ชั้นเป็นบกพร่องทางการได้ยิน(หูตึง)เลยอยากแชร์ประสบการณ์มาให้สำหรับพ่อแม่ลูกไม่เคยมีประสบการณ์ค่ะ

สวัสดีค่ะทุกท่าน  ฉันไม่รู้ว่าเล่าเรื่องชีวิตจริงมาให้ทุกท่านอ่านดีไหม แต่อย่างน้อยดีกว่าไม่พิมพ์

           ฉันขอแนะนำก่อนนะค่ะ    ฉันชื่อเล่น แจน อายุ 26 ปี  เป็นคนบกพร่องทางการได้ยิน (หูตึง) ชอบมองปากมากกว่าฟัง เลยอยากแชร์ประสบการณ์ที่ผ่านมา  ให้สำหรับพ่อแม่พี่น้องไม่มีประสบการณ์  ถ้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดไม่เข้าใจแต่ต้องขออภัยให้ล่วงหน้า    ฉันพยายามเล่าให้เป็นประโยคดีที่สุดแล้วค่ะ  

        เริ่มต้น  ครอบครัวทั้งหมดมี 6 คน พ่อแม่ พี่น้อง 4 คน  พวกพี่ๆ 3 คนปกติ พ่อแม่กำเนิดฉันขึ้นมาคนที่ 4 คนสุดท้อง เลยไม่รู้ว่าฉันเป็นคนหูตึงระดับหนักมากแต่ใกล้เคียงหูหนวก พ่อแม่ชอบตะโกนทุกวันเลยไม่ได้เอะอะอะไรเลย แถมพี่ๆชอบเปิดเพลงดังๆทุกคืน ส่วนฉันหลับสนิทโดยไม่รู้เรื่องราว  แล้วจนวันหนึ่ง ตอนอายุ 3 ขวบ ยังพูด พ่อแม่ ไม่ได้เลย  

         (ฉันเคยสงสัยเลยไปถามพ่อแม่ว่าทำไมพ่อแม่เพิ่งสังเกตุ ตอน 3 ขวบ  แม่บอกว่าเหตุการณ์นี้เคยมีมาแล้ว นั่นคือ พี่ชายนั่นเอง คล้ายๆแจนเลย พ่อแม่เพิ่งสังเกตุตอนไม่พูดสักคำเลย  มีแต่ส่งเสียงภาษาเด็ก  อ้อแอ้ อะไรประมาณนี้)

         พ่อแม่เริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมแจนไม่หันทุกครั้งที่เรียกแจนเลยพาไปหาหมอ หมอบอกว่าหูตึง 90 เดซิเบล พอได้ยินแล้ว พ่อแม่ช็อกไปอีก เลยบอกหมอว่าต้องทำยังไงให้หูกลับมาปกติ หมอบอกแนะนำให้ไปเมืองจีน น่าจะปี 2539 สมัยนั้นไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลย สุดท้ายต้องไปเมืองจีนรักษาหู อยู่ที่นั้น ประมาณ 3-4 เดือน การลงทุนแพงมากๆ ตอนนั้นพ่อแม่ไม่รวยแค่มีเงินเก็บให้ได้ โครตประหยัดมากๆ การรักษาหูไม่เหมือนใครเลย ฉีดที่หู เท้า แขน พร้อมกับน้ำเกลือ สุดท้ายต้องมานอน เค้าจำได้ตรงที่นอนพร้อมเครื่องกราฟอะไรสักอย่าง ต้องทำแบบนี้ตลอด 3-4 เดือน ถ้าหูดีขึ้นให้กลับไทย แต่มันดีขึ้นนิดเดียวเองแต่เพิ่งพูดได้คำว่า พ่อแม่ ได้แล้ว ยังพูดไม่ชัด สุดท้ายกลับไทยไม่คุ้มค่าที่ลงทุนเลย  

