กุนซือโลกการเงิน ตอน วิถีนักเก็งกำไร
ผู้น้อย ‘มังกรในสระ’ นัอมรับใช้นายท่าน อันว่า จริตในการลงทุนนั้น ท่านว่า อาจแบ่งได้เป็นสองจำพวกใหญ่ๆ คือ จริตนักลงทุน และจริตนักเก็งกำไร ดังผู้น้อยได้แจกแจงโดยพิสดารแล้วในตอนที่ผ่านมา ในตอนนี้จะขอกล่าวถึงคุณสมบัติอันพึงมีสำหรับท่านที่มีจริตทางการลงทุนหนักไปในทางนักเก็งกำไร เนื่องด้วยเมื่อทราบว่า ตนเองนั้นมีอัธยาศรัยไปในทางสายนี้แล้ว ย่อมจะต้องฝึกฝนตนเองไปในทางที่สอดคล้องกับจริตเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นบนเส้นทางการลงทุน มิใช่ว่า เพียงแต่ค้นพบตนเองแล้ว แต่มิได้ทำการใดเพื่อพัฒนาให้ไปสู่ภาวะสูงสุด การเพียรค้นหาตนเองจนพบก็จะเป็นการสูญเปล่า จริงไหมขอรับ
อันว่า คุณสมบัติที่นักเก็งกำไรพึงมีนั้น ด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดของผู้น้อยพอจะเล็งเห็นได้ว่า นักเก็งกำไรควรจักต้องเป็น ‘ผู้รู้’ และ ‘ผู้กล้า’ หากรู้อย่างเดียวแต่ไม่กล้า ก็หาประโยชน์มิได้ กลับกันหากกล้าอย่างเดียวแต่ไม่รู้ นอกจากจะหาประโยชน์ไม่ได้แล้ว อาจจะเสียประโยชน์อักโขด้วย กล่าวคือ ในการลงทุนนั้น หากมีความรู้โดยได้ศึกษาอย่างดีแล้ว อีกทั้งพยากรณ์ได้ด้วยว่า สินทรัพย์เสี่ยงที่สนใจจะลงทุนนั้น จะให้ผลตอบแทนเป็นเท่าไรหากตัดสินใจลงทุนในวันนี้ แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาที่จะใช้เงินลงทุนจริงๆ กลับไม่กล้าเสียได้ โอกาสย่อมจะหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย ตรงกันข้าม ความรู้มิได้หามิได้ศึกษา อาศัยแต่สัญชาตญาณประสมความกล้า จึงได้ตัดสินใจลงทุนไปทั้งที่มิได้มีความรู้ความเข้าใจกระจ่างเลย เช่นนี้ย่อมไม่ผิดกับการเล่นการพนัน โอกาสที่จะชนะศึกในสมรภูมิการลงทุนย่อมจะมองแทบไม่เห็น
ดังนั้น การจะเป็นนักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จ บุคคลจะต้องมีทั้งความรู้และความกล้าควบคู่กันไป จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ แลพึงเตือนตนเองเสมอก่อนที่จะตัดสินใจทำการใดในโลกการเงินว่า มีความรู้พอหรือยัง เมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มีความรู้ดีแล้ว ก็ต้องปลุกความกล้าในใจ หากพิเคราะห์แล้วยังไม่มั่นใจว่า มีความรู้พอหรือไม่ ก็สยบความกล้าเสีย จึงกล่าวได้ว่า ความรู้และความกล้าเป็นสิ่งที่เกื้อหนุนจุนเจือกัน ยิ่งรู้มาก ย่อมจะยิ่งกล้ามาก ยิ่งรู้น้อย ก็จะยิ่งกล้าน้อย พึงระวังไม่ให้สองสิ่งนี้ขัดแย้งกัน นี่คือศีลหรือวินัยของนักเก็งกำไรอันจักต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
