'เพื่อไทย' ไม่หวั่น 'พปชร.' ชูนโยบายขึ้นค่าแรง เพราะเคยทำได้ผลมาแล้ว 17 ปีก่อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1405733
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม นาง
ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า การประกาศนโยบายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ จะพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำที่ 400-425 บาท ค่าจ้างอาชีวะ 18,000 บาทต่อเดือน และค่าจ้างผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี 20,000 บาทนั้น พรรคเพื่อไทยไม่ได้วิตกกังวลกับการประกาศนโยบายดังกล่าว เพราะในอดีตเคยประสบความสำเร็จมาแล้วจากการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท แต่เรื่องนี้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะมีโอกาสได้ทำจริงหรือไม่ ต้องรอการตัดสินใจของประชาชนทั่วประเทศหลังวันเลือกตั้ง
นาง
ลดาวัลลิ์กล่าวว่า ยอมรับว่าในอดีตพรรคเพื่อไทยประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่ต้องรอให้ผู้ใช้แรงงานก่อม็อบและยื่นข้อเรียกร้อง ขณะนั้นมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากว่าอาจจะมีผลกระทบหลายด้าน แต่ท้ายสุดกลับมีพรรคการเมืองอื่นเดินตามแนวทางนี้ ทำให้การหาเสียงในปัจจุบันถือเป็นเรื่องดีที่หลายพรรคการเมืองพยายามยึดตามแนวทางของพรรคเพื่อไทยเป็นต้นแบบ ด้วยการเสนอแนวนโยบายหลายด้านเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ มากกว่าการชูกระแสตัวบุคคล
“พรรคเพื่อไทยเคยทำได้ผลมาแล้ว ตั้งแต่ 17 ปีที่แล้วในยุคพรรคไทยรักไทย ทำให้ต่อมามีเสียงสนับสนุนจากประขาชนทั่วประเทศกว่า 19 ล้านคน ดังนั้น ทุกพรรคมีสิทธิประกาศนโนบาย แต่มีโอกาสจะได้ทำ และทำได้จริงหรือไม่ อยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาว่านโยบายอย่างไรส่วนรวมจะได้ประโยชน์มากกว่าคนส่วนน้อยและไม่กระทบกับการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน สำหรับการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของพรรคพปชร. มีการตั้งข้อสังเกตว่าจะนำเงินงบประมาณ หรือมีรายได้จากแหล่งใดมาใช้จ่าย หรือจะต้องกู้เพิ่ม ขณะที่แกนนำพรรคเคยบริหารประเทศมานานกว่า 5 ปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เนื่องจากต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายขาดดุลเป็นประจำทุกปี” นาง
ลดาวัลลิ์กล่าว
"ธนาธร" รู้ทัน "สมคิด" อ้างติดล็อกไม่ยอมปล่อยปชต. ชี้ คสช.หวงอำนาจต้นตอปัญหา
https://www.matichon.co.th/politics/news_1405491
“ธนาธร” รู้ทัน “สมคิด” อ้างติดล็อกไม่ยอมปล่อยปชต. ชี้ คสช.หวงอำนาจต้นตอปัญหา มั่นใจชิงเก้าอี้ ส.ส.เขตเชียงใหม่-อุบลฯ
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่พรรคอนาคตใหม่(อนค.) นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนค. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งมีความมั่นใจจะปักธง ส.ส.เขตในจังหวัดใดบ้าง ว่า แกนนำของพรรคได้แยกย้ายกันไปในหลายพื้นที่ หลายจังหวัดทุกภาค ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ล่าสุดที่ไป จ.เชียงใหม่ก็มั่นใจว่าจะได้ ส.ส.เขต อย่างที่ จ.อุบลราชธานี อนค.ก็มั่นใจว่าจะได้ ส.ส.เขตเช่นกัน ซึ่งจังหวัดไหนที่เราจัดเวทีปราศรัยใหญ่ จังหวัดนั้นเราหวัง ส.ส.เขต ส่วนที่ผ่านมาเคยประเมินว่าอนค.จะได้ ส.ส. 50-70ที่นั่งนั้น เราก็ยังทำโพลภายในอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่อาจเปิดเผยได้ เพราะอาจขัดกับกฎหมาย กกต.ได้ เชื่อว่าอีก 10 วันก็จะรู้ผลที่ชัดเจนแล้ว และพรรคพร้อมทำให้ดีที่สุด สำหรับผลโพลมหาวิทยาสงขลานครินทร์ ระบุว่า อนค. ได้รับความนิยมในภาคใต้มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)นั้น ก็ขอขอบคุณคนใต้ที่สนใจ แต่เรายืนยันว่าเราไม่ใช่พรรคภูมิภาคเราเป็นพรรคระดับชาติที่พร้อมทำงานให้คนทั้งประเทศ