         (ประเทศจีน มีแค่พ่อกับแจน พ่อสื่อสารภาษาจีนได้นิดๆ ถ้าวันไหนพ่อไปซื้อของกิน ทิ้งแจนไว้กับหมอ แจนร้องไห้ใหญ่มากจนกว่าผล็อยหลับไป ติดพ่อมากๆ มันลำบากมากนะ😭)

          โรงเรียนอนุบาล-ป.4 (เอกชน) สำหรับบกพร่องทางการได้ยิน  มีเด็กปกตินะ แต่น้อย ห่างจากบ้าน 2 ชม.กว่า  ถ้าไปรับ รวมๆ 5 ชม.ได้ เลยให้ไปนอนอยู่ประจำ 5 วัน (ตอนนี้ยังคิดถึงครูศิษย์มาก) รักการความทรงจำ

           วันแรกเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้วซื้อเครื่องช่วยฟังมาใส่ทุกวัน  ต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควรแต่ต้องนอนอยู่ประจำ  ส่วนตัวขี้อายมาก เป็นคนเงียบ ไม่เข้ากับสังคม โรคกลัวความคิดคนอื่น เช่น คนนั้นมองเค้าแล้วคิดอะไรไม่ดีแน่ๆเลย  หลบสายตาจากคนนั้นเลยขี้อาย เป็นแบบนั้นจริงๆนะ แล้วจากนั้นมาเรื่อยๆปรับตัวได้แล้วมีเพื่อนประเภทเดียวกันเลยสื่อสารด้วยภาษามือ ส่วนมากเพื่อนๆไม่ยอมพูดนะ แต่ที่นี่มีการสอนฝึกพูด ตัวต่อตัว รู้สึกจะประมาณ 30 นาที ได้ เพราะมีหลายคนต่อคิว ถ้าได้เวลาเที่ยงแล้ว ต้องไปจัดแถวแล้วเดินตามครูพาไปกินข้าว ทำแบบนี้ เช้าเที่ยงเย็น เลย ครูทำหน้าที่ต้องดูแลพิเศษมากๆ ค่าเทอมน่าจะแพงมาก ที่ผ่านมามีเรื่องทะเลาะบ้าง เล่าเรื่องอะไร มีเล่นกันบ้าง  แล้วทุกวันศุกร์ดีใจที่พ่อมารับกลับบ้าน แม่ทำกับข้าวเมนูพิเศษมากๆ เช่น ปูผัดผงกรี่ ปลากะพงนึ่ง ปกติแม่ไม่ได้ทำแบบนี้ทุกวัน แค่ทำให้เค้ากิน ทุกวันศุกร์   จนกระทั่งจบป.4 เลยไม่ทำแล้ว

ใช้ชีวิตกับโรงเรียนอย่างไร
           ทุกๆเช้า ตี 5 ครูตื่นมาปลุกเด็กๆทุกคน พับผ้าห่ม เก็บหมอน ผ้านวม จัดให้เรียบร้อย เด็กๆมาต่อแถวไปอาบน้ำรวมแต่แยกชายหญิงนะค่ะ ชายอยู่ข้างล่าง ส่วนหญิงอยู่ข้างบน แล้วก็ ป.4-6 อาบน้ำเอง  ถ้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ครูจะไปหยิบกล่องหูฟังมีชื่อของแต่ละคน  (มันเยอะมากนะ ถ้าทำหายครูต้องรับผิดชอบค่าหูฟังไม่ใช่เล่นๆ) เอามาให้เด็กใส่เครื่องช่วยฟังเอง ทีเหลือนั่งรอ  ถ้าพร้อมแล้ว จัดแถวแล้วไปโรงอาหาร  พอนั่งโต๊ะอาหารแล้วรอครู

ครู: สวัสดีค่ะ
เด็ก:สวัสดีครับ/ค่ะ
ครู : วันนี้จะมีเมนูอาหาร ..........
เลยพูดตามครู พอจบสนทนาแล้วกินข้าวได้เลย แต่ต้องกินข้าวให้หมดนะ ไม่หมดก็ต้องให้หมด
เสร็จแล้วก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ เวร  จนกระทั่ง 8 โมงรีบวิ่งลงข้างล่างเข้าแถว ร้องเพลงชาติ