การเป็นผู้รู้บนเส้นทางนักเก็งกำไรนั้นมีความหมายกว้างขวางแลใหญ่โตมาก เพราะผู้จะเป็นนักเก็งกำไรที่จะประสบความสำเร็จนั้นจะต้องรู้รอบแลรู้ลึกไม่แพ้ผู้มีจริตประเภทนักลงทุนเลยก็ว่าได้ และไม่เพียงแต่รู้เฉพาะพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์เสี่ยงเท่านั้น แต่จะต้องรู้ปัจจัยพื้นฐานด้วย แต่ไม่จำต้องลึกซึ้งถึงขนาดแกะงบการเงินได้อย่างแตกฉาน ทว่าจะต้องพอมีความรู้ในส่วนนี้ตามสมควรจนสามารถมองออกว่า สินทรัพย์เสี่ยงนั้นๆ เช่น หุ้นตัวนั้นตัวนี้ มีปัจจัยพื้นฐานเป็นอย่างไร อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีอนาคตหรือไม่ มีธรรมาภิบาลหรือไม่ ราคาหุ้นถูกหรือแพงเมื่อเทียบกับเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน มีปัจจัยบวกใดๆรออยู่ หรือ ปรากฏแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่รับรู้มากนัก และประเมินดูว่า พอจะฝากความหวังไว้ได้หรือไม่ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ไม่ต้องถึงห้าปีสิบปีเหมือนกับนักลงทุนระยะยาว แต่อาจเป็นในระดับในช่วงสามเดือน หกเดือน หรือหนึ่งปี เมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จะได้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับความกล้าก็พึงกำหนดไว้เป็นตัวเลือกหนึ่ง
เมื่อมีความรู้ในด้านปัจจัยพื้นฐานแล้ว ต่อไปก็ต้องมีความรู้เกี่ยวกับปัจจัยทางเทคนิคด้วย นั่นหมายความต้องดูกราฟเป็น แลอ่านกราฟให้ออก ต้องทราบเกี่ยวกับตัวชี้วัด หรือ Indicator ต่างๆว่ามีอะไรบ้าง ใช้อย่างไรบ้าง อาจรู้จักเพียงที่เด่นๆและใช้ให้ถูกก็พอ ไม่ต้องรู้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังต้องทราบพฤติกรรมของสินทรัพย์เสี่ยง หรือ หุ้นตัวที่เราเลือกว่า ช่วงไหนเป็นช่วงที่ควรเริ่มเก็บสะสม หรือ เรียกว่าช่วงเก็บของ ช่วงไหนเป็นช่วงที่ควรจะขายออกไป หรือ ช่วงออกของ จะต้องจับจังหวัดให้แม่นยำ ถ้าไม่มีความรู้ในสิ่งเหล่านี้เลย ก็ไม่พึงเป็นนักเก็งกำไร เพราะจะเป็นผู้นำเงินไปแจกนักเก็งกำไรที่ชำนาญเสียมากกว่า ถ้าอยากเป็นนักเก็งกำไร แต่ทว่ากราฟอะไรต่างๆไม่รู้จัก ดูไม่เป็นอ่านไม่ออก ไม่พึงหาญกล้าทำการเสี่ยงภัยในโลกการเงิน ควรศึกษาให้ดีเสียก่อน หรือ ทดลองหาประสบการณ์เสียก่อน ทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆเป็นค่อยๆไป อย่าใจร้อน ความเสียหายจะมีจำกัด แลอาจถือว่าเป็นเพียงค่าหน่วยกิจเล็กๆน้อยๆ ไม่ถึงกับทำให้ล่มจมหรือเดือดร้อน
ครั้นเป็นผู้รู้ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคจนแน่ใจว่า สามารถออกทำศึกได้แล้ว ก็ต้องมีความกล้า ในที่นี้ไม่หมายความเฉพาะแต่ความกล้าซื้อเท่านั้น ยังหมายรวมถึงความกล้ารอ กล้าขายทำกำไร และกล้าตัดขาดทุนด้วย การเป็นนักเก็งกำไรนั้นต้องทำใจยอมรับผลสองทาง หรือ มีความกล้าในสองส่วน คือ กล้าได้และกล้าเสียด้วย มิใช่กล้าได้อย่างเดียวไม่กล้าเสีย กล้าได้นั้นได้แก่ กล้ารอด้วยความอดทนด้วย ที่ท่านเรียกกันว่า กล้ารวย ไม่รีบขายทำกำไรเล็กน้อยเสียแต่ต้นมือ แต่กล้าถือเพื่อหวังกำไรที่มากกว่า ประการนี้คือกล้าได้ ประการถัดมาคือกล้าเสีย เมื่อขาดทุนแล้ว อย่ารอให้ขาดทุนหนัก โดยพิจารณาดูที่กราฟถ้าเส้นอะไรตัดกับเส้นอะไรแล้วหมายถึงสัญญาณขาย ก็จงขาย อย่ากล้าแต่ได้ ต้องกล้าเสียด้วย มิฉะนั้นแทนที่จะเป็นนักเก็งกำไรผู้สำเร็จจะเป็นนักเก็งกำไรผู้ล้มเหลวเสีย ข้อนี้เป็นศีลของนักเก็งกำไรอีกเช่นกัน
