จดหมายถึงไทยรักษาชาติ....มหัศจรรย์ตัวเลข....come back ที่ยิ่งใหญ่ cnck

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ในแวดวงการเมือง ไม่มีข่าวไหนดังเท่า

ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย

ยุบพรรคไทยรักษาชาติ ตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี

ซึ่งก็ตรงกับการคาดคะเนของประชาชนส่วนใหญ่

ในกระทู้นี้จะไม่กล่าวล่วงไปถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

แต่จะสื่อความรู้สึกไปถึงสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคไทยรักษาชาติ

โดยเฉพาะ ร.ท. ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคเท่านั้น


เมื่อตอนตั้งพรรคไทยรักษาชาติ จขกท.เห็นรายชื่อผู้เข้าร่วมก่อการทั้งหมด

ก็รู้สึกดีใจที่พรรคนี้อุดมไปด้วยคนหนุ่ม ซึ่งจะเป็นอนาคตทางการเมืองของประเทศไทยต่อไป

อาจจะรู้สึกหงุดหงิดและไม่เห็นด้วยนิดหน่อยที่มีสมาชิกพรรคบางคนมาอยู่ด้วย

เพราะอยากให้พรรคนี้เริ่มต้นการเมืองแบบใหม่ ที่ปราศจากข้อขัดแย้งในอดีต

แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

ก็ขออย่าให้อุปสรรคคราวนี้มาทำลายความตั้งใจที่จะสร้างการเมืองใหม่ต่อไปในอนาคต


ทางการเมืองไทย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้ชื่อว่าเป็นระดับซือแป๋ ปรมาจารย์ เป็นเสาหลักประชาธิปไตย

ในการเลือกตั้งวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2491 คุณชายคึกฤทธิ์ได้เป็น ส.ส. ในเขตพระนคร

ต่อมาในวันที่ 6 เมษายน ปีเดียวกัน จอมพล ป. ทำการรัฐประหารรัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ พรรคประชาธิปัตย์

คุณชายคึกฤทธิ์ก็ลาออกจากการเป็น ส.ส.

ปลายปี 2491 จอมพล ป. ตั้ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มาเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล

และเมื่อถึงต้นปี 2492 คุณชายคึกฤทธิ์ ก็ลาออกจากการเป็นรัฐมนตรี และถอยห่างออกจากวงการเมืองตั้งแต่บัดนั้น

โดยเว้นการเลือกตั้งในปี 2492  2495  2500/1  2500/2 และ 2512 รวมทั้งสิ้น 5 ครั้ง

เพราะช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นช่วงที่เผด็จการทหารครองอำนาจต่อเนื่องมาตลอด


เวลาล่วงเลยมาถึงปี พ.ศ. 2516 หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา เผด็จการถนอม ประภาส ณรงค์

ถูกนิสิต นักศึกษา และประชาชน ร่วมกันขับไล่ออกนอกประเทศ

นายกพระราชทาน อ.สัญญา ธรรมศักดิ์ได้ตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติขึ้น หรือมีชื่อเรียกกันว่า

"สภาสนามม้า" โดยมี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นประธานสภาคนแรก ทำการร่างรัฐธรรมนูญจนมีการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2518

แล้วคุณชายคึกฤทธิ์ก็ลาออกไปสมัครสภาผู้แทนราษฎร และเป็นหัวหน้าพรรคกิจสังคม

และต่อมาวาสนาทางการเมืองก็ก้าวไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ช่วงที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แบนตัวเองออกจากการเมืองไทยในปี พ.ศ. 2492

ขณะนั้นท่านมีอายุ 38 ปี อยู่วงนอกการเมืองไทย ทั้งหมด 24 ปี


พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ

บุตรชายจอมพลผิน ชุณหะวัณ นายทหารที่เป็นดาวโรจน์ของกองทัพในช่วงปี พ.ศ. 2490

และมีความรุ่งเรืองตลอดมา จนมาถึงปี พ.ศ. 2500 เกิดความขัดแย้งขึ้น

ระหว่างรัฐบาลจอมพล ป. กับกองทัพ ซึ่งนำโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จนถึงจุดแตกหัก

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เรียก พลจัตวาชาติชาย (ยศในขณะนั้น) มาถามว่า

"ถ้าจะปฏิวัติรัฐบาลจอมพล ป. จะเข้าร่วมหรือไม่"

พลจัตวาชาติชายตอบว่า

"จะให้ปฏิวัติรัฐบาลที่มีพ่อเป็นรัฐมนตรีอยู่ คงทำไม่ได้"