      10 โมง จัดแถวเดินตามครูไปโรงอาหาร กินนม(เขาทำนมเอง) ฝืนมากกก ไม่อร่อยแต่มีประโยชน์  บางวันให้กินนมกล่อง

      เที่ยง เหมือนตอนเช้า

      4 โมง ได้เวลาเลิกเรียนแล้ว วิ่งตรงไปเล่นสนามเด็กเล่นให้เต็มที
      5 โมง สำหรับ ป.4-6 คนไหนมีหน้าที่ เวร ต้องมาช่วย จัดจาน ตักข้าว มาเรียงโต๊ะแบบนี้
พอกินข้าวเสร็จ ไปซักถุงเท้าแล้วตากผ้า ถอดเครื่องช่วยฟังออก   (ครูมีหน้าที่ดูแลเครื่องช่วยฟัง)   ไปนั่งเล่นสักพักแล้วไปจัดแถวเดินตามครู พาไปอาบน้ำ ถ้าเด็กๆทุกคนอาบเสร็จ เดินตามครูพาไปที่ห้องนอน ดูทีวีการ์ตูนแต่ไม่มีบรรยายไทย หรือไม่ก็นั่งคุยกับเพื่อน ภาษามือเอา ส่วนมากไม่พูดเลย
       2 ทุ่ม จัดแถวให้ไปเอาผ้านวม ผ้าห่ม หมอนของตัวเองไปจัดที่นอน เรียบร้อยแล้ว รอสวต์มนต์พร้อมทุกคน พอสวดเสร็จ นอนต่อ  ทำแบบนี้ตลอดเลย

      ทุกวันศุกร์ ครูจะให้มีการบ้านฝึกพูดกับแม่ด้วย จะได้ฝึกพูดชัดๆ

         โรงเรียนนี้เข้มงวดมาก ทำให้แจนนิสัยดี เรียบร้อย  รักมากเลยละ คิดถึงครูศิษย์มากกกก
แต่ว่านั่นในอดีต  ปัจจุบันนี้ 2562 โรงเรียนมีแต่เด็กออทิสติกกับหูตึง พอๆกัน ส่วนเด็กปกติ มีไม่กี่คน  
          อดีตปี 2539 เข้าแถวตอนเช้า ยืนตากแดด  ลำบาก
          ปัจจุบันปี  2562 มีหลังคาบังแดดแล้ว  สบายดีจริง ก็ต้องมีพัฒนาบ้าง 😂

       แจนขอแนะนำปล่อยให้ลูกทำอะไรก็ทำ จะได้ฉลาดบ้าง มีความสร้างสรรค์บ้าง แจนมีพี่สาวคนหนึ่ง แม่ห่วงลูกสาวเลยไม่ให้ทำอะไรจนถึงตอนนี้อายุ 27 ทำกับข้าวไม่เป็น ขี่มอเตอร์ไม่เป็น ทำอะไรไม่เป็นซะอย่าง เก่งแต่เรียนหนังสือและเป็นอาชีพช่างภาพอย่างเดียว  ส่วนหมอบอกว่าแนะนำให้แจนทำอะไรก็ทำ จะได้มีพัฒนา แต่ตอนนี้ทำอะไรก็เป็นหมด  ไม่มีอะไรทำไม่ได้ ถ้าแม่ห้ามแจนไม่ให้ทำอะไร ให้นั่งเล่นกับของเล่นอย่างเดียว ป่านนี้คงเหมือนพี่สาว ขนาดดูแลตัวเองไม่ได้เลย

จะมีเรื่องราวต่ออีกนะค่ะ ขอขอบคุณเสียสละเวลาอ่านค่ะ 🙏🏻
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่