผู้หญิงนิสัยห้าว ๆ เหมือนเรา เขาไม่เคยมองเราว่าเราเป็นทอมเลย เพราะเราไม่เหมือนทอมเลย (ส่วนใหญ่คนตปท.ดูทอมไม่ค่อยออกบางทีจะนึกว่าเป็นผู้ชายไปเลย) ดูเป็นผู้หญิงที่เท่ ๆ ลุย ๆ มากกว่า แล้วเสียงเราก็แบบเกิร์ลรี่มาก สามีบอกเราแบบนั้น เราไม่อยากเสียความเป็นเพื่อนไป เราเลยลองใจเขา พูดลองใจ บอกเขาว่า ถ้าเขาชอบเราจริง ๆ อีก 7 ปี ถ้าตอนนั้นเขายังชอบเราอยู่ ค่อยว่ากัน ถ้าในตอนนั้น เรายังไม่มีใคร สามีก็บอกว่า... ได้ คอยดูก็แล้วกัน หลังจากนั้นไม่นาน น่าจะ 2 ปีถึง 3 ปี เราก็เลิกกับแฟนญี่ปุ่น เพราะว่า เราสงสารเขา ปีนึงเจอกันประมาณ 2 ครั้ง เขาบอกเราว่าเขาอยากให้เราไปอยู่ที่ญี่ปุ่นกับเขา แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะว่า เราไม่สามารถอยู่ญี่ปุ่นนาน ๆ ได้เราไม่ชอบอากาศที่นั่นในฤดูหนาว แล้วก็ภัยพิบัติต่าง ๆ มันค่อนข้างเยอะ แฟนเราก็บอกเราว่า ให้เขามาอยู่ไทยกับเราแทนได้ไหม เราก็บอกว่าไม่ได้ ที่บ้านจะคิดยังไง ทั้งบ้านของแฟนญี่ปุ่น เพราะพ่อแม่ของเค้า จะคิดเสมอว่าเราเป็นเพื่อนสนิทของลูกสาวเค้า แต่จริง ๆ แล้วถ้าจะมาอยู่บ้านเดียวกับเราก็ทำได้ แต่ว่าเขาพูดไทยไม่ได้เลย คบกับเรามา 5 ปีพูดคำง่าย ๆ ได้ไม่กี่คำเช่น สวัสดีค่ะ ขอบคุณค่ะ อร่อย ประมาณนี้
พอสามีเรารู้ว่าเราเลิกกับแฟนคนญี่ปุ่นแล้ว เขาก็ยิ่งตามติดเรามากขึ้น ติดแจเลย เราก็คุยกับเขาไปเรื่อยสาม สี่วันคุยกันที แต่ในระหว่างนั้นเราก็มีผู้หญิงคนอื่นไปด้วยแต่ไม่ได้คบกับใครจริงจัง จนในที่สุด ก็ครบ 7 ปี เขาขอเราแต่งงาน ใจจริง ๆ เราไม่อยากเลย แต่สามีเราเป็นคนดีมาก ๆ คนนึง ตื้ออยู่นาน เราเล่าให้ที่บ้านฟัง สุดท้ายก็เลย แต่งก็แต่ง ผ่านมาอีก 1 ปี เรากับสามีวางแผนจะมีลูกกัน แต่เรายังไม่พร้อมและ อายุก็มากแล้ว ก็บอกสามีไปแบบนั้น
ที่เราเกริ่นไว้ว่าน้องสาวของสามีน่ารักมาก วันแรกที่เราย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านสามี น้องสาวเขาก็เข้ามาคุยกับเราและ เฟรนลี่กับเรามาก ๆ เราก็คุยกับเขา แลกเปลี่ยนทัศนคติกัน เนื่องจากว่าเรากับสามีไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เราจะมีเวลากับน้องสาวของสามีมากที่สุด ส่วนใหญ่ก็ทำอาหาร ออกไปช้อปปิ้งซื้อของต่าง ๆ เราเป็นคนไม่แต่งหน้า น้องสาวของสามีพาเราไปซื้อเครื่องสำอาง เราไม่ซื้อเราบอกว่าเราไม่ชอบแต่งหน้า น้องสาวก่อนหน้านี้เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นทอมเขาก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรเรา เขาก็ซื้อในส่วนของเขาไปเราก็ซื้อเสื้อผ้าของเราไป แต่เราก็ยังแต่งตัวเหมือนทอมอยู่ก็คือสไตล์ห้าว ๆ ไม่แต่งหน้า ไม่ทำผม ผมสั้น
บ้านของสามีเรา จะแบ่งเวลาทำงานกัน ตอนกลางวัน สามี แม่ พ่อ จะไปช่วยดูแลกิจการ ส่วนตอนกลางคืน น้องชายสามีเราจะไปแทน ซึ่งจะเป็นแบบนี้มาโดยตลอด จะมีช่วงเวลาว่างกลางวันให้เราบ้าง เดือนละ 3-4 ครั้ง ส่วนใหญ่เราก็จะอยู่กับน้องสาว วันนั้นเป็นวันที่มีลูกค้าจากประเทศจีนเข้ามาดูงานที่โรงงาน พ่อ แม่ และก็ตัวสามีเรา ต้องออกไปที่โรงงาน นอนที่นั่นเลย 2 วัน (โรงงานจะอยู่ห่างจากบ้านประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ค่ะ) เพื่อไปคุยกับลูกค้าและ เทคแคร์พวกเค้า เราก็อยู่กับน้องสาว วันนั้นเราทำกับข้าวด้วยกัน อยู่ ๆ น้องสามี ก็เข้ามากอดเราจากข้างหลัง เขาบอกเราว่า เขาก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม เราตกใจ หันกลับไปบอกน้องสาวว่าเป็นอะไร อกหัก หรือว่าอะไรรึเปล่า น้องก็ส่ายหัว .....
เดี๋ยวมาต่อนะคะ แบตเหลือ 5 %