จัดการยังไงดี พ่อ-แม่รังแกฉัน...พี่ชายอายุ 38 จบโท ขอเงินแม่ใช้ ตื่นบ่าย กิน ดื่ม เที่ยว ว่างงาน และไม่คิดจะหางาน

เจ้าของกระทู้ขออนุญาติลบเนื้อหานะคะ ดีใจที่ ได้รับคำแนะนำ และรู้สึกซาบซึ้งจริงๆที่มีคนรับฟังและเข้าใจ เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ ตัวเราเองมักมองข้ามในหลายๆมุมมอง แต่พอได้รับรู้มุมมองของคนอื่น เราก็รู้สึกว่าได้เรียนรู้และเติบโตมาทันที เมื่อคืนนอนหลับ ความคิดตกผลึก พอจะคิดได้ว่าควรจะปฏิบัติตัว ดำเนินชีวิตต่อ หรือทำใจไปในทางไหนเรียบร้อยแล้วค่ะ

อีกสาเหตุที่ลบเนื้อหา คือ  เรากลัวว่าถ้าพี่ชายมีอาการซึมเศร้า  (ซึ่งเราคิดไม่ถึง) เป็นอีกแง่คิดจากหลายๆท่าน ซึ่งพี่ชายอาจสะเทือนใจจากกระทู้นี้และอาจยิ่งแย่ไปใหญ่

เมื่อคืนก่อนนอนเราตามอ่านจนเกือบ 60 ความเห็น ตอนนี้เพิ่งตื่นนอน (เราอยู่ฝั่งยุโรปค่ะ) เห็นว่าเกินร้อยความเห็น เราจะไปปลุกลูกสาว ทานข้าวแล้วพาไปส่งไปโรงเรียนอนุบาล แล้วก็ทำภารกิจต่างๆ จากนั้นจะกลับมาอ่านเพิ่มเติมนะคะ