เมื่อจอมพลสฤษดิ์รัฐประหารสำเร็จ ก็จัดการส่งพลจัตวาชาติชายออกจากการคุมกำลังกองทัพบก

ไปเป็นทูตทหารที่อาร์เจนติน่า ซึ่งเท่ากับหมดอนาคตทั้งทางการเมืองและทางการทหาร

กว่าพลเอกชาติชายจะกลับเข้าสู่การเมืองได้ ก็ต้องรอจนถึง ยุคจอมพลถนอม

ถึงกลับมาเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลจอมพลถนอม

ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2518 พลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ ได้ร่วมกับพี่เขย คือ พลตรีประมาณ อดิเรกสาร

จัดตั้งพรรคชาติไทยขึ้น และทำให้พรรคชาติไทยเจริญเติบโตขึ้น

และเมื่อ พลตรีชาติชาย ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคชาติไทย และชนะการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2531

พลตรีชาติชาย ก็ได้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของประเทศไทย

รวมเวลาที่พลเอกชาติชายตกอับทางการเมืองเป็นเวลา 15 ปี ซึ่งขณะที่โดนจอมพลสฤษดิ์ลดบทบาท

ท่านมีอายุ 38 ปี


เขียนมาถึงตรงนี้ ก็เพียงอยากสื่อให้คุณปรีชาพลลองศึกษาประวัติศาสตร์ของบุคคลที่มีชื่อเสียงในการเมืองไทย

หลายคนเคยผ่านอุปสรรคมากกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้หลายเท่า

บางท่านถึงกับเสียชีวิตโดยคำสั่งของเผด็จการ เช่น 4 รัฐมนตรีขุนพลอีสานในอดีต

(คุณปรีชาพลก็เป็น ส.ส.ขอนแก่น ก็ถือเป็น ส.ส.อีสานเหมือนกัน)

บางท่านถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี ถูกสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน

แต่สุดท้ายด้วยอุดมการณ์ที่แน่วแน่ ที่จะสร้างความผาสุกให้กับประชาชน

จึงทำให้มีความมานะอดทน ต่อสู้จนในที่สุดได้กลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ในทางการเมืองไทย


จากประวัติของคุณปรีชาพล เกิดวันที่ 15 กันยายน 2523 เป็นปีวอก

ซึ่งบังเอิญเหลือเกินที่ตอนเกิดอุปสรรคทางการเมืองครั้งนี้ คุณปรีชาพลอายุ 38 ปี

ซึ่งเป็นอายุเท่ากับตอนที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ถอนตัวจากการเมืองยุคเผด็จการปกครองเมือง

และเท่ากับอายุของพลเอกชาติชาย ตอนที่ถูกเผด็จการจอมพลสฤษดิ์ย้ายไปต่างประเทศ

คุณปรีชาพลครับ

ถ้าคุณมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่จะช่วยเหลือประชาชนจริง

ก็ขอให้มีความอดทนอดกลั้นต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ อย่าได้ท้อถอย หรือหนีห่างจากการเมืองไทย

การเว้นวรรค 10 ปีของคุณ อาจจะส่งผลดีกับคุณในอนาคต

เพราะเมื่อถึงเวลานั้นคุณจะหลุดพ้นจากการควบคุมและครอบงำจากการเมืองยุคเก่า

ที่มุ่งหวังจะทำลายล้างซึ่งกันและกัน มาเล่นการเมืองยุคใหม่กับคนรุ่นใหม่ๆ

มาสร้างประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้า ตามนิยามไทยยุคศิวิไลซ์ต่อไป

ป.ล ในจำนวนนายกรัฐมนตรี 29 คนของไทย มีหลายคนที่ทั้งถูกใส่ร้าย หรือตกอับทางการเมือง แต่ในที่สุดก็กลับมาได้

ป.ล 2 ในช่วง 6 ตุลา 19 นายชวน หลีกภัย เกือบถูกฝ่ายขวา บุกเข้าทำเนียบจับแขวนคอ

ป.ล 3 นายอานันท์ ปันยารชุน ตอนเป็นข้าราชการประจำในกระทรวงต่างประเทศก็ถูกกลั่นแกล้ง โยกย้ายหลายครั้ง

ป.ล 4 เพื่อนสมาชิกลองทายดูซิว่า นายกรัฐมนตรีไทยมาจากปีนักษัตรใดมากที่สุด ?

ป.ล 5 เม้นย่อยมาวิเคราะห์กันว่า คะแนนของไทยรักษาชาติจะไหลไปทางไหน ใครได้ประโยชน์มากที่สุด ?

cnck
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่