เมื่อความรู้และความกล้าหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว ความเป็นนักเก็งกำไรผู้สามารถย่อมบังเกิด พร้อมสู้ศึกในสมรภูมิการลงทุนได้อย่างเต็มภาคภูมิ เพลานี้ ผู้น้อยเห็นว่า เป็นโอกาสที่จะได้ทำศึกในสมรภูมิการลงทุนในฐานะนักเก็งกำไร เพราะความหวังของนักลงทุนในตลาดเงินตลาดทุนกำลังมีมาก เป็นช่วงเวลาที่ทั้งนักลงทุนหน้าใหม่และหน้าเก่าจะได้มาสังสรรค์ร่วมกัน เพราะในเพลาที่อัตราดอกเบี้ยโลกเข้าสู่ช่วงแรกๆของวงจรขาขึ้น ราคาสินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภทยกเว้น พันธบัตร จะเคลื่อนไหวในทิศทางที่สดใส เพราะการที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นนั้นคือเครื่องยืนยันว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเฟื่องฟูจนต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรงเป็นระยะนั่นเอง และก่อนที่ดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้สินทรัพย์เสื่อมคุณค่าลง ย่อมเป็นเวลาอันเหมาะสมสำหรับนักเก็งกำไรที่จะกระโจนเข้าสู่ความเสี่ยงนี้ ก่อนจะจบวงจรอันน่ารื่นรมย์ (สำหรับนักเก็งกำไร) นี้ในกาลภายหน้า เมื่อฟองสบู่โปร่งพองมากขึ้นจนถึงระดับที่ทุกคนเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังนั่งอยู่บนฟองสบู่
สวัสดี......
fb : สำนักกุนซือโลกการเงิน มังกรในสระ
วิถีนักเก็งกำไร
กุนซือโลกการเงิน ตอน วิถีนักเก็งกำไร
ผู้น้อย ‘มังกรในสระ’ นัอมรับใช้นายท่าน อันว่า จริตในการลงทุนนั้น ท่านว่า อาจแบ่งได้เป็นสองจำพวกใหญ่ๆ คือ จริตนักลงทุน และจริตนักเก็งกำไร ดังผู้น้อยได้แจกแจงโดยพิสดารแล้วในตอนที่ผ่านมา ในตอนนี้จะขอกล่าวถึงคุณสมบัติอันพึงมีสำหรับท่านที่มีจริตทางการลงทุนหนักไปในทางนักเก็งกำไร เนื่องด้วยเมื่อทราบว่า ตนเองนั้นมีอัธยาศรัยไปในทางสายนี้แล้ว ย่อมจะต้องฝึกฝนตนเองไปในทางที่สอดคล้องกับจริตเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นบนเส้นทางการลงทุน มิใช่ว่า เพียงแต่ค้นพบตนเองแล้ว แต่มิได้ทำการใดเพื่อพัฒนาให้ไปสู่ภาวะสูงสุด การเพียรค้นหาตนเองจนพบก็จะเป็นการสูญเปล่า จริงไหมขอรับ
อันว่า คุณสมบัติที่นักเก็งกำไรพึงมีนั้น ด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดของผู้น้อยพอจะเล็งเห็นได้ว่า นักเก็งกำไรควรจักต้องเป็น ‘ผู้รู้’ และ ‘ผู้กล้า’ หากรู้อย่างเดียวแต่ไม่กล้า ก็หาประโยชน์มิได้ กลับกันหากกล้าอย่างเดียวแต่ไม่รู้ นอกจากจะหาประโยชน์ไม่ได้แล้ว อาจจะเสียประโยชน์อักโขด้วย กล่าวคือ ในการลงทุนนั้น หากมีความรู้โดยได้ศึกษาอย่างดีแล้ว อีกทั้งพยากรณ์ได้ด้วยว่า สินทรัพย์เสี่ยงที่สนใจจะลงทุนนั้น จะให้ผลตอบแทนเป็นเท่าไรหากตัดสินใจลงทุนในวันนี้ แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาที่จะใช้เงินลงทุนจริงๆ กลับไม่กล้าเสียได้ โอกาสย่อมจะหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย ตรงกันข้าม ความรู้มิได้หามิได้ศึกษา อาศัยแต่สัญชาตญาณประสมความกล้า จึงได้ตัดสินใจลงทุนไปทั้งที่มิได้มีความรู้ความเข้าใจกระจ่างเลย เช่นนี้ย่อมไม่ผิดกับการเล่นการพนัน โอกาสที่จะชนะศึกในสมรภูมิการลงทุนย่อมจะมองแทบไม่เห็น