ขอบคุณอีกครั้งจากใจนะคะ 🙏🏼🙏🏼🙏🏼
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ความนำของเรื่องนี้คือ จะจัดการอย่างไรดีกับพี่ชาย และกับแม่
พี่ชาย อายุ 40 ปีแล้ว ก็คงจะต้องปล่อยให้เขาเป็นตามที่เขาเป็น ส่วนเราก็เป็นตามที่เราเป็น
มีแนวโน้มสูงที่แม่จะยกสมบัติทั้งหมดให้แก่พี่ชาย เพราะพี่ชายเขาไม่ทำมาหากิน มีข้อมูลยืนยันจากต่างประเทศ พ่อแม่ มักจะยกสมบัติให้แก่คนที่ทำมาหากินได้น้อย หรือไม่ทำมาหากิน
เรื่องอพาร์ตเมนต์ ถ้าแม่ยังไม่ยกที่ดินให้ การสร้างไปก่อน เสี่ยงมาก ว่าจะกลายเป็นของพี่ชาย ต้องหาทางให้แม่ยกให้ก่อน  เช่นอาจจะจ่ายเงิน ให้แก่พี่ชาย โดยให้ในทางของแม่ เพื่อให้พี่ชายเอาไปตั้งตัว ซึ่งจะตั้งได้หรือไม่ได้ ก็แล้วแต่
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
คุณโดนแม่เอาเปรียบมากๆ ญาติๆก็เห็นค่าคุณเป็นถังเงินให้พี่ชาย เท่าที่อ่านคือทุกคนรักพี่ชายมากกว่าคุณ
ขอโทษนะคะ เราว่าคุณไม่เห็นแก่ตัวที่ไม่ให้เงิน แต่ถ้าให้เงิน เราว่าคุณจะโง่มากๆเลยค่ะ
พี่ชายคุณไม่มีหัวคิดเลย และไม่น่าจะมีอนาคตด้วย ประเมินตัวเองสูงเกินจริง นั่นนี่ไม่ได้ เสียหน้า งานต้องได้ดั่งใจ
คือถ้าบ้านรวยมีร้อยล้านก็คงไม่เป็นไร แต่ดูทรงตอนนี้ แม่คุณน่าจะมาบีบบังคับให้คุณรับผิดชอบชีวิตพี่ชายทีหลัง
ที่ดินที่แม่จะให้ ถ้าไม่ได้ว่าทำเลดีมากๆ แนะนำให้ขายค่ะ ไปหาที่ดินอื่นที่อยู่ห่างๆครอบครัวถ้าจะทำอพาร์ทเม้นต์
ไม่งั้นดีไม่ดีพี่ชายจะโมเมยึดไปถ้าตัวคุณไม่ได้อยู่ไทยตลอด หรือถ้าเค้าไม่พอใจ ก็อาจจะก่อปัญหาให้กิจการคุณได้
คำแนะนำจากเรานะคะ “ตัดหางปล่อยวัด” ไปเลยค่ะ ค่าใช้จ่ายแม่ก็อย่าให้ทีละเป็นแสน น่าจะโดนพี่ชายไถหมด
ความคิดเห็นที่ 38
บอกเลยค่ะว่าชีวิตเคยเจอคนแบบนี้  ถ้าพูดตรงไปต้องขอโทษด้วยนะคะ เขาเรียกว่า "พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ" ทำอะไรไม่เป็น อะไรก็ไม่เอา ไม่ดี ไม่ทำ ง่าย ๆ คือชี้เกียจตัวเป็นขนแล้วอ้างแต่อยากทำโปรเจกต์ใหญ่ อ้างความฝันต่าง ๆ นานา แต่ที่ผ่านมาก็เอาแต่นอนฝันไม่ตื่นอยู่ร่ำไป แถมยังแบมือขอเงินแม่ที่สูงอายุแบบไม่ละอายใจเลย  คุณคิดว่าชีวิตเขาสบายมาจนครึ่งค่อนชีวิต (จะ 40 แล้ว) เขาจะมาทำงานให้เหน็ดเหนื่อยเหรอคะ ทุกวันนี้ไม่ต้องทำงานก็มีกินมีใช้  ได้เงินจากแม่ (ทั้งบำนาญและเงินที่คุณส่งให้แม่ใช้ทุกเดือนหรือเงินก้อน) แถมเล็งเห็นผลภายหน้าทั้งเรื่องที่ดินที่แม่มีอยู่  ที่นา  บ้านช่อง เขารอรับอยู่แล้วค่ะ  ดูจากที่แม่และญาติคุณโอ๋เขามาแต่ไหนแต่ไรแบบนี้เขาก็รู้สึกได้แหละค่ะว่าชีวิตเขายังมีเงินทอง ทรัพย์สินมีค่าอีกเยอะที่จะได้ไปเรื่อย ๆ แถมคุณที่เป็นน้องสาวก็ดูห่วงใยเขามาก ถามไถ่อนาคต พยายามถามเรื่องงานหางานให้  คิดจะให้เขาทำในสิ่งที่ฝัน (แต่เขาไม่เอาเองเพราะมองว่าเล็กเกินไป) มันยิ่งทำให้เขาได้ใจค่ะว่า ต่อให้ไม่มีแม่เขาก็มีคุณที่ไม่ทิ้งเขาแน่นอน

ขอโทษที่พูดยืดยาวนะคะ แต่สิ่งที่คุณบรรยายมันทำให้เรามองออกมาแบบนี้จริง ๆ และมีคนที่มีลักษณะแบบนี้ด้วยเป็นแฟนเพื่อนร่วมงาน เขาแต่งงานกันแต่ฝ่ายชายไม่ยอมทำงานปล่อยแฟนทำงานคนเดียว ส่วนตัวเองเป็นฟรีแลนซ์ที่ไม่ทำงานหรือรับงานอะไรเลย วัน ๆ นั่งเล่นคอม เล่นเกม เปิดตู้เย็นหาของกินในบ้าน ทำหน้าที่แค่ขับรถไปรับส่งแฟนไปทำงานและส่งลูกไปเรียนแค่นั้น แต่ให้แฟน(ผู้หญิง)ทำงานหาเงินเหนื่อยอยู่คนเดียว เขาทำแบบนี้จนวัยล่วงเลยมานานโดยที่คิดว่ายังไงแฟนก็ไม่ทิ้งเพราะมีลูกด้วยกันนี่แหละค่ะ  คนแบบนี้เขาเรียกว่ามันย่ามใจค่ะ คือสบายจนเคยตัว จะให้ออกไปหางานทำให้เหน็ดเหนื่อยเขาไม่ทำหรอกค่ะ ไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยากค่ะ