เมื่อถามว่า อนค.เน้นนโยบายทางการเมืองมากกว่านโยบายด้านปากท้องที่ประชาชนต้องการหรือไม่ นาย
ธนาธร กล่าวว่า เรามีทั้งนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร การจ้างงาน ทำให้ชีวิตประชาชนในต่างจังหวัดมีรายได้ที่มั่นคง จากงานที่มีคุณภาพซึ่งยึดโยงไปกับชุมชน ส่วนนโยบายทางการเมืองก็คือมุ่งเน้นกลับสู่ประชาธิปไตย ทำให้คนกลับมาศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยก่อน ดังนั้นการแก้ปัญหาเรื่องการเมืองกับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจก็ทำไปควบคู่กัน ยืนยันว่าพรรคอนาคตใหม่มีศักยภาพเพียงพอ ดูได้จากรายชื่อ 10 ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อที่มีความเชื่ยวชาญในแต่ละด้าน
เมื่อถามถึงกรณีนาย
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการเมืองจะติดล็อกถ้าไม่ได้พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เป็นรัฐบาลต่อหลังเลือกตั้ง นาย
ธนาธร กล่าวว่า การติดล็อกเกิดจากความวุ่นวายของ คสช.เอง ถ้าไม่ยอมปล่อยประชาธิปไตย ตอนนี้เราจึงเห็นการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความหวาดกลัวให้ผู้คนเข้าใจว่า ถ้าพปชร.ไม่กลับมาเป็นรัฐบาลจะเกิดความวุ่นวาย แต่ตนขอชวนให้ประชาชนคิดกลับว่าเมื่อมีการเลือกตั้ง กลับคืนสู่ระบอบรัฐสภาแล้ว ใครที่ขัดขวางกระบวนการเหล่านี้ต่างหากคือคนที่สร้างความวุ่นวาย ต่อข้อถามว่านาย
สมคิดยังระบุว่าหากเกิดเหตุวุ่นวายหลังเลือกตั้งต่างชาติก็จะไม่มาลงทุนในประเทศไทย หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การตัดสินใจลงทุนของต่างชาติขึ้นอยู่กับหลักนิติรัฐ นิติธรรมที่เข้มแข็งมากกว่า
JJNY : 4in1 พท.ไม่หวั่นชูขึ้นค่าแรง/ธนาธรรู้ทันสมคิด/ศาลรับฟ้องคดีปาล์มอินโดโยงปปช./สหรัฐฯออกรายงานไทยจำกัดสิทธิมนุษยชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1405733
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า การประกาศนโยบายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ จะพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำที่ 400-425 บาท ค่าจ้างอาชีวะ 18,000 บาทต่อเดือน และค่าจ้างผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี 20,000 บาทนั้น พรรคเพื่อไทยไม่ได้วิตกกังวลกับการประกาศนโยบายดังกล่าว เพราะในอดีตเคยประสบความสำเร็จมาแล้วจากการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท แต่เรื่องนี้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะมีโอกาสได้ทำจริงหรือไม่ ต้องรอการตัดสินใจของประชาชนทั่วประเทศหลังวันเลือกตั้ง
นางลดาวัลลิ์กล่าวว่า ยอมรับว่าในอดีตพรรคเพื่อไทยประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่ต้องรอให้ผู้ใช้แรงงานก่อม็อบและยื่นข้อเรียกร้อง ขณะนั้นมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากว่าอาจจะมีผลกระทบหลายด้าน แต่ท้ายสุดกลับมีพรรคการเมืองอื่นเดินตามแนวทางนี้ ทำให้การหาเสียงในปัจจุบันถือเป็นเรื่องดีที่หลายพรรคการเมืองพยายามยึดตามแนวทางของพรรคเพื่อไทยเป็นต้นแบบ ด้วยการเสนอแนวนโยบายหลายด้านเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ มากกว่าการชูกระแสตัวบุคคล