ดังนั้น การจะเป็นนักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จ บุคคลจะต้องมีทั้งความรู้และความกล้าควบคู่กันไป จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ แลพึงเตือนตนเองเสมอก่อนที่จะตัดสินใจทำการใดในโลกการเงินว่า มีความรู้พอหรือยัง เมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มีความรู้ดีแล้ว ก็ต้องปลุกความกล้าในใจ หากพิเคราะห์แล้วยังไม่มั่นใจว่า มีความรู้พอหรือไม่ ก็สยบความกล้าเสีย จึงกล่าวได้ว่า ความรู้และความกล้าเป็นสิ่งที่เกื้อหนุนจุนเจือกัน ยิ่งรู้มาก ย่อมจะยิ่งกล้ามาก ยิ่งรู้น้อย ก็จะยิ่งกล้าน้อย พึงระวังไม่ให้สองสิ่งนี้ขัดแย้งกัน นี่คือศีลหรือวินัยของนักเก็งกำไรอันจักต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
การเป็นผู้รู้บนเส้นทางนักเก็งกำไรนั้นมีความหมายกว้างขวางแลใหญ่โตมาก เพราะผู้จะเป็นนักเก็งกำไรที่จะประสบความสำเร็จนั้นจะต้องรู้รอบแลรู้ลึกไม่แพ้ผู้มีจริตประเภทนักลงทุนเลยก็ว่าได้ และไม่เพียงแต่รู้เฉพาะพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์เสี่ยงเท่านั้น แต่จะต้องรู้ปัจจัยพื้นฐานด้วย แต่ไม่จำต้องลึกซึ้งถึงขนาดแกะงบการเงินได้อย่างแตกฉาน ทว่าจะต้องพอมีความรู้ในส่วนนี้ตามสมควรจนสามารถมองออกว่า สินทรัพย์เสี่ยงนั้นๆ เช่น หุ้นตัวนั้นตัวนี้ มีปัจจัยพื้นฐานเป็นอย่างไร อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีอนาคตหรือไม่ มีธรรมาภิบาลหรือไม่ ราคาหุ้นถูกหรือแพงเมื่อเทียบกับเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน มีปัจจัยบวกใดๆรออยู่ หรือ ปรากฏแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่รับรู้มากนัก และประเมินดูว่า พอจะฝากความหวังไว้ได้หรือไม่ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ไม่ต้องถึงห้าปีสิบปีเหมือนกับนักลงทุนระยะยาว แต่อาจเป็นในระดับในช่วงสามเดือน หกเดือน หรือหนึ่งปี เมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จะได้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับความกล้าก็พึงกำหนดไว้เป็นตัวเลือกหนึ่ง
เมื่อมีความรู้ในด้านปัจจัยพื้นฐานแล้ว ต่อไปก็ต้องมีความรู้เกี่ยวกับปัจจัยทางเทคนิคด้วย นั่นหมายความต้องดูกราฟเป็น แลอ่านกราฟให้ออก ต้องทราบเกี่ยวกับตัวชี้วัด หรือ Indicator ต่างๆว่ามีอะไรบ้าง ใช้อย่างไรบ้าง อาจรู้จักเพียงที่เด่นๆและใช้ให้ถูกก็พอ ไม่ต้องรู้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังต้องทราบพฤติกรรมของสินทรัพย์เสี่ยง หรือ หุ้นตัวที่เราเลือกว่า ช่วงไหนเป็นช่วงที่ควรเริ่มเก็บสะสม หรือ เรียกว่าช่วงเก็บของ ช่วงไหนเป็นช่วงที่ควรจะขายออกไป หรือ ช่วงออกของ จะต้องจับจังหวัดให้แม่นยำ ถ้าไม่มีความรู้ในสิ่งเหล่านี้เลย ก็ไม่พึงเป็นนักเก็งกำไร เพราะจะเป็นผู้นำเงินไปแจกนักเก็งกำไรที่ชำนาญเสียมากกว่า ถ้าอยากเป็นนักเก็งกำไร แต่ทว่ากราฟอะไรต่างๆไม่รู้จัก ดูไม่เป็นอ่านไม่ออก ไม่พึงหาญกล้าทำการเสี่ยงภัยในโลกการเงิน ควรศึกษาให้ดีเสียก่อน หรือ ทดลองหาประสบการณ์เสียก่อน ทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆเป็นค่อยๆไป อย่าใจร้อน ความเสียหายจะมีจำกัด แลอาจถือว่าเป็นเพียงค่าหน่วยกิจเล็กๆน้อยๆ ไม่ถึงกับทำให้ล่มจมหรือเดือดร้อน
ครั้นเป็นผู้รู้ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคจนแน่ใจว่า สามารถออกทำศึกได้แล้ว ก็ต้องมีความกล้า ในที่นี้ไม่หมายความเฉพาะแต่ความกล้าซื้อเท่านั้น ยังหมายรวมถึงความกล้ารอ กล้าขายทำกำไร และกล้าตัดขาดทุนด้วย การเป็นนักเก็งกำไรนั้นต้องทำใจยอมรับผลสองทาง หรือ มีความกล้าในสองส่วน คือ กล้าได้และกล้าเสียด้วย มิใช่กล้าได้อย่างเดียวไม่กล้าเสีย กล้าได้นั้นได้แก่ กล้ารอด้วยความอดทนด้วย ที่ท่านเรียกกันว่า กล้ารวย ไม่รีบขายทำกำไรเล็กน้อยเสียแต่ต้นมือ แต่กล้าถือเพื่อหวังกำไรที่มากกว่า ประการนี้คือกล้าได้ ประการถัดมาคือกล้าเสีย เมื่อขาดทุนแล้ว อย่ารอให้ขาดทุนหนัก โดยพิจารณาดูที่กราฟถ้าเส้นอะไรตัดกับเส้นอะไรแล้วหมายถึงสัญญาณขาย ก็จงขาย อย่ากล้าแต่ได้ ต้องกล้าเสียด้วย มิฉะนั้นแทนที่จะเป็นนักเก็งกำไรผู้สำเร็จจะเป็นนักเก็งกำไรผู้ล้มเหลวเสีย ข้อนี้เป็นศีลของนักเก็งกำไรอีกเช่นกัน
เมื่อความรู้และความกล้าหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว ความเป็นนักเก็งกำไรผู้สามารถย่อมบังเกิด พร้อมสู้ศึกในสมรภูมิการลงทุนได้อย่างเต็มภาคภูมิ เพลานี้ ผู้น้อยเห็นว่า เป็นโอกาสที่จะได้ทำศึกในสมรภูมิการลงทุนในฐานะนักเก็งกำไร เพราะความหวังของนักลงทุนในตลาดเงินตลาดทุนกำลังมีมาก เป็นช่วงเวลาที่ทั้งนักลงทุนหน้าใหม่และหน้าเก่าจะได้มาสังสรรค์ร่วมกัน เพราะในเพลาที่อัตราดอกเบี้ยโลกเข้าสู่ช่วงแรกๆของวงจรขาขึ้น ราคาสินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภทยกเว้น พันธบัตร จะเคลื่อนไหวในทิศทางที่สดใส เพราะการที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นนั้นคือเครื่องยืนยันว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเฟื่องฟูจนต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรงเป็นระยะนั่นเอง และก่อนที่ดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้สินทรัพย์เสื่อมคุณค่าลง ย่อมเป็นเวลาอันเหมาะสมสำหรับนักเก็งกำไรที่จะกระโจนเข้าสู่ความเสี่ยงนี้ ก่อนจะจบวงจรอันน่ารื่นรมย์ (สำหรับนักเก็งกำไร) นี้ในกาลภายหน้า เมื่อฟองสบู่โปร่งพองมากขึ้นจนถึงระดับที่ทุกคนเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังนั่งอยู่บนฟองสบู่
สวัสดี......
fb : สำนักกุนซือโลกการเงิน มังกรในสระ