ตอบคำถามนะคะ
1.มีวิธีไหนที่พี่ชายเรา เค้าจะกลับตัวกลับใจไปงานคะ ?
ไม่มีค่ะ  มีแต่ต้องให้มีเงินทุนก้อนหนึ่งที่ทำตามฝันของเขาและคงต้องเป็นทุนก้อนใหญ่ด้วย เขาถึงจะลุกไปทำค่ะ แต่ขอโทษนะคะจะว่าดูถูกก็ได้ค่ะ เราว่าเงินก้อนนั้นคือการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำของแท้ค่ะ เพราะคนไม่เคยทำอะไรด้วยตนเองเลย ประสบการณ์งานไม่มี จับจด เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ พอเจอปัญหาก็คงหนีและไม่ทำแล้ว เหมือนไปสอนรร.ก็บอกว่าไม่ชอบก็ไม่ทำ ทั้ง ๆที่เงินที่ได้มันสามารถเลี้ยงตัวเองได้ไม่ต้องลำบากแม่ แต่เขาเลือกทำให้แม่ลำบากแต่ตัวเองสบายตัวและสบายใจมากกว่า ลูกแบบนี้ควรเรียกว่าอะไรคะ  ถ้าคุณอยากลองให้โอกาสก็ลองดูซักครั้งแล้วบอกว่าไม่มีให้อีกแล้ว ดูซิว่าเขาจะทำได้ไหม และจบไม่ต้องให้เขาอีกค่ะ

2.คุณคิดว่าองค์กรการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย เค้าจะรับคนโปรไฟล์อย่างพี่ชายเราไหม?
ไม่ค่ะ  ตอบแบบนี้เนื่องจากตนเองก็อยู่ในแวดวงการศึกษา บอกเลยว่าเดี๋ยวนี้มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่รับระดับปริญญาเอกกันแล้ว และต้องมีประสบการณ์การทำงานด้วย  อายุขนาดนี้เรียนป.โทซึ่งเดี๋ยวนี้มีคนจบระดับนี้เยอะมาก มันไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นเลยค่ะ

3.มีอะไรที่เราทำได้บ้าง เพื่อช่วยให้พี่ชายเราเติบโต และมีความรับผิดชอบ ที่ไม่ใช่การเป็นแม่บุญทุ่มควักเงินลงทุนโปรเจกต์ใหญ่ให้?
ต้องไม่ให้เงินเขาใช้ค่ะ  ทั้งแม่และคุณต้องหยุดค่ะ อย่างคุณที่เคยให้เงินแม่ใช้เป็นเดือน เป็นครั้ง คุณอาจเก็บไว้ที่ตนเองหรือฝากแบงค์ไว้แต่ยังไม่ต้องโอนให้แม่ค่ะ  อาจบอกแม่ว่าตนเองลำบากให้ไม่ได้อะไรก็ว่าไป (อาจต้องโกหกบ้าง) แต่จริง ๆ แล้วยังเก็บใส่แบงก์ให้แม่อย่างสม่ำเสมอ (เผื่อให้แม่ใช้ฉุกเฉินเวลาแม่ลำบาก) เพื่อที่ตัดช่องทางในการส่งต่อเงินจากคุณสู่แม่คุณและไปถึงพี่ชายซึ่งมันทำให้เขาสบายจนเคยตัว   ถ้าลำพังมีแต่เงินแม่คุณแล้วชีวิตประจำวันพี่ชายคุณเป็นแบบนี้ยังไงก็ไม่พอค่ะ  และถ้าแม่คุณสามารถงดให้เงินพี่ได้ยิ่งดีค่ะ