“พรรคเพื่อไทยเคยทำได้ผลมาแล้ว ตั้งแต่ 17 ปีที่แล้วในยุคพรรคไทยรักไทย ทำให้ต่อมามีเสียงสนับสนุนจากประขาชนทั่วประเทศกว่า 19 ล้านคน ดังนั้น ทุกพรรคมีสิทธิประกาศนโนบาย แต่มีโอกาสจะได้ทำ และทำได้จริงหรือไม่ อยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาว่านโยบายอย่างไรส่วนรวมจะได้ประโยชน์มากกว่าคนส่วนน้อยและไม่กระทบกับการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน สำหรับการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของพรรคพปชร. มีการตั้งข้อสังเกตว่าจะนำเงินงบประมาณ หรือมีรายได้จากแหล่งใดมาใช้จ่าย หรือจะต้องกู้เพิ่ม ขณะที่แกนนำพรรคเคยบริหารประเทศมานานกว่า 5 ปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เนื่องจากต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายขาดดุลเป็นประจำทุกปี” นางลดาวัลลิ์กล่าว
"ธนาธร" รู้ทัน "สมคิด" อ้างติดล็อกไม่ยอมปล่อยปชต. ชี้ คสช.หวงอำนาจต้นตอปัญหา
https://www.matichon.co.th/politics/news_1405491
“ธนาธร” รู้ทัน “สมคิด” อ้างติดล็อกไม่ยอมปล่อยปชต. ชี้ คสช.หวงอำนาจต้นตอปัญหา มั่นใจชิงเก้าอี้ ส.ส.เขตเชียงใหม่-อุบลฯ
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่พรรคอนาคตใหม่(อนค.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนค. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งมีความมั่นใจจะปักธง ส.ส.เขตในจังหวัดใดบ้าง ว่า แกนนำของพรรคได้แยกย้ายกันไปในหลายพื้นที่ หลายจังหวัดทุกภาค ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ล่าสุดที่ไป จ.เชียงใหม่ก็มั่นใจว่าจะได้ ส.ส.เขต อย่างที่ จ.อุบลราชธานี อนค.ก็มั่นใจว่าจะได้ ส.ส.เขตเช่นกัน ซึ่งจังหวัดไหนที่เราจัดเวทีปราศรัยใหญ่ จังหวัดนั้นเราหวัง ส.ส.เขต ส่วนที่ผ่านมาเคยประเมินว่าอนค.จะได้ ส.ส. 50-70ที่นั่งนั้น เราก็ยังทำโพลภายในอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่อาจเปิดเผยได้ เพราะอาจขัดกับกฎหมาย กกต.ได้ เชื่อว่าอีก 10 วันก็จะรู้ผลที่ชัดเจนแล้ว และพรรคพร้อมทำให้ดีที่สุด สำหรับผลโพลมหาวิทยาสงขลานครินทร์ ระบุว่า อนค. ได้รับความนิยมในภาคใต้มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)นั้น ก็ขอขอบคุณคนใต้ที่สนใจ แต่เรายืนยันว่าเราไม่ใช่พรรคภูมิภาคเราเป็นพรรคระดับชาติที่พร้อมทำงานให้คนทั้งประเทศ
เมื่อถามว่า อนค.เน้นนโยบายทางการเมืองมากกว่านโยบายด้านปากท้องที่ประชาชนต้องการหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า เรามีทั้งนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร การจ้างงาน ทำให้ชีวิตประชาชนในต่างจังหวัดมีรายได้ที่มั่นคง จากงานที่มีคุณภาพซึ่งยึดโยงไปกับชุมชน ส่วนนโยบายทางการเมืองก็คือมุ่งเน้นกลับสู่ประชาธิปไตย ทำให้คนกลับมาศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยก่อน ดังนั้นการแก้ปัญหาเรื่องการเมืองกับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจก็ทำไปควบคู่กัน ยืนยันว่าพรรคอนาคตใหม่มีศักยภาพเพียงพอ ดูได้จากรายชื่อ 10 ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อที่มีความเชื่ยวชาญในแต่ละด้าน
เมื่อถามถึงกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการเมืองจะติดล็อกถ้าไม่ได้พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เป็นรัฐบาลต่อหลังเลือกตั้ง นายธนาธร กล่าวว่า การติดล็อกเกิดจากความวุ่นวายของ คสช.เอง ถ้าไม่ยอมปล่อยประชาธิปไตย ตอนนี้เราจึงเห็นการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความหวาดกลัวให้ผู้คนเข้าใจว่า ถ้าพปชร.ไม่กลับมาเป็นรัฐบาลจะเกิดความวุ่นวาย แต่ตนขอชวนให้ประชาชนคิดกลับว่าเมื่อมีการเลือกตั้ง กลับคืนสู่ระบอบรัฐสภาแล้ว ใครที่ขัดขวางกระบวนการเหล่านี้ต่างหากคือคนที่สร้างความวุ่นวาย ต่อข้อถามว่านายสมคิดยังระบุว่าหากเกิดเหตุวุ่นวายหลังเลือกตั้งต่างชาติก็จะไม่มาลงทุนในประเทศไทย หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การตัดสินใจลงทุนของต่างชาติขึ้นอยู่กับหลักนิติรัฐ นิติธรรมที่เข้มแข็งมากกว่า