คุณต้องพูดคุยกับแม่แบบเปิดใจจริงจังไปเลยค่ะ ว่าเราต้องร่วมมือกันทำแบบนี้เพราะวันหนึ่งถ้าแม่ไม่อยู่พี่จะอยู่ยังไง  ชี้ให้แม่เห็นว่าพี่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลยถ้าไม่มีเงินแม่  แม่ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าแม่จะเลี้ยงลูกแบบนี้จริง  ๆเหรอ  แล้วคุณต้องยื่นคำขาดกับแม่เลยว่าถ้าหมดแม่ไปคุณจะไม่สามารถดูแลพี่ชายคุณได้เพราะคุณก็มีครอบครัวมีสามีมีลูกต้องดูแล สามีก็ทำงานหนักคุณก็ด้วยแถมครอบครัวก็ต้องเลี้ยงกันสามชีวิต จะให้มาพ่วงพี่ชายที่ไม่ทำงานทำการเลยถามว่าจะไหวเหรอ แล้วใครเขาทำกันบ้างให้น้องเขยน้องสาวทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเลี้ยงพี่ชายเมีย มันน่าสมเพชค่ะ  ต้องหนักแน่นให้แม่เห็นว่าพี่ชายลำบากแน่ถ้ายังทำตัวแบบนี้ต่อไป คือต้องใจแข็งค่ะทั้งคุณและแม่  พอเขาไม่มีเงินเขาต้องตะเกียกตะกายดิ้นรนหากินด้วยตนเอง ถึงตอนนั้นมีอะไรมาชอบไม่ชอบก็ต้องทำไว้ก่อนแหละค่ะ ฝึกให้สู้ชีวิตหน่อย ถ้าทำได้มาจนถึงตรงนี้ก็น่าจะมีวี่แววที่จะยังกลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่ได้ค่ะ  แต่ถ้ายังจะไม่ทำอะไรเลยก็ปล่อยอดไปเลยค่ะ ดูซิว่าจะทนอยู่ได้ยังไง  (อาจทำตามข้อ 1 คือเอาเงินก้อนให้พี่แล้วบอกแม่ด้วยว่าให้ก้อนนี้แล้วจะไม่ส่งเงินให้แม่อีกเพราะเงินเก็บหมดแล้วประมาณนี้ค่ะ )

4.คุณคิดว่าเราเห็นแก่ตัวไปไปมั๊ย ที่เราแต่งงานมามีครอบครัว แต่ไม่เกื้อกูลพี่ ในเรื่องของการสร้างอพาร์ตเมนต์ แล้วให้เค้าเป็นคนดูแล? หรือสร้างร้านกาแฟตามฝันให้?
ไม่เห็นแก่ตัวค่ะ  คุณก็มีชีวิตของคุณ มันจะแปลกมากถ้าคุณยอมให้ทุนพี่คุณสร้างอพาร์ตเมนต์ (ทั้ง ๆที่รู้อยู่แล้วว่าเขาทำอะไรไม่เป็น เหมือนโยนเงินทิ้ง)แถมยังจะให้คนที่มีไลฟ์สไตล์แบบนี้มาบริหารดูแล มีส่วนในเรื่องการเก็บเงินทั้งๆ ที่คุณออกทุกอย่างให้หมด คุณไม่ได้เห็นแก่ตัวเลยค่ะ  คุณเป็นลูกที่ดีอยู่แล้วคือยืนบนลำแข้งตัวเอง ไม่ได้ไปเบียดเบียนทำให้พ่อแม่ลำบาก แถมยังกตัญญูส่งเงินให้แม่ใช้ แต่แม่กลับนำไปใช้ในทางโอ๋ลูกชายจนกลายเป็นแบบนี้

5.มีญาติบางคน บอกเราว่า เพราะแม่เราได้เงินจากเรา เลยมีเงินเหลือให้พี่ชายใช้จ่าย เราต้องเลิกให้เงินแม่ คุณคิดว่ายังไงคะ? เรามองว่าเราให้แม่ แม่จะทำอะไรกับเงินก็แล้วแต่ แล้วมันก็ไม่ได้เยอะมาก ซึ่งเราก็มานั่งคิดว่าเรามีส่วนในเรื่องนี้ด้วยไหม?
คำตอบอยู่ในข้อ 3 ค่ะ

สรุปยังยืนยันแบบเดิมนะคะ คุณไม่ได้อกตัญญู คุณเป็นลูกและน้องที่ดีแล้ว พยายามช่วยทุกอย่าง ถามไถ่ ชี้แนะ แต่บางทีก็อย่างพระพุทธเจ้าว่าไว้นะคะมนุษย์ก็เปรียบดังบัว 4 เหล่า  บางเหล่าก็ขุดไม่ขึ้นจริง ๆ คุณต้องให้เขาเผชิญความลำบากด้วยตนเองค่ะ ต้องให้เขาสู้ชีวิตหากินด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นเขาก็จะทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ และเมื่อหมดแม่ไป คุณนั่นแหละค่ะจะลำบากต่อและจะกระทบต่อความสัมพันธ์กับสามีและสมาชิกในครอบครัวคุณภายหลังด้วย อันนี้แหละค่ะที่สำคัญมาก  พี่น้องควรดูแลกันรักกันมันถูกต้องค่ะ แต่ไม่ใช่การทำตัวเป็นภาระให้ใครคนใดคนหนึ่ง และทำตัวเป็นคนเห็นแก่ตัวให้คนอื่นมารับผิดชอบชีวิตให้เราค่ะ
ความคิดเห็นที่ 45
พี่คุณน่าจะมีอาการโรคซึมเศร้าเรื้อรังมานานมากแต่คนในครอบครัวไม่เคยสังเกตเห็นหรือเข้าใจ
มีความเป็นไปได้ที่อาการจะเริ่มตั้งแต่ก่อนจะเข้ามหาลัยเสียด้วยซ้ำซึ่งมาส่งผลให้เห็นครั้งแรก
ตอนที่ใช้เวลาเรียนปริญญาตรีตกแล้วตกอีกถึง10ปี   เขาควรได้รับการรักษากับจิตแพทย์
เรื่องที่จะให้เขามีการมีงานทำเป็นลูกน้องคนอื่น เดี๋ยนอาจจะต้องบอกตรงๆว่าไม่น่าจะเป็นไปได้แล้ว
สมองเขาน่าจะได้รับความกระทบกระเทือนจากเคมีในสมองที่ไม่สมดุลมาเป็นเวลานานมาก
ทีนี้มามองเรื่องการจัดการทรัพย์สินเพื่อตัวพี่คุณ ให้มองแบบ sympathy เราจะมองกันในแง่ที่ว่าทำอย่างไร
ให้เขามีเงินใช้ไปได้ตลอดเรื่อยๆแม้ไม่มากแต่ไม่ผลาญเงินจนหมด  รูปแบบที่พอเป็นไปได้คือ
เปลี่ยนทรัพย์สินทั้งหมดไปเป็นสลากออมสินหรือกองทุนตราสารหนี้แล้วให้ลงพินัยกรรมห้ามทำการขายทรัพย์สินนี้เป็นเงินสด
แต่ผู้รับประโยชน์จากปันผลคือตัวพี่สามารถเอาปันผลไปใช้ได้ อัตรา% yield จาก2รูปแบบการลงทุนที่เขียนไป
จะอยู่ที่ประมาณปีละ 2-2.5% ถ้ามีทรัพย์สิน 5ล้านบาทก็จะได้ปีละ1แสน หารแล้วได้เดือนละ 8พันกว่าๆ พอประทังชีวิตไปได้
-------------------------------------------------------------------------------------------------

อันนี้เขียนแยกออกมาเพราะเรื่องของพี่คุณมีความคล้ายกับตัวเดี๋ยนมาก
เดี๋ยนก็อยู่ในสภาวะกึ่งๆ leech และหมดอาลัยตายอยากจากการทำงานจากโรคเข้าสังคมไม่ได้ของตัวเอง
การพูดคุยในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องยากมาก คือมีปัญหาด้านการพูดสื่อสารขั้นรุนแรง
เดี๋ยนจบม.สีชมพูมาจากคณะดัง ทำงานมาหลายที่ก็โดนไล่ออกไม่ผ่านโปรทุกที่
ซึ่งมันบั่นทอน self-esteem ในตัวเองได้เยอะมากจริงๆสำหรับการโดนไล่ออกแต่ละครั้ง
อาจจะมีสิ่งที่ต่างกับพี่คุณคือเดี๋ยนไม่มีเพื่อนไม่มีสังคมต้องอวดเลยเป็นคนประหยัด
และเพราะเป็นคนที่ไม่มีอะไรดีในชีวิตนอกจากเรียนเก่ง ทำให้รู้ว่าเมื่อมีโอกาสหาเงินมาเมื่อไหร่
ต้องทุ่มเทและประหยัดมากเพราะคนที่สังคมรังเกียจแบบเราอาจหมดโอกาสการหาเงินได้ทุกเมื่อ
เราไม่ได้เป็นคนที่มีคนอื่นชอบ คนอื่นรัก ไม่มีคนจะมาเกื้อกูลอุปถัมภ์คนที่สังคมรังเกียจแบบเรา
และเราจะไม่สามารถหาประโยชน์ใดๆจาก connection ได้เพราะสังคมรังเกียจเราและเราไม่เป็นส่วนนึงของ connection
โชคดีอีกอย่างคือบังเอิญลงทุนหุ้นถูกเวลาทำให้มีทรัพย์สินมากพอที่จะอยู่แบบรับปันผลก็อยู่ได้ไม่ต้องทำงานอะไร
ซึ่งพอเห็นพี่คุณชีวิตมีความคล้ายกันมากก็เลยว่าน่าจะควรใช้วิธี passive รับปันผล พี่คุณก็น่าจะมีชีวิตรอดไปได้
ส่วนนี้คุณควรต้องคุยกับคุณแม่คุณให้เข้าใจว่ารูปแบบการจัดการทรัพย์สินแบบ passive แต่ lock ไม่ให้ขายออกมา
เป็นรูปแบบที่ดีกับคนที่หมดสมรรถภาพทางความคิดโดยเกือบสมบูรณ์ พี่คุณท้ายที่สุดจะต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับรายได้ที่ลดลงเอง
ความคิดเห็นที่ 18
บอกตรงๆ ไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ เราไม่ได้ดูถูก แต่เราก็เจอแบบคุณ พี่ชายเราจะห้าสิบแล้ว ยังไม่ทำงานเลย ขอเงินแม่ใช้ทุกวัน หนักกว่าคือติดพนันด้วยค่ะ แม่เราก็ตามใช้หนี้ให้ไปค่ะ จนแม่จะหมดตัวอยู่แล้ว ก็เห็นช่วย และไม่เคยดุด่าว่าอะไรพี่เราเลย เหตุผลเกียวกับแม่คุณเลยค่ะ คือกลัวว่าด่าว่าหรือไม่ช่วยแล้วพี่เราจะยิ่งเตลิด กลัวพี่เราเสียใจค่ะ

เราไม่ว่าหรอก ถ้าแม่จะช่วยอะไรพี่เรา เพราะนั่นคือเงินแม่หามาค่ะ เรามีหน้าที่แค่ส่งเงินให้แม่เราทุกเกิอนตามกำลัง แม่จะเอาไปใช้อะไรก็ตามสบายเลย

แต่เราโกรธแม่ ที่แม่จะให้เรามารับผิดชอบชีวิตพี่เราด้วยอีก แบบจะให้เรามาตามใช้หนี้ให้ด้วยอ่ะค่ะ แม่พูดทำนองว่าเราอย่าทิ้งพี่ พี่ไม่มีงานทำ
แต่คือ พี่เรามันไม่สำนึกอ่ะค่ะ ช่วยมาหลายสิบครั้งแล้ว มันก็ไม่เคยมีดีขึ้นเลย มีแต่จะเลวลงๆ

แม่เราก็เข้าใจนะ ไงก็ลูก แต่คือแม่ไม่นึกถึงเราเลย ว่าเราทำงานเงินเกือนแค่นี้เอง จะให้เรามารับผิดชอบพี่ชายอีกด้วย เราก็ไม่ไหวค่ะ

เราเกลียดแม่เรามาก เพราะเรื่องพี่ชายนี่ล่ะ พอเราไม่ช่วยแม่ก็ด่าเรา โกรธเรา เราเบื่อมาก

คงต้องรอวันที่ไม่มีแม่นั่นแหล่ะ เราถึงจะหลุดพ้นค่ะ ถึงวันนั้น เราคงทางใครทางมันกับพี่ชายเราค่ะ
ความคิดเห็นที่ 43
คนกลุ่มนี้  เราทำอะไรไม่ได้ครับ
เค้าไม่ได้เป็นอาชญากร   เค้าแค่ไม่ยอมทำงาน

ที่ทำได้คือ ตัดหางปล่อยวัด

จขกท คิดจะวางแผนให้ ทำโน่นนี่
ไม่มึประโยชน์ครับ
จนกว่าเค้าจะคิดทำเอง

และถ้าทำ  ยังต้องดูว่า เหยียบขี้ไก่ฝ่อมั้ย
ไฟไหม้ฟางมั้ย

เอาง่ายๆ  คนทั่วๆไปที่ไหนจะลอยชายได้จนอายุ 38
รับความจริงเถอะครับ

แก้ไม่ได้หรอก
ต่อให้พยายามหาคนที่ผิด ก็แก้ไขอะไรไม่ได้

ผมเคยซื้อเครีองซักผ้า ให้พี่ชายเพื่อเอาไปรับจ้างซักผ้า รีดผ้า
ผล....เขาเอาเครื่องซักผ้าไปขาย.....กรรมมั้ย

สารพัดเหตุผล ที่พี่คนนี้จะโทษคนอื่น

เมื่อพ่อและแม่เสีย พี่คนนี้ขอวผม เขาขอแบ่งเงิน  ทั้งๆที่พ่อ แม่ไม่มีเงินเหลือเลย  พี่น้องคนอื่นเลี้ยงพ่อแม่ยามแก่

เอ้า พี่น้องก็รวมเงินแบ่งเงินให้ แสนนึง
ไม่กี่เดือนหมด....กรรม

เท่าที่รู้  เอาไปเข้าคาราโอเก่ะ.....กรรม  
ในสังคม ตจว เมืองไม่ใหญ่  ถามแป๊ปเดียวก็พอได้ข่าวแล้วครัย

ก่อนแม่ผมเสีย  แม่บอกผม  ให้ช่วยดูแลพี่ชายคนนี้หน่อย   ผมก็ตามใจคนก่อนเสีย จะได้ไปดี

พี่คนนี้ โทรมาทีไรคือ ขอตัง  จนปีที่ 10 เค้าโทรขอ 4,000     งวดนี้ผมลองดู  ผมบอก ผมมี 2,000 ได้มั้ย  เค้าบอกไม่ได้ ต้อง 4,000  เท่านั้น   (คิดในใจ  กรูเป็น atm มาตั้ง 10 ปี )    

ผมยืนยันมีแค่ที่ 2000  เค้าบอกงั้นไม่เอา   ผมบอก งั้นตามนั้น  ดีใจที่ได้โอกาสตัด

ถัดจากนั้นผมตัดเลย  ไปไหว้พระ เพื่อบอกแม่ที่เสียไปแล้วว่า  10 ปี นานพอแล้ว  ผมทำได้แค่นี้

ผ่านมาอีก 10 ปี  พี่คนนี้เป็นมะเร็งตาย ก่อนตายขอเจอผม   พอดีผมติดงาน กว่าจะหาเวลาไป ตจว  ได้  ก็ไม่ทัน  แกเสียหล่ะ

แกเสียตอน 62

มองชีวิตพี่ชายแท้ๆคนนี้  ก็เอาแต่ง่ายเข้าว่า ขี้เกียจ แต่พูดเก่ง

ทุกคนในบ้านสารพัดช่วย  เสนอให้ทำโน่นนี่ ....ผล.... เล๊ะ  รับเงินไป แต่เอาไปใช้  ไม่ได้เอาไปทำอะไร

เจอคนแบบนี้   เค้าแค่ไม่เป็นอาชญากร  

แต่เหมือนเค้าเอาคนในบ้านที่รักเขา   มาเป็นคนส่งเสียเขาไปเรื่อยๆ

พี่อีกคนกดดันพ่อให้ไล่พี่คนนี้ออกจากบ้านด้วย  เพราะคนที่ไม่ไหวนี้  ช่วงวัยรุ่นติดยา ผงขาว  พ่อตัดใจไม่ได้  ก็คงเหมือนแม่ จขกท  ที่ไม่รู้จะทำยังไง  พอมาขอตัง พ่อก็ให้นิดหน่อย   พอไม่ให้  พี่คนที่ว่านี้  เขาก็ขโมยของในบ้านไปขาย   ดูเอาครับ...กรรม

ท่ายที่สุดพ่อเครียดจนกินเหล้าแม่โขงนี่ 3 วัน 2 กลม  สมองพ่อก็ทนเหล้าขนาดนี้ ได้ไม่กี่ปีครับ....กรรมอีก

แค่มาเล่าให้ฟังครับว่า  คนแบบนี้  แก้ไขยากครับ  

ดูเหมือนต้องตัดหางปล่อยวัดมังครับ  

แต่ พ่อแม่ จะตัดได้มั่ย  ดูเหมือนไม่ง่าย  เพราะเค้าจะตื้อไปเรื่อยๆ ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่